ไม้ล้มเราไม่ข้าม


เพิ่มเพื่อน    

เชื่อว่าในบ่ายวันศุกร์ที่ผ่านมา คนจำนวนมากคงนั่งใจจดใจจ่ออยู่หน้าโทรทัศน์ เพราะลูกศิษย์ที่แวะเวียนมาหาบอกว่ารถบนถนนว่างมาก หลายคนคงไม่ยอมไปไหน เพราะไม่อยากจะพลาดคำวินิจฉัยก่อนการตัดสินของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแม้แต่ประโยคเดียว ก่อนหน้านั้นก็มีคนทำตัวเป็นเทพธิดาพยากรณ์กันเป็นจำนวนมาก มีทั้งยุบและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี บางคนก็บอกว่าไม่ยุบ แต่กรรมการบริหารพรรคจะถูกตัดสิทธิ์การทำงานการเมือง และบางคนก็บอกว่าน่าจะยกฟ้อง

นอกจากความคิดเห็นที่มาจากประชาชนทั่วไปที่ไม่รู้กฎหมายแล้ว ยังมีความคิดเห็นที่มาจากผู้ซึ่งมีความรู้ด้านกฎหมายอีกหลายคน และความคิดเห็นของท่านเหล่านั้นก็ต่างกันแบบตรงกันข้ามเลย อย่างเช่น คนหนึ่งเป็นอาจารย์สอนกฎหมาย วิเคราะห์อ้างมาตราต่างๆ หลายมาตรา บอกว่าน่าจะยกฟ้อง เพราะ กกต.เดินผิดเส้นทาง ฟ้องด้วยมาตราที่ไม่น่าจะใช่ ในขณะที่อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกานั้นบอกว่าผิดอย่างชัดเจน อย่างไรเสียจะต้องมีการยุบพรรคอย่างแน่นอน พวกเราประชาชนที่ไม่มีความรู้ทางกฎหมายก็ยิ่งสับสน เพราะคนที่ให้ความคิดเห็นต่างกันนั้นเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย

ความขัดแย้งทางความคิดเห็นในครั้งนี้ทำให้เราตั้งคำถามว่า “ทำไมเราจึงไม่สามารถเขียนกฎหมายให้มีความชัดเจน โดยไม่ต้องให้มีการตีความ” เพราะเราก็เห็นชัดเจนแล้วว่าในหลายๆ คดี จะมีการตีความกฎหมายไม่ตรงกัน จนทำให้ประชาชนมีความสับสนจนถึงเครียดและหงุดหงิด จนบางคนแทบจะไม่อยากฟังการวิเคราะห์ในลักษณะเทพธิดาพยากรณ์ของผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย

ก่อนที่จะถึงวันที่มีการอ่านคำพิพากษาในครั้งนี้ ทางฝ่ายพรรคอนาคตใหม่มีความเคลื่อนไหวที่แสดงความอหังการและท้าทายกฎหมายมาก พวกเขาเองก็มีผู้เชี่ยวชาญกฎหมาย เป็นอาจารย์สอนกฎหมาย มีดีกรีปริญญาเอก และมีตำแหน่งทางวิชาการออกมากล่าวอย่างชัดเจนว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจที่จะยุบพรรคของพวกเขา แล้วยังกล่าวอ้างว่าพวกเขาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง ในขณะที่ศาลรัฐธรรมนูญมาจากการแต่งตั้ง ดังนั้นหากจะพิจารณาศักดิ์ศรีตามครรลองของประชาธิปไตยแล้ว พวกเขาย่อมสูงกว่าศาลรัฐธรรมนูญ และยังกล่าวหาศาลรัฐธรรมนูญว่ากำลังทำตัวเหนือตัวบทกฎหมายรัฐธรรมนูญ

ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยืนยันว่าพวกเขาทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างเปิดเผย และหากย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็ยังจะทำเหมือนเดิม เพราะเขาทำอย่างโปร่งใส จะเห็นได้ว่าเขาพยายามพูดจาบิดประเด็น ในขณะที่ศาลจะพิจารณาว่าการกู้เงินนั้นทำได้หรือไม่ เขากลับไปพูดว่าเขาดำเนินการกู้อย่างเปิดเผยซึ่งเป็นคนละประเด็นกัน ข้อกล่าวหาว่าเขาได้รับผลประโยชน์ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (แปลว่าเขาไม่อาจกู้เงินได้) แต่เขากลับบิดประเด็นว่าเงินที่หัวหน้าเอามาให้กู้นั้นเป็นเงินที่ได้มาโดยสะอาด ไม่ใช่เงินที่ผิดกฎหมาย เป็นการจงใจบิดประเด็นเพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจผิด และพยายามจะนำเอาการตีความเงินกู้ตามหลักการทางบัญชี แทนที่จะตีความตามกฎหมายพรรคการเมืองที่มีเจตนาไม่ให้พรรคการเมืองกู้เงินเพื่อป้องกันไม่ให้มีนายทุนคนใดครอบงำพรรค

สิ่งที่เขาทำที่แสดงความอหังการก็คือการแถลงปิดคดีนอกศาล และยังมีการใช้พื้นที่ Social media รณรงค์ให้มีการคัดค้านการยุบพรรค มีการล่ารายชื่อคนที่คัดค้านการยุบพรรคที่ได้ผู้ร่วมลงรายชื่อถึงกว่า 30,000 คน โดยการล่าชื่อครั้งนี้กระทำโดยผู้ที่ในอดีตมีตำแหน่งสูงในมหาวิทยาลัย และยังมีอาจารย์สอนกฎหมายที่มีตำแหน่งสูงในมหาวิทยาลัยออกมายืนยันอีกว่า การกู้เงินของพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความผิด จากปรากฏการณ์ครั้งนี้ทำให้เราสงสัยว่าอาจารย์สอนหนังสือทั้งหลายนั้น ถ้าหากวิชาที่สอนเป็นวิชาชีพที่ประสบการณ์เป็นเรื่องสำคัญ คนที่สอนหนังสือโดยไม่มีประสบการณ์ในการทำงานตามวิชาชีพนั้น จะสามารถสอนได้ดีพอหรือไม่ เพราะจากการติดตามข่าวสารมา พบว่าอดีตผู้พิพากษามีความคิดเห็นตรงกับคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนคนที่สอนหนังสือนั้นมีความคิดไปคนละทางกับผู้พิพากษาที่มีประสบการณ์

ในการตัดสินครั้งนี้ ศาลท่านให้รายละเอียดอย่างชัดเจนในการพิจารณาว่าท่านได้ใช้ข้อเท็จจริงอะไรบ้างในการพิจารณา และเมื่อท่านจะกล่าวโทษพรรคอนาคตใหม่ ท่านก็มีมาตราอ้างอิงอย่างชัดเจน แม้ว่าพวกเราประชาชนอาจจะฟังไม่ค่อยเข้าใจภาษากฎหมายบ้าง แต่เราก็ได้เห็นความละเอียดถี่ถ้วนในการใช้ข้อเท็จจริงและมาตราต่างๆ ของกฎหมายในการพิจารณาคดี และเราก็หวังว่าจะไม่มีวาทกรรมเกี่ยวกับนิติสงคราม หรือการกลั่นแกล้งมาทำลายความน่าเชื่อถือของศาลรัฐธรรม ของ กกต. และของรัฐบาล เพราะเรื่องของการตัดสินครั้งนี้ เราเชื่อว่ารัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น

เมื่อการอ่านคำพิพากษาจบลง แม้จะมีเสียงแสดงความไม่พอใจของสมาชิกและผู้สนับสนุนพรรคบางคน แต่เราก็รู้สึกดีใจที่ได้ยินสมาชิกพรรคบางคนป่าวประกาศให้ผู้สนับสนุนพรรคอนาคตใหม่ให้ยอมรับการตัดสินของศาล และไม่วิพากษ์วิจารณ์ศาล ซึ่งถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของพรรคนี้ที่มีการพูดจาเรื่องไม่ต่อว่าต่อขานการตัดสินใจของศาล และสิ่งที่เราหวังอีกประการหนึ่งก็คือ จะไม่มีการปลุกระดมให้คนออกมาลงถนน ที่เป็นห่วงก็เพราะว่าแกนนำที่เป็นผู้บริหารพรรคนั้นไม่สามารถทำงานการเมืองในสภาได้แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาคงจะทำงานการเมืองนอกสภา ก็ขอให้เป็นการทำงานนอกสภาที่ไม่ใช่การปลุกระดมผู้คนมาลงถนนอย่างที่แกนนำบางคนเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ เพราะถ้าหากมีการลงถนน ก็อาจจะมีอีกฝ่ายมาลงถนนด้วยเช่นกัน ถึงเวลานั้น ความขัดแย้งก็จะรุนแรงขึ้น และอาจจะถึงเลือดตกยางออก บาดเจ็บล้มตายกันบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้น ขัดแย้งกันทางความคิดและอุดมการณ์ได้ แต่อย่าให้เป็นเรื่องของการใช้กำลัง

สำหรับคนที่ไม่ชอบพรรคอนาคตใหม่ ในตอนบ่ายวันศุกร์คงจะมีความสุขกัน และอาจจะมีการฉลองกันไปแล้วบ้าง แต่อย่าใช้พื้นที่ Social media ในการเยาะเย้ยถากถางที่จะทำให้พวกเขาเจ็บช้ำน้ำใจไปมากกว่าการที่พรรคเขาถูกยุบ เมื่อเราได้สิ่งที่เราต้องการ ก็ขอให้เก็บความดีใจเอาไว้พูดคุยกับคนที่มีจุดยืนทางการเมืองเดียวกัน แต่อย่าแสดงความคิดเห็นบนพื้นที่ Social media ในลักษณะการเยาะเย้ยพรรคอนาคตใหม่ ยึดหลักการของคนที่มีศีลสูงว่า “ไม้ล้มอย่าข้าม” นะคะ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"