‘ทอน’แลกด้วยชีวิต ยืนหยัดหลักการที่ถูกต้อง‘ป๊อก’หลังพิงฝรั่ง


เพิ่มเพื่อน    

 ศาลรัฐธรรมนูญพร้อมอ่านคำวินิจฉัยคดีเงินกู้แล้ว  ย้อนอดีตนัดบ่ายสามฟังกันยาวแน่ คาดมี 4 สูตร เชื่อหากหวยออกสูตรล่าสุดประนีประนอม ไม่ยุบพรรค แต่ตัดสิทธิ์ 5 ปี พ่วงยึดเงิน 181.2 ล้านเข้ากองทุนพัฒนาการเมือง “ธนาธร” ปลุกเฮือกสุดท้าย  บอกยืนหยัดสู้แม้ต้องแลกด้วยชีวิต ส่วน “ปิยบุตร” หันพิงหลังฝรั่งเมืองเบียร์ อ้างเยอรมนีจับตาคดีใกล้ชิด “เด็ก พปชร.” ชำแหละคำแถลงปิดคดีอาจารย์ป๊อกเลื่อนลอยไร้หลักฐานจับต้องได้ แค่ปลุกกระแสสังคมสร้างภาพ “หมอวรงค์” ฟันธงจบสวยเหมือนหนังไทยคนร้ายต้องตายตอนจบ

    เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ก.พ. เจ้าหน้าที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เตรียมสถานที่รองรับการอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องขอให้พิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จากเหตุกู้ยืมเงิน 191.2 ล้านบาท จากนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. ในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ. เวลา 15.00 น. โดยช่วงเช้าเจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กมากั้นกำหนดแนวเขตที่ทำการศาล เพื่อไม่ให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาภายในบริเวณศาล พร้อมนำจอภาพขนาดใหญ่ 2 จอ มาติดตั้งบริเวณโถงหน้าที่ทำการศาล และติดตั้งอีก 1 จอภาพในห้องสื่อมวลชน เพื่อรับถ่ายทอดสัญญาณจากห้องพิจารณาคดี 
    พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ตำรวจมีความพร้อมในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยและอำนวยความสะดวกจราจรกรณีดังกล่าว ซึ่ง พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) มอบหมายให้ พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น. ดูแลรับผิดชอบ พร้อมจัดกำลังตำรวจทั้งหญิงและชาย 1 กองร้อย หรือ 150 นาย ดูแลความสงบเรียบร้อย โดยจากการตรวจสอบด้านการข่าว ยังไม่พบว่ามีการปลุกระดมมวลชนผ่านโซเชียลมีเดีย แต่ได้กำชับให้ดูเรื่องความประพฤติที่อาจสุ่มเสี่ยมและผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการรวมหัวกันชุมนุมเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ไม่ว่าเชิงการเมืองหรือไม่ใช่ก็ตาม โดยขอให้ทุกฝ่ายเคารพคำตัดสินของศาลไม่ว่าจะออกมาแบบใด 
“ตำรวจ 1 กองร้อยเอาอยู่ เพราะคำตัดสินลักษณะแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่ฝากไปยังมวลชนที่จะเดินทางมา อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย เพราะหากทำผิดแล้วต้องถูกดำเนินคดี เพราะเป็นความผิดที่ยอมความไม่ได้”
    ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในเรื่องนี้ว่า ได้เตรียมการดูแลความสงบเรียบร้อยแล้ว ไม่กังวล และพรรคอนาคตใหม่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล เชื่อว่าสถานการณ์การเมืองในตอนนี้ยังไม่มีอะไร
    มีรายงานจากศาลรัฐธรรมนูญแจ้งว่า ก่อนการอ่านคำวินิจฉัยคดีในเวลา 15.00 น. ในช่วงเช้าประมาณ 09.00 น. นายนุรักษ์ มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ได้นัดตุลาการทั้ง 9 คนประชุมเพื่อให้ตุลาการแต่ละคนแถลงผลคำวินิจฉัยส่วนตนก่อนลงมติ ซึ่งที่ผ่านมาการแถลงผลคำวินิจฉัยส่วนตนจะไม่เกิน 1.30 ชั่วโมงจนได้มติ ก่อนที่จะร่วมกันเขียนและตรวจสอบคำวินิจฉัยกลางของศาลเพื่อนำไปอ่านให้คู่ความ
      ทั้งนี้ การนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีของศาลครั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตทางการเมืองว่า ห่างจากเวลาการประชุมของตุลาการในช่วงเช้าค่อนข้างนาน จนมองกันว่าความเห็นในการวินิจฉัยคดีของตุลาการอาจไม่ไปในทิศทางเดียวกัน คือมีแนวโน้มที่เสียงแตกไม่เป็นเอกฉันท์ จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการเขียนคำร้องค่อนข้างนานและเป็นคำวินิจฉัยที่มีขนาดยาว จึงนัดอ่านในช่วง 15.00 น. ต่างจากคำวินิจฉัยคดียุบพรรค อนค.ในเรื่องล้มล้างการปกครองฯ เมื่อ 21 ม.ค. ที่ศาลนัดอ่านคำวินิจฉัยเวลา 11.30 น. แล้วตุลาการมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยกคำร้อง 
4 บทสรุปคดีส้มหวาน
    “ในช่วงหลังคดีที่นัดอ่านคำวินิจฉัยคดีในช่วง 14.00-15.00 น. เช่น คดียุบพรรคไทยรักษาชาติ หรือคดีถือหุ้นสื่อก่อนการเลือกตั้งของนายธนาธร ผลปรากฏว่าคำวินิจฉัยกลางจะมีเนื้อหาค่อนข้างยาว และผลแห่งคดีออกมาในทางไม่เป็นคุณกับผู้ถูกร้อง”
มีรายงานแจ้งอีกว่า มีการวิเคราะห์กันว่าผลการวินิจฉัยคดีของศาลในคดีนี้อาจออกมาเป็น 4 แบบ คือ 1.ตัดสินว่าการกู้เงินไม่ผิดกฎหมายพรรคการเมือง ยกคำร้อง 2.การกู้เงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ศาลจึงวินิจฉัยว่ากรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ที่มีส่วนรับรู้และร่วมกันเห็นชอบการทำนิติกรรมดังกล่าวจึงต้องร่วมกันรับผิด และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี และมีความเห็นให้ยุบพรรค 3.การกู้เงินไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เห็นว่าเป็นความผิดเฉพาะตัวคือ กก.บห. จึงวินิจฉัยตัดสิทธิ์การเมือง กก.บห. แต่ไม่มีคำสั่งให้ยุบพรรค และ 4.วินิจฉัยว่าการกู้เงินทำไม่ได้ เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายพรรคการเมือง จึงวินิจฉัยให้ กก.บห.มีส่วนร่วมรับผิดชอบ โดยการตัดสิทธิ์การเมือง แต่ไม่วินิจฉัยให้ยุบพรรค และให้ลงโทษตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองที่มีโทษปรับไม่เกินหนึ่งล้านบาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของหัวหน้าพรรคการเมืองและ กก.บห. 5 ปี และให้เงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ส่วนที่เกินมูลค่า 10 ล้านบาทตกเป็นของกองทุนเพื่อการพัฒนาพรรคการเมือง คือจำนวน 181.2 ล้านบาท
       “สูตรตัดสินคดีสูตรที่ 4 เพิ่งมีการถูกพูดถึงในช่วงหลัง และถูกมองในทางการเมืองว่าเป็นแนวทางการลงโทษประนีประนอม เพราะไม่ยุบพรรค และ กก.บห.โดนตัดสิทธิ์แค่ 5 ปี ไม่ใช่ 10 ปี”
    ด้านนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค อนค. โพสต์คลิปพร้อมข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า 1 วันก่อนการอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรค เราจริงจังกับการระดมทุนจากสาธารณะ เราปฏิเสธเงินก้อนใหญ่จากทุนผูกขาดที่มาจากเลือดเนื้อประชาชน เพราะการรับเงินที่มาจากทุนผูกขาดนั้น ขัดต่อแนวอุดมการณ์ของพรรค เพราะวันหนึ่งเมื่อเรามีอำนาจทางการเมือง เราจะได้เป็นตัวของตัวเองที่สุด ไม่จำเป็นต้องตอบแทนกลุ่มทุนใดนอกจากประชาชน
    “หากย้อนเวลากลับไปได้ หากเราถูกกีดกันทุกวิถีทางในการระดมทุนเหมือนที่ผ่านมา และหากจำเป็นต้องกู้ เราก็จะทำเช่นเดิม จะกู้เงินอย่างเปิดเผยและตรวจสอบได้เหมือนเดิม จะยืนหยัดยืนยันในหลักการที่ถูกต้อง แม้ต้องแลกมาด้วยชีวิตก็ตาม ซึ่งในวันศุกร์ที่ 21 ก.พ.นี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยคดีเงินกู้ขอผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความอยุติธรรม มาร่วมฟังคำวินิจฉัยและแสดงพลังที่สำนักงานใหญ่พรรคอนาคตใหม่ เวลา 10.00 น. เป็นต้นไป ไม่ถอย ไม่ทน รวมคนอนาคตใหม่” นายธนาธรระบุ
พิงฝรั่งไส้กรอกสู้ยุบพรรค
    ส่วนนายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรค อนค. โพสต์เฟซบุ๊กว่า ได้ให้การรับรองปีเตอร์ รามซาวเออร์ ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา สภาผู้แทนราษฎรสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี พร้อม กมธ.อีก 2 ท่าน และเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์การทำงาน ซึ่งนายรามซาวเออร์กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคว่า เป็นสิ่งที่น่าจับตามองมาก เพราะหากมองในแง่เสรีภาพทางการเมือง สิทธิมนุษยชน เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และความเป็นประชาธิปไตยแล้ว หากผลตัดสินออกมาในลักษณะที่ไม่เป็นคุณต่อพรรค อนค. จะเป็นเรื่องน่าจับตาอย่างมาก อยากให้ทราบว่า กมธ.และสภาผู้แทนราษฎรเยอรมนีให้ความสนใจและติดตามเรื่องนี้อยู่ รวมทั้งให้ความสนใจกับการเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ๆ ของไทยในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และถามถึงการสร้างพรรคอนาคตใหม่
    “ผมได้กล่าวชื่นชมประเทศเยอรมนี ในฐานะเป็นต้นแบบในเรื่องรัฐธรรมนูญที่ประกันหลักศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หลักประชาธิปไตย หลักนิติรัฐ และหลักสังคมรัฐ ประเทศไทยรับอิทธิพลในเรื่องเหล่านี้ และยังนำรูปแบบศาลรัฐธรรมนูญของเยอรมนีมาประยุกต์ใช้ และผมหวังว่าศาลรัฐธรรมนูญไทยจะเป็นองค์กรที่พิทักษ์รัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยได้ดังเช่นที่เยอรมนีทำสำเร็จ”
    น.ส.พรรณิการ์ วานิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค อนค.ระบุว่า ในวันที่ 21 ก.พ. แกนนำพรรคและ ส.ส.พรรคทั้งหมดจะมาร่วมฟังคำวินิจฉัยพร้อมกัน ณ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ โดยไม่เดินทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากช่วงเช้าที่ไปประชุมรัฐสภา ทั้งนี้ ที่พรรคยังมีกิจกรรมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผู้มีอุดมการณ์เดียวกัน และพรรคยังมีการขายสินค้าระดมทุน สมัครสมาชิกพร้อมบัตรรุ่นพิเศษ Limited Edition สำหรับผู้สมัครสมาชิกใหม่หรือต่ออายุสมาชิกในวันศุกร์นี้เท่านั้น
“ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจในการยุบพรรคการเมือง ในวันพรุ่งนี้ฝ่ายที่กดดันไม่ใช่พรรคอนาคตใหม่ แต่เป็นศาลรัฐธรรมนูญที่ต้องพิสูจน์ว่าเป็นองค์กรอิสระ ไม่ใช่เครื่องมือทางการเมือง” น.ส.พรรณิการ์ระบุ
แฉจัดฉากปลุกสังคม
       ส่วน น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี กล่าวถึงกรณีนายปิยบุตรแถลงปิดคดีนอกศาล และการเคลื่อนไหวกดดันต่างๆ ว่า เป็นรูปแบบเดิมๆ ของ อนค.ที่มีนายปิยบุตรเป็นผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย แต่กลับไม่ใช้โอกาสต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม รูปแบบการต่อสู้คดีมักไม่เน้นการยื่นหลักฐานพิสูจน์ความจริง แต่เน้นสร้างวาทกรรม บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ปลุกปั่นว่าถูกกระทำสองมาตรฐานโดยเอาเรื่องของผู้อื่นที่แตกต่างกันมาโยงว่าเหมือนของตนเอง ใช้ตัวแทนจัดกิจกรรมเคลื่อนไหวกดดันกระบวนการยุติธรรม แถลงปิดคดีนอกศาลเพื่อปลุกปั่นสร้างกระแสสังคม ซึ่งเมื่อเป็นแบบนี้ สังคมก็ยิ่งมองเห็นชัดว่าพรรคอนาคตใหม่จำนนด้วยหลักฐาน ไม่มีอะไรไปต่อสู้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง จึงต้องจัดฉากต่อสู้คดีด้วยกระแสสังคม
         น.ส.ทิพานันกล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงทางกฎหมายของคดีเงินกู้ของพรรค อนค.นั้น หลักๆ พิจารณา 6 มาตรา คือ มาตรา 62, 66, 72, 92 วรรคหนึ่ง (3), 124 และ 125 ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ซึ่งเมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมาย การกล่าวอ้างของนายปิยบุตรว่าไม่มีเหตุตามกฎหมายใดเลยที่จะยุบพรรคอนาคตใหม่ได้ จึงน่าจะเป็นการบิดเบือนเลื่อนลอย นอกจากนี้ การกล่าว หาความน่าเชื่อถือของกระบวนการยุติธรรม ยังอาจถือว่าเป็นการปัดความรับผิดของตนเอง และการออกมาบอกว่าจะถูกยุบก็เป็นการตีตนไปก่อนไข้ คล้ายรู้อยู่และยอมรับแล้วว่าพรรคผิดและมีโทษถึงยุบพรรค
         “หากมีการตัดสินให้ยุบพรรคอนาคตใหม่จริง ศาลรัฐธรรมนูญซึ่งดำเนินการตามตัวบทกฎหมาย จึงไม่ใช่ผู้ที่ต้องมารับผิดชอบต่อสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ที่อ้างว่าเกิดความเสียหาย บุคคลที่ต้องรับผิดชอบผู้ที่ได้รับผลกระทบจากคำวินิจฉัยควรเป็นนายปิยบุตรและทีมกฎหมายที่ดูแลให้คำปรึกษาที่ไม่ถูกต้อง ทำให้พรรคใช้เงินที่อาจเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.พรรคการเมืองมาดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ทำให้ ส.ส.อนาคตใหม่ตกเป็นจำเลยของสังคมว่าเป็นผลไม้พิษของต้นไม้พิษ ที่มาจากพรรคใช้เงินที่ฝ่าฝืนกฎหมาย” รองโฆษก พปชร.กล่าว
         น.ส.ทิพานันยังกล่าวด้วยว่า ที่ผ่านมาแกนนำพรรค อนค.พยายามสร้างประเด็นเพื่อให้สังคมมองภาพว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม เช่น ความพยายามยื่นขอให้ศาลรัฐธรรรมนูญเปิดไต่สวนพยาน ซึ่งศาลแม้จะยกคำร้อง แต่ก็ได้ขยายเวลาให้พยานส่งคำชี้แจงไปได้ถึงวันที่ 17 ก.พ. ดังนั้นจึงอยากตั้งคำถามไปถึงพรรคอนาคตใหม่ว่า เหตุใดจึงไม่เผยแพร่คำให้การต่อสู้ หลักฐานทางบัญชี รวมถึงนำคำชี้แจงของพยานที่กล่าวอ้างมาเปิดเผยต่อสาธารณะเมื่อทำการแถลงปิดคดีนอกศาล หรือจะทำตัวเป็นแบบ Cherry Picking เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้ผู้อื่น พูดบิดเบือนข้อมูลเฉพาะสิ่งที่ตนเองจะได้ประโยชน์เท่านั้น
        “ขณะนี้สังคมทั่วไปมองว่า เมื่อนายปิยบุตรมาเป็นนักการเมืองก็ควรหยุดโกหกตัวเองและสังคมสักวัน ให้เสมือนเป็นวันสุดท้าย  เพราะหากต้องกลับไปสมัครงานตำแหน่งอาจารย์หลังจากไม่ได้เป็นนักการเมืองแล้ว ผลงานที่บิดเบือนข้อกฎหมาย อธิบายกฎหมายแบบศรีธนญชัย ใช้กฎหมายที่ยกเลิกไปแล้ว ตีความกฎหมายเข้าข้างตนเอง พยายามทำลายความชอบธรรมของกระบวนการยุติธรรมในระหว่างที่เป็นนักการเมือง อาจทำให้สถานศึกษาต้องพิจารณาคุณสมบัติอาจารย์ ทั้งแง่องค์ความรู้และจริยธรรมนักกฎหมายที่ว่าด้วยตราชูคู่คุณธรรมให้” น.ส.ทิพานันระบุ
เชื่อจบแบบหนังไทย
    ขณะที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ได้โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “วันชี้ชะตาประเทศ พรรคการเมืองกู้เงินกับกู้ซ่อนเงื่อน" ระบุว่า ขอสรุปประเด็นสำคัญเพื่อปิดคดีการกู้ซ่อนเงื่อน เพราะวันนี้พวกประชาธิปไตยตะแบง ก็ยังคงตะแบง ตะแบงตั้งแต่เรื่องแดง จนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินดังนี้ 1.ยังคงท่องบทกู้เงินไม่ผิด ทั้งๆ ที่มีเงื่อนงำของการกู้ซ่อนเงื่อนแต่ไม่เคยชี้แจง 2.ตะแบงแม้แต่ผู้ให้กู้ พูดตัวเลขการกู้ที่ไม่ตรงกันในแต่ละครั้ง 3.อ้างว่าการกู้เป็นมติ กก.บห. แต่หัวหน้า เลขาธิการ เหรัญญิก โฆษก พูดตัวเลขไม่ตรงกัน แล้วจะเป็นมติของ กก.บห.ได้อย่างไร 4.กล้าแม้แต่ให้การเท็จต่อ กกต. 5.ตะแบงไม่ยอมส่งเอกสารทางการเงินตามที่ กกต.ขอ 6.กล่าวหาว่า กกต.ไม่ยอมยุติคดี และอ้างตามกฎหมายการเลือกตั้ง มาตรา 41 ซึ่งตะแบงแบบเข้าใจผิด 8.กล่าวหาว่าศาลไม่มีอำนาจยุบพรรค ทั้งๆ ที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องให้อำนาจศาลไว้ 9.อ้างว่าพรรคการเมืองคือนิติบุคคล หรือบริษัทเอกชน ไม่ใช่หน่วยงานของรัฐ โดยไม่พูดว่าเป้าหมายของเอกชนทำเพื่อกำไรสูงสุด แต่พรรคการเมืองทำเพื่อประโยชน์สาธารณะ ที่สำคัญเอกชนถูกรัฐกำกับควบคุม แต่พรรคการเมืองไปกำกับควบคุมรัฐ จึงต่างกันโดยสิ้นเชิง และ 10.ล่าสุดไปอิงฝรั่งต่างชาติอีกแล้วต่อคดียุบพรรคครั้งนี้ สงสัยคงตะแบงไม่ไหวแล้ว
    “สิ่งที่สังคมต้องตามให้ทันคือ ไม่เพียงแต่การกู้ปกติ แต่คือการกู้ซ่อนเงื่อนที่หนักกว่า และถือว่าเป็นจุดชี้อนาคตครั้งสำคัญของประเทศว่าจะเปิดโอกาสให้ทุนใหญ่เข้ามาครอบงำพรรคการเมือง และนำไปสู่ครอบงำประเทศหรือไม่ ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ตื่นเช้ามาส่องกระจกจะรู้สึกอายตัวเองบ้างหรือไม่ แต่เราต้องทำให้เขาอายประชาชน และมวลชนที่สนับสนุนเขาว่า ทำผิดแล้วไม่สำนึก มีแต่โทษนิติสงคราม ท้ายที่สุดหนังเรื่องนี้แม้คนทำผิดพยายามสร้างกระแสกำกับตอนจบ แต่คงต้องจบแบบแฟนๆ หนังไทยชอบคือ ฝ่ายอธรรมที่ทำผิดกฎหมายต้องได้รับการลงโทษ เคารพคำตัดสินของศาลทุกกรณี” นพ.วรงค์กล่าว
      ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผศ.ดร.ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ในฐานะนักวิชาการทางกฎหมาย มองว่าการกู้เงินของพรรค อนค.นั้น เงินที่กู้มานั้นเป็นหนี้สิน ไม่ใช่รายได้ ซึ่งตุลาการต้องมีการวินิจฉัยว่าเงินกู้ของพรรคการเมืองนั้นนับเป็นรายได้หรือไม่ ในขณะที่พรรคการเมืองนั้นไม่ใช่องค์กรของรัฐ เพราะเป็นการรวมตัวกันของพลเมืองในการเสนอนโยบายเพื่อให้พลเมืองคนอื่นเลือก เพื่อจะได้นำนโยบายนั้นไปเป็นนโยบายของประเทศ ดังนั้น ถ้ากฎหมายไม่ได้มีการห้าม พรรคการเมืองก็สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้
    วันเดียวกัน ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลนัดพร้อมเพื่อฟังคำสั่ง/คำพิพากษาชั้นตรวจคำฟ้อง คดีหมายเลขดำ อท.185/2562 ที่นายธนาธร และพรรค อนค.ร่วมกันเป็นโจทก์ที่ 1-2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนคดียุบพรรค อนค. และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) 14 ราย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ มาตรา 157 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย กกต.2560 มาตรา 69 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 86 กรณีมีการทำสำนวนคดียุบพรรค อนค.ไม่ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และขั้นตอน มีลักษณะเร่งรัดคดี  ซึ่งศาลได้สอบถามฝ่ายโจทก์แล้ว แถลงรับว่าศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญในที่ 21 ก.พ.นี้ จึงให้ฝ่ายโจทก์ส่งคำวินิจฉัยศาลต่อศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง ภายใน 30 วัน และเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงให้เลื่อนไปนัดฟังคำสั่งหรือคำพิพากษาในวันที่ 2 เม.ย.นี้ เวลา 10.00 น.
    


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"