'ดาว ขำมิน'จากเด็กสลัมสู่ตลกหน้ามึน พร้อมอัพเดทอาการป่วย


เพิ่มเพื่อน    

 

          ถือเป็นตลกหน้ามึนที่ตอนนี้กำลังมาแรงไม่น้อย สำหรับ ดาว ขำมิน ที่ล่าสุดมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ถึงเรื่องราวชีวิตจริงที่ไม่ตลก เพราะก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยใช้ชีวิตอยู่สลัม ชีวิตลำบากถึงขั้นไม่มีที่นอน ต้องนอนที่มหาวิทยาลัยรวมถึงอาการป่วยโรคกล้ามเนื้อสมองอักเสบ
          "สมัยก่อนลำบากมาก โตที่สลัม แถวสะพานควาย เป็นบ้านสังกะสีเหมือนบ้านทั่วไปที่เป็นสลัม ตอนนั้นพ่อเป็นช่างไม้ แม่ก็ช่วยน้าขายกับข้าว แล้วก็มีพี่อีก 4 คน ตอนเด็กๆ น่าจะ 6-7 ขวบ ผมก็ไปคุ้ยขยะหาของเล่น แต่ก็ไม่คุ้มโดนคนเก็บขยะด่า ตอนเด็กมีช่วงที่ขาดเงิน จนบ้านที่เช่าอยู่โดนไล่ ที่บ้านมีเงินอยู่แค่ 6 บาท แล้วก็นั่งทานข้าวอยู่ในบ้าน แล้วบ้านที่เช่ามันทรุดลง เงินก็หายหมด  ข้าวส่วนมากจะได้มาจากน้าที่ขายเหลือ
          พอจบ ม.ต้น ก็ย้ายออกมาอยู่คนเดียว เพราะว่าอยู่ไปก็มองกับข้าวมันไม่อิ่ม ตอนนั้นอยู่กับแม่แล้วพี่อีกคนหนึ่ง ส่วนพี่ที่เหลือก็ออกไปทำงาน ก็มองดูกับข้าวมันน้อย เราก็เลยตัดสินใจย้ายออกมา เพื่อให้เขากินอิ่ม ผมไม่มีความสงสารตัวเองเลย คือสงสารแม่ แม่พยายามเหลืออะไรมาที่บ้าน พอมาถึงเราด้วยความเป็นเด็กก็เปิดตะกร้าดูว่ามีอะไรบ้าง แม่ก็ยืนมองแล้วน้ำตาไหล ก็เลยไม่กล้ากิน เราก็เลยออกมาดีกว่า ซึ่งตอนออกมาก็ไม่มีความคิดว่าจะอยู่ที่ไหน ตอนไปเรียนก็เรียนไม่รู้เรื่อง เป็นคนคิดมาก ตอนนั้นเราก็นอนที่หน้าราม เพราะเขาเปิดตลอด 24 ชั่วโมง

 

 

          ตอนเริ่มจะจบ ม.ปลาย ช่วง ม.ปลาย ตอนต้นไม่มีเงินไปอาศัยเพื่อน ผมบอกเพื่อนว่าไม่มีที่นอน เพื่อนก็ใจดีไปนอนที่อื่น เพื่อให้เหลือ 2 คน เพราะหอนี้ให้อยู่ห้องละ 2 คน แต่ว่าไปอาบน้ำ ห้องน้ำรวม เจ้าของหอเห็น ผมก็เลยไปทั้งผ้าเช็ดตัวออกไปเลย ก็ไปอยู่หน้าราม เวลาเพื่อนชวนกินก็บอกว่าอิ่ม ไม่มีเงิน เกรงใจเขา แต่พอเพื่อนไปหลายคนกินไม่หมด ผมก็บอกว่าบาปกรรมกินทิ้ง กินขว้าง ผมก็เอามากิน ช่วง ม.ปลายก็เริ่มต่อยมวยด้วย แต่ไม่ได้สักบาท ต้องชนะถึงได้ตังค์ ผมน่าจะเป็นนักมวยสายธรรมะไม่เคยชนะใครเลย ไฟท์สุดท้ายที่เลิกก็ชะล่าใจ โดนเตะเข้าตาก็เลยเลิก
          โรคกล้ามเนื้อสมองอักเสบ ไม่แน่ใจว่าเป็นผลกระทบจากการต่อยมวยตอนเด็กหรือเปล่า อาจจะคิดมากด้วย ทุกวันนี้ยังทานยาอยู่ ตอนนั้นหมอให้ยามาเยอะเลย ผมก็เลือกยา บางอันจะง่วง แต่ยาที่ขยายเส้นเลือดต้องกิน วันไหนไม่ได้กินก็จะปวดตื้อๆ

 

 

          เข้าวงการได้ยังไงเหรอ คือเพราะความจน ขายของแต่ขายไม่ดี ก็นั่งดูโทรทัศน์มันมีรายการหนึ่งเขารับสมัครร้องเพลง ก็คิดแค่ให้ได้ตังค์จ่ายค่าห้อง ผมก็โทร.ไปในรายการ เขาก็บอกว่าให้ส่งไปในอีเมล แต่ผมก็เล่นไม่เป็น ก็เลยบอกแฟนไปโทร.ตู้ไปหาเขาเลย จนเขาบอกว่าโอเค รอเรียก 3 เดือน พอไปก็ช่วงเป็นไข้ด้วย ไม่ไหว เมายาแก้ไข้ แก้หวัด ลดน้ำมูก ช่วงที่ไปมันจะออกหนาวๆ ผมก็ไปนอนตากแดด หนักหว่าเดิม ตอนแรกจะกลับบ้าน แต่แฟนบอกว่ามาแล้วรอเถอะ ก็ไม่ได้หวังอะไร ในใจคิดว่ามีเงินจ่ายค่าห้องก็พอแล้ว ซึ่งผลออกมาก็ได้อันดับหนึ่ง ตอนนั้นคิดแค่ว่าได้เงินกลับไป 12,000 แฟนก็เลยไปซื้อไข่ ซื้อผักเก็บไว้ในตู้เย็นเพื่อประทังชีวิต เพราะไม่รู้ว่าจะได้แบบนี้อีกเมื่อไหร่

          จริงๆ ผมจะเป็นคนที่คิดมาก ทุกวันนี้ผมก็กินยาคลายเครียด ผมเคยนั่งตบหัว 2 วันโดยไม่นอน แต่ไม่หาย ผมชอบพาเพื่อนไปหาหมอ แต่ตัวเองไม่ชอบ เพราะต้องใช้เงิน เคยปวดแบบเงยหน้าไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าเป็นไมเกรน แต่ไปหาหมอ หมอบอกไม่ใช่"

 

 

 

 

 

 

 

ขอบคุณภาพประกอบบางส่วนจากอินสตาแกรม khummin

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"