
แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะผ่านพ้นเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้อย่างไม่อยากเย็น หลัง “ฝ่ายค้าน” ผิดฟอร์ม ไม่สามารถรุกไล่จนทำให้เกิดความเพลี่ยงพล้ำได้ และไม่ว่าสาเหตุของการออกอ่าวออกทะเลของฝ่ายค้าน จะเกิดขึ้นจากการทำการบ้านไม่ดี หรือ “ข้อสอบรั่ว” หรือมีการ “ขายการบ้าน” อย่างที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต
แต่มันเป็นเพียงศึกหนึ่งเท่านั้น และดูเหมือนว่าศึกนอกสภาผู้แทนราษฎรน่าจะเป็นอะไรที่น่าหนักใจที่สุดในตอนนี้ โดยเฉพาะการเคลื่อนไหวของแฟลชม็อบนักศึกษา ที่ลุกลามไปทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะในมหาวิทยาลัย แต่ต่อยอดไปถึงโรงเรียน
การปะทุขึ้นของแฟลชม็อบ “ปัญญาชน” น่าจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลภายใต้ผู้นำทหารอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กังวลใจที่สุด
“ปัญญาชน” คือ “ของแสลง” ของทหารมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่าจะเป็นในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519
เป็นการขับเคลื่อนที่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง ในฐานะ “พลังบริสุทธิ์” แม้ฝ่ายภาครัฐจะมีข้อมูลเชิงลึกว่า มีใครพยายามยืนอยู่ข้างหลัง
จะเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ และหน่วยงานความมั่นคงต่างๆ พยายามจะเข้าไปกีดกั้น ปิดกั้น หรือดำเนินคดีกับปรากฏการณ์แฟลชม็อบที่เกิดขึ้น เพราะรู้ว่ามันจะยิ่งทำให้เหตุการณ์บานปลาย
แม้แต่คำพูดในลักษณะว่า ใครอยู่เบื้องหลัง บุคคลในรัฐบาลยังมีไม่มีเอ่ยคำนี้ เนื่องจากไม่ต่างอะไรกับการท้าทายให้การชุมนุมขยายวงกว้าง
รัฐบาลพยายามจะปล่อยให้นักศึกษาได้แสดงออก โดยหวังว่าเมื่อกระแสยุบพรรคอนาคตใหม่สร่างซาลงไป ทุกอย่างจะกลับเข้าที่เข้าทาง
ถึงแม้จะมีความพยายามเปลี่ยนแฟลชม็อบ ให้เป็นม็อบบนถนนถาวร แต่โดยเงื่อนไข ณ ขณะนี้ยังไม่เพียงพอต่อการปักหลักพักแรมบนถนน เนื่องจากเรื่องของพรรคอนาคตใหม่ เป็นเรื่องผลประโยชน์พรรคการเมือง ยังไม่ถึงขั้นผลประโยชน์สาธารณะ
เพียงแต่เส้นทางเดินของ พล.อ.ประยุทธ์ และองคาพยพจะยากลำบากมากขึ้น การยุบพรรคอนาคตใหม่ และการมี ส.ส.ย้ายขั้วมาอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาล จนทำให้เสียงที่เคย “ปริ่มน้ำ” ได้ “พ้นน้ำ” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้ทำให้ทำงานงานง่ายขึ้นแต่อย่างใด
ตรงกันข้าม ทุกย่างก้าวจะเหมือนเดิมอยู่บนลวดหนามที่ภายภาคล่างเป็นเหล็กแหลม การผิดพลาด หรือกระทำการใดๆ ที่ขัดต่อความรู้สึกประชาชน จะเหมือนทำน้ำมันหกราดใส่กองไฟที่คุกรุ่นอยู่แล้ว
การยุบพรรคอนาคตใหม่ และการดึง ส.ส.จากฝ่ายค้านมาทำให้เสียงรัฐบาลมีเอกภาพ ทำให้ใกล้เคียงกับคำว่า “เผด็จการรัฐสภา” มากขึ้น
อย่าลืมว่า ตลอดช่วงที่ผ่านมา หรือแม้แต่ช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่มีกลิ่นแปลกๆ โดยเฉพาะการผิดฟอร์มของฝ่ายค้าน ถูกโยงไปถึงข่าวลือเรื่องการเกี้ยเซียะกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านบางส่วน
เมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่จัดการกับฝ่ายรัฐบาล “ในสภา” ได้ มันจะเป็นการบีบให้การต่อสู้ถูกไล่ไปอยู่ “นอกสภา” อันเป็นการเคลื่อนไหวที่ยากจะจำกัดได้
นอกจากนี้ รัฐบาลเองจะต้องระมัดระวังเพื่อให้ไม่เกิด “เงื่อนไข” ใดๆ โดยเด็ดขาด เพราะทุกเรื่องจะสามารถหยิบไปเพื่อต่อยอดและขยายปมให้บานปลายได้ เหมือนกับเมื่อครั้งที่ กปปส.ใช้ประเด็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอย ขับไล่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเกิดมวลมหาประชาชน
เรื่องที่เคยถูกมองว่าเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นประเด็นคุณสมบัติ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ หรือนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หากมาเกิดขึ้นในช่วงหลังจากนี้จะเป็นประเด็นใหญ่โต สร้างความไม่พอใจได้ทั้งหมด
มันจะไม่ใช่เรื่องความไม่พอใจที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ แต่เป็นเรื่องการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล อันเป็นความชอบธรรมในการขับไล่
หาก “จุดติด” แล้ว โดยเฉพาะเป็นการขับเคลื่อนโดยนักศึกษา มันเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะทำให้คนเหล่านี้กลับสู่มหาวิทยาลัย และกลับสู่โรงเรียน
ไม่เพียงแค่เป็นการส่อทุจริตในรัฐบาล แต่ยังหมายถึงการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่รัดกุม ไม่รอบ หรือการพูดแบบไม่ยั้งคิดจนเกิดผลกระทบ
ทุกมิติ ทุกเรื่อง ที่เคยเล็กจะใหญ่ทั้งหมด
ช่วงหลัง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ซึ่งจะมีเม็ดเงินไหลไปสู่โครงการต่างๆ ยังเป็นช่วงที่ถูกจับจ้องว่า จะมีการใช้ในทางที่ผิด หรือไม่สุจริตหรือไม่
แน่นอนว่า หากเกิดขึ้น จนประชาชนเชื่อได้ว่า มีการทุจริตจริงๆ แม้ยังไม่ได้ไต่สวนจนสิ้นกระแสความ อาจแรงไปถึงขั้น “อยู่ไม่ได้” เพราะจะถูกผสมกับเรื่องเดิมๆ ที่เคยมีการครหากันก่อนหน้านี้
ดังนั้น การที่เสียงรัฐบาลโผล่พ้นน้ำ อาจเป็นข้อดีในการยกมือร่างกฎหมายและญัตติต่างๆ ในสภา แต่มันอาจเป็นทุกขลาภตามมา เพราะทางสู้ของอีกฝั่งเหลือน้อยลง.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |