“อีอีซีช่วยทำให้มีความตื่นตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายอื่น หรือแม้แต่โครงการของบริษัท เพราะก่อนหน้าผังเมืองบางแห่งอาจไม่เอื้อต่อการพัฒนาโครงการต่างๆ ทำให้นักลงทุนไม่ขยายตัวมาก คนที่มีเงินอยู่แล้วทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากสีของผังเมือง แต่เมื่อปลายปีได้เปลี่ยนเป็นผังใหม่ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากอีอีซี ความตื่นตัวก็เริ่มมีมากขึ้นต่อเนื่อง   ตอนนี้เริ่มสามารถทำอะไรได้มากขึ้น ทุกคนก็พร้อมลงทุน”

 

หลังจากโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  ได้ถูกผลักดันอย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้ภาคตะวันออกมีความคึกคักจากนักลงทุน โดยหนึ่งในธุรกิจที่มองว่าจะขยายตัวจากโครงการดังกล่าว คงเป็นภาคของอสังหาริมทรัพย์ เพราะหากมีนักลงทุนเข้ามาก็ย่อมมีบุคลากรจากบริษัทต่างๆ ต้องการที่พักอาศัย โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรีก็ค่อนข้างมีศักยภาพ ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นผู้ประกอบการหลายรายเลือกเข้าไปลงทุนในเมืองพัทยากันจำนวนมาก แต่สำหรับศักยภาพทางแถบบางแสนก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย โดยตลอดระยะเวลา 3-5 ปีที่ผ่านมาราคาที่ดินบางแสนปรับตัวสูงขึ้น 30-50% และพบว่าตลาดยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยดีๆ และจากการที่มีคนเข้ามาอยู่อาศัยในบางแสนมากขึ้นระยะ 2-3 ปี จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น แต่ไม่มีอุปทานใหม่เกิดขึ้นมากนัก ทำให้ บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด เล็งเห็นโอกาสและเตรียมลงทุนพัฒนาโครงการบนทำเลบางแสน

(จักรพันธ์ บำเพ็ญเกียรติกุล)

โครงสร้างพื้นฐาน-ผังเมืองหนุนลงทุน

        นายจักรพันธ์ บำเพ็ญเกียรติกุล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ในเขตภาคตะวันออกเป็นแหล่งธุรกิจที่ค่อนข้างมีความพร้อมมากสุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีทั้งโรงงานอุตสาหกรรม แหล่งท่องเที่ยว ภูมิทัศน์ทะเล ภูเขา มีแทบทุกอย่างที่ตอบโจทย์ ขณะที่ภาคใต้หรือเหนืออาจไม่มีบางอย่างที่ครอบคลุมได้เช่นเดียวกับภาคตะวันออก โดยความเจริญถูกกระจุกตัวอยู่ที่ 4 จังหวัด ได้แก่ ระยอง ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และจันทบุรี ซึ่งเมื่อกล่าวถึงโครงการอีอีซี ก็มองจังหวัดระยองมีศักยภาพมากสุด รองลงมาเป็นชลบุรีและฉะเชิงเทราตามลำดับ

        “อีอีซีช่วยทำให้มีความตื่นตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายอื่น หรือแม้แต่โครงการของบริษัท  เพราะก่อนหน้าผังเมืองบางแห่งอาจไม่เอื้อต่อการพัฒนาโครงการต่างๆ ทำให้นักลงทุนไม่ขยายตัวมาก คนที่มีเงินอยู่แล้วทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากสีของผังเมือง แต่เมื่อปลายปีได้เปลี่ยนเป็นผังใหม่ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากอีอีซี  ความตื่นตัวก็เริ่มมีมากขึ้นต่อเนื่อง ตอนนี้เริ่มสามารถทำอะไรได้มากขึ้น ทุกคนก็พร้อมลงทุน” นายจักรพันธ์กล่าว

      นายจักรพันธ์ กล่าวย้ำว่า นโยบายในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษที่ภาครัฐได้ให้การสนับสนุนเขตพื้นที่ภาคตะวันออก ทำให้พื้นที่บางแสน จังหวัดชลบุรี ไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวอย่างที่ผ่านมา บางแสนเป็นเมืองศักยภาพในทุกๆ ด้าน ทั้งในด้านของการศึกษาและการทำงาน ด้านการขนส่ง คมนาคม  ภายในปี 2566/2567 รถไฟความเร็วสูงที่เชื่อม 3 สนามบิน จะเปิดให้บริการ ยิ่งจะทำให้การท่องเที่ยวการลงทุนคึกคักมากขึ้น  โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการศึกษามหาวิทยาลัยบูรพา เป็นอันดับหนึ่งของมหาวิทยาลัยในภาคตะวันออก นักศึกษาจากต่างประเทศ เช่น ประเทศจีน เข้ามาศึกษามากขึ้นในทุกๆ ปี

ลุยตลาดอีอีซี

        นายจักรพันธ์ กล่าวว่า สำหรับบริษัทจุดเริ่มต้นของการเข้ามาพัฒนาโครงการในทำเลบางแสน ส่วนตัวเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ หรือมีโครงการอพาร์ตเมนต์ในอำเภอแกลง จังหวัดระยองมาก่อน และได้มีการพูดคุยกับพาร์ตเนอร์จากสิงคโปร์ ซึ่งมีความต้องการเข้ามาลงทุนต่างประเทศ โดยพาร์ตเนอร์มองตลาดออสเตรเลียและไทย เดิมทีพันธมิตรก็อยากมีโครงการในกรุงเทพฯ บริเวณรถไฟฟ้า และเป็นแหล่งชุมชน แต่ส่วนตัวไม่เห็นด้วย เนื่องจากเป็นรายเล็ก อาจสู้รายอื่นไม่ได้ จึงรับโจทย์มาก่อนเพื่อมาดูความเหมาะสม

        โดยจัดตั้ง บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง เพื่อนำร่องลุยธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ บางแสน ชลบุรี พื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งสิงคโปร์มองว่าไทยมีศักยภาพการเติบโต พร้อมต่อยอดการลงทุนระยะยาวในเมืองไทย จึงได้เปิดตัวคอนโดมิเนียม โลว์ไรส์ เดอะ เซนโทร คอนโด บางแสน มูลค่า 550 ล้านบาท จำนวน 304 ยูนิต โดยมีแนวคิดการพัฒนาโครงการชูความเป็นหนึ่งใน 5 ด้าน ได้แก่ 1.เป็นหนึ่งด้านทำเล มีจุดเด่นทางด้านทำเลที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบางแสน ติดตลาดปาร์คอิน หลังห้างแหลมทองเพียง 200 ม. หน้ามหาลัยบูรพาเพียง 400 ม. ห่างทำเลบางแสนเพียง 1.5 กม. 2.เป็นหนึ่งด้านส่วนกลาง ที่ให้มากกว่า โครงการมีพื้นที่ส่วนกลางที่ให้มากกว่า ด้วยสระว่ายน้ำระบบน้ำล้นที่สามารถชมวิวสวนส่วนกลางได้ ฟิตเนส ที่ให้มุมมองสวนและสระว่ายน้ำ ลานสวนส่วนกลางจัดพื้นที่ภายนอกให้สามารถนั่งเล่นทำกิจกรรมภายนอกอาคารได้ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางในลักษณะโคเวิร์กกิ้งสเปซ

        ส่วน 3.เป็นหนึ่งด้านการออกแบบ ที่ใส่ใจทุกรายละเอียด การออกแบบอาคาร คำนึงถึงการประหยัดพลังงาน ลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร 4.เป็นหนึ่งด้านความปลอดภัย Triple Security ตั้งแต่ป้อม รปภ. ทางเข้าอาคาร และเข้าสู่ตัวห้องพักด้วยการล็อกประตูด้วยระบบดิจิทัล 5.เป็นหนึ่งด้านความคุ้ม ให้ครบ เฟอร์นิเจอร์ทั้งห้อง ราคาเมื่อเทียบกับทำเลและสิ่งที่โครงการได้ให้ลูกค้าถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบางแสน โดยมีราคาต่อตารางเมตรเฉลี่ยเริ่มต้นห้องขนาด 28 ตารางเมตรที่ 1.49 ล้านบาท หรือราคาประมาณ 50,000 บาทต่อตารางเมตร

        “กลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัท คือ ABN เป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ เมื่อเล็งเห็นโอกาสการเติบโตของธุรกิจนอกประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ตามเมืองใหญ่ หรือเมืองท่องเที่ยวของไทย จึงทำให้ตัดสินใจไม่ยากที่จะร่วมลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ร่วมกัน โดยได้จัดตั้ง บริษัท เวนเจอร์ โกลบอล โฮลดิ้ง จำกัด เพื่อพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โครงการแรก เดอะ เซนโทร คอนโด บางแสน และอีกหลายๆ โครงการต่อไป เพราะต้องการเห็นความเติบโตของเศรษฐกิจทั้งสองประเทศไปพร้อมๆ กัน”

        ด้านเป้าหมายจะเป็นนักลงทุนที่ซื้อปล่อยเช่า 50% ผู้ที่พักอาศัยอยู่เองและซื้อไว้พักผ่อน 30% คนทั่วไปและนักศึกษาในมหาวิทยาลัยอีก 20% มองว่าที่ผ่านมาบางแสนไม่มีการก่อสร้างและมีคอนโดฯ ใหม่ที่เหลือในราคาที่เท่ากัน เชื่อว่าผู้บริโภคต้องเลือกของใหม่ในราคาที่เท่ากัน ซึ่งจะทำให้โครงการของบริษัทขายได้ แม้ว่าโครงการก่อนหน้าจะเหลือ แต่โครงการของบริษัทขึ้นใหม่ในราคาเท่ากัน ไม่ได้แพงกว่า โดยที่ผ่านมามียอดจองมากกว่า 20% แล้ว แต่ช่วงเวลาที่จะขายจริงคงเป็นช่วงเดือนมีนาคม หลังจากสำนักงานขายเสร็จ โดยหลังจากนี้จะต่อยอดไปที่จังหวัดระยอง เป็นโครงการคอนโดมิเนียมเช่นเดียวกัน

        “เราเลือกจะไปดูภาคตะวันออกที่มีความชำนาญและทำธุรกิจอยู่แล้ว ก็มาดูที่ชลบุรี ได้แก่ พัทยา ศรีราชา อมตะ และบางแสน ที่เป็นจุดสุดท้ายที่มอง ซึ่งพบว่าพัทยามีโครงการมากพอแล้ว ศรีราชาก็มีรายใหญ่ ส่วนอมตะก็เห็นว่าคนยังหนีบางแสน สุดท้ายมาสำรวจพื้นที่บางแสนพบว่าไม่มีการก่อสร้างโลว์ไรส์มาหลายปีแล้ว มีคอนโดฯ ขึ้นแต่ขายราคา 2 ล้านกว่า มองว่าเป็นราคาที่เกินกว่าจับต้องได้ จึงไปคุยกับพาร์ตเนอร์สิงคโปร์เพื่อจะไปสำรวจและหาทำเล เพื่อพัฒนาโครงการ เดอะ เซนโทร คอนโด บางแสน ซึ่งจะกลายเป็นคอนโดมิเนียมใหม่ที่กำลังเกิดขึ้นในรอบ 2-3 ปีของบางแสน  ภายใต้ทีมบริหารที่มีประสบการณ์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่มาตลอด ประกอบกับพันธมิตรสิงคโปร์ที่จะช่วยสนับสนุนด้านการเงิน ทำให้เรามีเงินทุนที่แข็งแกร่ง สามารถพัฒนาโครงการได้ดี ตอบสนองความต้องการชุมชนคนบางแสน รวมถึงนักลงทุน เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ได้รับความสนใจ”

        นายจักรพันธ์ กล่าวว่า ในมุมมองของนักลงทุนจากสิงคโปร์เห็นว่าประเทศไทยเป็นอีกประเทศหนึ่งในภูมิภาคอาเซียน ที่มีอัตราการเติบโตมาตลอดในระยะ 4 ทศวรรษที่ผ่านมา การพัฒนาด้านเศรษฐกิจและสังคมเป็นไปอย่างก้าวหน้า ประสบความสำเร็จในฐานะประเทศที่เกิดใหม่ จากนโยบายลงทุนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลไทย เมื่อแล้วเสร็จจะส่งผลให้ประเทศไทยจะมีโอกาสเติบโตอีกมาก เช่นเดียวกับในสิงคโปร์ที่มีการเติบโตของเม็ดเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง

      อย่างไรก็ตาม ศักยภาพของบางแสนเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ใกล้กรุงเทพฯ และพัทยา มีชายหาดและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ แต่ค่าครองชีพไม่สูงมากเมื่อเทียบกับพัทยา ทั้งยังมีมหาวิทยาลัยชั้นนำ มีแหล่งการศึกษา และแหล่งงาน บางแสนจึงเป็นเมืองที่มีโอกาสของการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากการเป็นพื้นที่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในพื้นที่กว่า 45,000 ล้านเหรียญสหรัฐ  บางแสนจึงเป็นอีกหนึ่งศักยภาพทำเลที่น่าสนใจ เหมาะกับการเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยในอนาคต เมื่อมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันการลงทุนด้านคมนาคมขนส่งของรัฐบาลไทยในอนาคตยิ่งทำให้การเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยรถไฟความเร็วสูงถึงจังหวัดชลบุรีง่ายขึ้น ระบบโลจิสติกต์สมบูรณ์แบบมากขึ้น จึงเป็นเหตุผลให้ตัดสินใจที่จะลงทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์โครงการแรกที่บางแสน

        จากความต้องการที่พักอาศัยและราคาที่ดินปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผู้บริโภคยังมองหาโครงการที่ตอบโจทย์มากขึ้น ทั้งในประชาชนในพื้นที่และคนเข้ามาอยู่อาศัยในบางแสนเองก็ตาม แน่นอนว่าการไม่มีโครงการใหม่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาจทำให้ตัวเลือกในตลาดบางแสนไม่ได้มีมากนัก ซึ่งจะทำให้โครงการเดอะเซนโทร คอนโด บางแสน ซึ่งเป็นคอนโดฯ ที่มีแนวคิดการออกแบบตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนในพื้นที่ โดยเฉพาะทำเลใจกลางเมืองใกล้สถานศึกษา ก็เหมาะที่จะซื้อลงทุนเพื่อปล่อยเช่าได้ โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุนอยู่ที่ 5-8% อีกด้วย.