'ป๊อก'ยอมรับคุย'บิ๊กแดง'


เพิ่มเพื่อน    


    "ปิยบุตร" เผยเตรียมเปิดตัวคณะอนาคตใหม่ 15 มี.ค. ยันไม่มีเป้าหมายล้มรัฐบาล เพราะจะล้มด้วย "บิ๊กตู่" เอง ยอมรับกังวลคดีที่จะตามมาเป็นลูกระนาด ถามจะเอาไปเข้าคุกด้วยเรื่องอะไร "ป๊อก-เอก" ทำร้ายประเทศนี้ขนาดนั้นเชียวหรือถึงต้องมากำจัด ยอมคุยกับหลายฝ่ายรวมทั้ง "บิ๊กแดง" แฉหลังเลือกตั้งวันแรกผู้มีอำนาจส่งคนมาบอกให้ไปพักร้อน ไปอยู่กับภรรยาที่ต่างประเทศสัก 5 ปี 
    เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ นายปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ เปิดเผยว่า การเปิดตัวคณะอนาคตใหม่เพื่อทำการรณรงค์เรื่องต่างๆ ทั่วประเทศ คาดว่าจะเปิดตัวได้ในช่วงวันที่ 15 มีนาคมนี้ ที่เป็นวันครบรอบ 2 ปีของการยื่นจดแจ้งขอใช้ชื่อพรรคอนาคตใหม่ต่อ กกต.เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา โดยคณะอนาคตใหม่จะทำการรณรงค์ในเชิงประเด็นต่อเนื่องหลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลไม่ต้องกังวลใจว่าคณะอนาคตใหม่จะเดินขบวนเพื่อล้มรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ 
    "คณะอนาคตใหม่ไม่ใช่กลุ่มคนที่จ้องจะล้มรัฐบาล เพราะรัฐบาลจะล้มหรือไม่ล้มอยู่ที่ตัวรัฐบาลพลเอกประยุทธ์เอง เพราะถ้าบริหารประเทศได้ดี ต่อให้คนชุมนุมกันแทบตายก็ล้มไม่ได้ แต่ถ้าบริหารประเทศไม่ดี จนคนรู้สึกว่ารัฐบาลแก้ปัญหาอะไรไม่ได้ และมีแต่เรื่องสีเทาๆ เรื่องแปลกอะไรต่างๆ เต็มไปหมด สร้างความเชื่อมั่นให้กับคนในประเทศไม่ได้ ยังไงมันก็ล้ม ซึ่งเรื่องที่จะรณรงค์ที่สำคัญที่สุดก็คือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะรณรงค์ไปทั่วประเทศ"  
    ถามถึงว่า กังวลเรื่องคดีอาญาที่จะตามมาต่อจากนี้หรือไม่ในคดีการกู้เงินในคดียุบพรรค อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ยอมรับว่า กังวล เพราะก็เห็นพอศาล รธน.ตัดสินเสร็จก็มาเป็นลูกระนาด แต่คิดว่าหากหนังเรื่องนี้มีผู้กำกับจริงๆ ผู้กำกับก็อย่าจุดไฟให้มันลุกลามกว่าเดิม ไม่มีประโยชน์ที่จะจัดการกับตนกับธนาธร
       ซักว่าหากจะมีการต่อรองไม่เอาผิดคดีอาญาต่อจากนี้ แต่มีเงื่อนไขขอให้ยุติบทบาท เลิกไป ไม่ต้องทำหรือรณรงค์อะไรในนามคณะอนาคตใหม่ แล้วคดีอาญาจะไม่โดน นายปิยบุตรตอบว่า หลังเลือกตั้งเสร็จ วันแรกผู้มีอำนาจก็ส่งคนมาบอกให้ธนาธรกับตนหยุด เขาบอกให้ตน vacancy ไปพักร้อน พักผ่อน ไปอยู่กับภรรยาที่ต่างประเทศสัก 5 ปี 
    "เขาบอกให้ธนาธรหยุดแล้วออกไปจากพรรคอนาคตใหม่ แล้วให้พรรคไปต่อกันเอง ให้ ส.ส.ว่ากันไปเอง แล้วออกไปทำธุรกิจสักระยะ แล้วพอบ้านเมืองมันเปลี่ยนค่อยๆ กลับมา อันนี้เขาพูดตั้งแต่วันแรกๆ ที่พรรคชนะได้ ส.ส.มา 81 คน ได้ 6.3 ล้านเสียง ก็มีการส่งสัญญาณมา ก็มีแบบนี้มาตลอด ก็จะบอกว่าสุดท้ายถ้าให้คิดย้อนหลังกลับไป ที่คุณยุบพรรคอนาคตใหม่ ตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค ท้ายที่สุดเพราะกลัวธนาธรกับผม ผมก็มีสิทธิ์จะคิดย้อนกลับไปใช่ไหม ที่เขาเคยส่งสัญญาณมา"
    เมื่อถามว่าคนที่มาบอกดังกล่าวเป็นคนจากไหน คนจากกองทัพ นายปิยบุตรกล่าวว่า คนที่อยู่ในรัฐบาลชุดนี้เขาก็รู้ว่าคนรุ่นใหม่ นักการเมืองแบบใหม่ มันมีความจำเป็นในอนาคต แต่เขาขอก่อน เขาพูดด้วยความปรารถนาดีเลยนะ ในอีกมุมหนึ่งเขาก็อาจจะเสียดาย เหมือนเพื่อน ส.ส.หลายคนในสภาที่เป็นระดับอาวุโส ก็มาคุยกับตน เท่าที่จับความรู้สึกได้ หลายคนเขาก็เสียดายว่าถ้าหากให้ตนยังอยู่ในสภา ให้ได้อภิปรายในสภา อย่างน้อยก็ทำให้มีความคิดอะไรที่ก้าวหน้า บางคนก็บอกด้วยความปรารถนาดี ขอให้อดทนรอ อย่าเสี่ยงอะไรเลย เขาเสียดายถ้าธนาธรกับตนต้องถูกกำจัด ก็เสียบุคลากรไปอีก อันนี้คือความเห็นของ ส.ส.หลายคนที่ตนได้คุยด้วยในสภา
จะไม่หนีไปต่างประเทศ
       ต่อข้อถามที่ว่า ไม่ว่าเกิดอะไร จะไม่หนีไปอยู่ต่างประเทศ จะอยู่สู้ต่อไป เพื่อให้เห็นการเปลี่ยนแปลง อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ตอบว่า ยืนยัน ตนยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรมประเทศไทย ถามกันตรงไปตรงมา ตนกับธนาธรทำความชั่วร้ายให้กับประเทศนี้หรือ ธนาธรกับตนใช้อำนาจไปทำทุจริตหรือความผิดของตนกับธนาธรมีอะไร 
    "ผมยังนึกไม่ออก ความผิดของผมกับธนาธรคืออะไร คือการก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ใช่ไหม คือความผิดหรือ กระบวนการยุติธรรมจะนำผมกับธนาธรไปเข้าคุกด้วยเรื่องอะไร ผมก็นั่งคิดเหมือนกันว่าผมทำร้ายประเทศนี้ขนาดนั้นเชียวหรือ ถึงต้องมากำจัด ผมว่าผมไม่ได้ทำร้ายประเทศนี้อะไรเลย ผมมีแต่ความปรารถนาดี และอยากจะเปลี่ยนแปลงประเทศให้ดีขึ้นด้วยวิธีสันติและทำในระบบ"
       ถามย้ำว่า ยืนยันจะไม่ไปอยู่ต่างประเทศแน่นอน จะยืนยันสู้ในแนวทางที่บอก นายปิยบุตรกล่าวว่า ตนหวังว่าการเมืองไทยจะไม่ไปสู่จุดนั้น มันมีบทเรียนมาเยอะแล้ว กับการขับไล่ไสส่ง ตนเชื่อและพูดกี่ครั้งก็พูดแบบเดิม ตนอยากให้ประเทศไทย คนที่ครองอำนาจ มองเรื่องนี้ให้ออกว่าอะไรเป็นอะไร แล้วค่อยๆ เปลี่ยนด้วยกัน อย่าใช้วิธีการกด-ทับ-ปราบ ไม่มีประโยชน์ เพราะทำมาแล้วหลายครั้งในอดีต ก็ไม่สำเร็จ ต้องยอมรับความจริงว่ามีคนใหม่ มีความคิดใหม่ๆ เกิดขึ้น แล้วต้องอยู่กับมันให้ได้ คุณถืออำนาจไว้ยาว คุณมีอาหารสิบจาน มีเค้กสิบชิ้นบนโต๊ะ คุณไม่แบ่งให้คนอื่นห้าชิ้น ห้าจานหรือ บางทีแบ่งแค่สองชิ้นสองจาน ก็อยู่ร่วมกันได้แล้ว แต่ถ้าคิดอย่างเดียวว่าจะรวบหมด มันจะพาไปสู่ทางตัน
    อย่างไรก็ตามเมื่อถามถึงกรณีนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ออกมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า แกนนำอนาคตใหม่เคยไปคุยกับพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ก่อนหน้านี้ เรื่องนี้นายปิยบุตร แจงว่า ตั้งแต่เราตั้งพรรค เราพูดคุยกับคนเยอะมาก ที่ก็เป็นเรื่องปกติ แต่การพูดคุย ตนไม่เคยเสียหลักการ บทพิสูจน์ก็เห็นแล้ว ตนก็คุยกับคนเยอะมาก
    ถามย้ำอีกครั้งว่า แต่ที่คุยด้วยไม่มีพลเอกอภิรัชต์ใช่หรือไม่ นายปิยบุตรกล่าวตอบว่า ก็คุยหลายคนเยอะมาก ก็ธรรมดา การเป็นนักการเมือง ตนว่าการพูดคุยกันกับคนที่คิดไม่เหมือนเรา กับคนที่คิดว่าอยู่คนละขั้วกับเรา เป็นเรื่องปกติ แต่ว่าเมื่อพูดคุยแล้ว จะไปทำดีล ตกลงเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองหรือไม่ ยืนยันได้ว่าตนกับธนาธรไม่เคยทำ
"ช่อ"เผยทีมพินอคคิโอ
    ด้าน น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Pannika Chor Wanich ว่าอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของอนาคตใหม่ ในประสบการณ์การทำงานการเมืองในสภา 2 ปี สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นช่วงเวลาที่เข้มข้นและเหน็ดเหนื่อยที่สุด การอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นงานใหญ่ที่สุดในสภาของพรรคฝ่ายค้าน อนาคตใหม่ไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก่อนเลย เราตั้งใจทำงานอย่างมาก พยายามอย่างเต็มที่เพื่อชดเชยกับจุดอ่อนเรื่องประสบการณ์ของเรา
    ทีมพินอคคิโอถูกตั้งขึ้น 4 เดือนก่อนถึงวันอภิปราย เพื่อให้เรามีเวลาพอในการรวบรวมข้อมูล ตรวจสอบความถูกต้อง ทำสคริปต์  และคิดแผนการสื่อสารทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการอภิปราย เพื่อให้ข้อมูลได้เปล่งเสียงอย่างทรงพลังที่สุด สร้างแรงสั่นสะเทือนมากที่สุด ไปถึงประชาชนได้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
    ในช่วงโค้งสุดท้ายของการเตรียมการอภิปราย ทุกคนทำงานหนัก แข่งกับเวลา ธนาธรเป็นผู้ดูแลข้อมูล ตรวจสอบความถูกต้องของข้อเท็จจริงต่างๆ คุมการซ้อมอภิปรายของทุกคนด้วยตัวเอง ตารางซ้อมอภิปรายถูกปรับเปลี่ยนไปบ้างด้วยคดียุบพรรค และกิจกรรมการเมืองอื่นๆ แต่เวลาส่วนใหญ่ของพวกเราทุ่มให้กับการอภิปราย เพราะเรื่องยุบพรรคเป็นเพียงอนาคตของพรรค แต่อภิปรายไม่ไว้วางใจเกี่ยวพันกับอนาคตของประเทศ เรื่องหลังจึงมีความสำคัญกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้
    ความท้าทายสำคัญมาถึงทีมพินอคคิโอ เมื่อพรรคถูกยุบเพียง 3 วันก่อนถึงวันเปิดอภิปราย เราตัดสินใจว่าเรื่อง 1MDB ต้องถูกนำมาอภิปรายนอกสภา เพราะเรื่องนี้ใหญ่เกินไปที่จะเปลี่ยนผู้อภิปรายในเวลาเพียง 2-3 วัน จึงกลายเป็นที่มาของอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภา ที่เปิดประเด็นสร้างความสนใจในสังคมมากมายอย่างที่เราไม่คาดคิดมาก่อน
    แม้จะถูกตัดสิทธิทางการเมือง พ้นจากสภาพ ส.ส. แต่หน้าที่ภาระผูกพันในฐานะทีมพินอคคิโอยังอยู่ ตลอด 4 วันของการอภิปราย เราเฝ้าติดตามสถานการณ์ในสภาอย่างใกล้ชิด เผชิญทั้งสถานการณ์การประท้วงก่อกวน การข่มขู่ฟ้องร้อง การคุกคามแหล่งข่าวที่ให้ข้อมูลกับเรา การผลิตสื่อและเผยแพร่เอกสารประกอบการอภิปรายให้ทันกับความต้องการของประชาชน การอัพเดตข้อมูลให้ผู้อภิปรายจนถึงนาทีสุดท้าย รวมถึงการพยายามบริหารเวลาเพื่อให้ ส.ส.ทุกคนได้อภิปรายให้ได้
    แต่สถานการณ์ก็เดินทางมาถึงจุดที่ ส.ส.อนาคตใหม่ 3 คนไม่ได้อภิปราย และอีก 1 คนโดนตัดเวลาไปครึ่งหนึ่ง เพราะเวลาหมด เราตัดสินใจในวินาทีนั้นว่าจะไม่ให้แท็กติกกลไกในสภามาขัดขวางการนำเสนอความจริงต่อประชาชนคนไทย
พรรคที่ปชช. 6.3 ล้านเลือกมา
    การอภิปรายนอกสภาเกิดขึ้นอีกครั้งในวันสุดท้ายของการอภิปราย ปกรณ์วุฒิ ปดิพัทธ์ รังสิมันต์ ได้นำเสนอความล้มเหลวของรัฐบาลที่จุดแถลงข่าวใต้ถุนรัฐสภา ปราศจากเอกสิทธิ์คุ้มครอง ปราศจากคำชี้แจงของรัฐมนตรี โชคดีที่มีสื่อมวลชนจำนวนมากช่วยกันทำหน้าที่กระจายข้อมูลความจริงไปสู่ประชาชน ทำให้การอภิปรายนอกสภานี้มีผู้รับชมหลายล้านคน และยังเป็นการอภิปรายที่สุดพิเศษ ทำให้เราได้นั่งฟัง ส.ส.ของเราอภิปรายอย่างใกล้ชิด ได้ให้กำลังใจในแบบที่ไม่อาจทำได้หากพวกเขาอภิปรายในสภา
    ในทางนิตินัย พรรคอนาคตใหม่ไม่มีโอกาสได้อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เนื่องจากถูกยุบพรรคไปก่อนอภิปราย 3 วัน
    แต่เราถือว่าทุกครั้งที่ ส.ส.ของเราลุกขึ้น แล้วกล่าวแนะนำตัวว่าพวกเขาคือ “ผู้แทนราษฎรจากพรรคการเมืองที่ประชาชน 6.3 ล้านคนเลือกมา แต่ถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบไป” นั่นคือทุกครั้งที่เราภาคภูมิใจว่าเราทำหน้าที่อย่างถึงที่สุด แม้พรรคจะถูกยุบ แต่หน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลในฐานะพรรคฝ่ายค้านจะต้องดำเนินต่อไปให้สมกับความเชื่อมั่น ความไว้วางใจที่ประชาชนมีต่อเรา
    นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผมบอกน้องและเพื่อนในพรรคเพื่อไทยไม่ต้องตื่นตระหนกกับกระแสในโลกออนไลน์ เพราะปั่นกันได้แบบที่เรียกว่าไอโอ (information operation หรือ IO) ที่นิยมทำกันทั้งทหารและฝ่ายการเมือง โดยเฉพาะประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พรรคเพื่อไทยกำลังถูกป้ายสีให้ไปเป็นจำเลย
    ความจริงคือคิวการอภิปรายรัฐมนตรีได้ถูกตกลงโดยคณะทำงานของทุกพรรคแต่แรก ส่วนจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใดก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรคที่จะพิจารณาเอง ที่พรรคเพื่อไทยไม่อภิปรายพลเอกประวิตร เพราะไม่มีอำนาจและไม่ได้คุมหน่วยงานสำคัญ ไม่ใช่เพราะมีข้อตกลงลับแบบที่พยายามใส่ร้าย เพราะถ้าอยากตกลงควรจะเป็นพลเอกประยุทธ์ที่มีอำนาจ การอภิปรายครั้งนี้พรรคเพื่อไทยจึงพุ่งเป้าไปที่พลเอกประยุทธ์และการจัดซื้ออาวุธของกองทัพ ส่วนบางพรรคที่แทบจะไม่ได้แตะพลเอกประยุทธ์เพื่อไทยก็ไม่เคยคิดว่ามีข้อตกลงลับเพราะจิตใจเราสูงพอ
    การอภิปรายไม่ไว้วางใจคือการตรวจสอบ แต่แทบจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง เพราะรัฐบาลมีเสียงมากกว่าฝ่ายค้าน หากต้องการเปลี่ยนแปลงจะต้องเร่งคืนสิทธิและเสรีภาพให้กับประชาชน เรื่องแรกคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งเพื่อให้ตอบสนองต่อเจตนารมณ์ของประชาชน ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฯ ครั้งล่าสุด พรรคการเมืองส่วนใหญ่เสนอตรงกันว่าบัตรเลือกตั้งจะต้องมีสองใบ คือเลือกคนและเลือกพรรคแบบที่ใช้กับรัฐธรรมนูญปี 2540 หรือ 2550 ที่ประชาชนคุ้นชินและไม่เกิดการบิดเบือนการนับคะแนน
เพื่อไทยจะแก้กฎหมายชุมนุม
    นอกจากนี้จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายบางฉบับ เช่น กฎหมายชุมนุมสาธารณะที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ควบคุมการใช้เสรีภาพของประชาชน หรือกฎหมายเกี่ยวกับการสื่อสารหรือการแสดงออกของประชาชนไม่ให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้เป็นเครื่องมือจำกัดสิทธิและเสรีภาพจนอาจนำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องและการสูญเสีย ที่สำคัญไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฉวยประโยชน์จากพลังและความบริสุทธิ์ของนักเรียนนักศึกษา เปิดสมัยประชุมหน้าพรรคเพื่อไทยจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายเหล่านี้
    เจตจำนงอย่างแน่วแน่ของพรรคเพื่อไทยคือการคืนอำนาจให้กับประชาชน และทำประเทศให้เป็นประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยจึงเป็นพรรคเดียวที่เสนอให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับโดยประชาชนแบบ ส.ส.ร. ไม่ใช่เสนอขอแก้ไขเพียงบางประเด็น เพราะได้ประโยชน์จากความบิดเบือน ถ้าอยากให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมาช่วยกันครับ อย่าเลือกทำเฉพาะประเด็นการเมืองเพื่อผลการเลือกตั้งเพราะไม่เกิดประโยชน์กับประเทศ
    ขณะที่นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.พรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า "ดีลเหี้-อะไร!!! ยุบไทยรักไทย ยุบพลังประชาชน ยุบไทยรักษาชาติ คิดซิคิด...."
    นายกาณฑ์ พงษ์ประภาพันธ์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ท่านหนึ่ง กำลังรวบรวม ส.ส.อีกหลายคนไปสมัคร พรรคกล้า #จับตางูเห่าสีส้ม
    ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจเสร็จสิ้น รัฐบาลจะเร่งดำเนินโครงการต่างๆ ให้กับพี่น้องประชาชนทันที โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะเดินหน้าแก้ปัญหาต่างๆ ให้กับประชาชน โดยเฉพาะผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก รวมถึงการแก้ปัญหาการระบาดไวรัสโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบทั่วโลก ซึ่งรัฐบาลเตรียมพร้อมเฝ้าระวังอย่างเต็มรูปแบบในการป้องกันการระบาด ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทางรัฐบาลก็เตรียมออกมาตรการต่างๆ มาช่วยอย่างเต็มที่ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ
    เขากล่าวว่า ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่มีปัญหาอะไร รัฐบาลมีเสถียรภาพ แม้ว่าเสียงโหวตจะไม่เท่ากันก็ไม่มีปัญหาอะไร รัฐมนตรีทุกคนต่างชี้แจงได้ดี พี่น้องประชาชนเข้าใจ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์นั้นก็เป็นปกติของสมาชิกในพรรคที่ความเห็นแตกต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายก็เป็นไปตามมติพรรคที่โหวตไว้วางใจ เพราะพรรคร่วมเข้าใจมารยาททางการเมืองดี ที่สำคัญ รัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายก็ชี้แจงได้ชัดเจน ไร้ข้อกังขา อย่างไรก็ตาม ตนอยากจะวิงวอนพรรคการเมืองทุกพรรคลดความขัดแย้งทางการเมืองเพื่อมาช่วยกันแก้ปัญหาวิกฤติ โดยเฉพาะไวรัสโควิด 19 ที่ส่งผลกระทบต่อประเทศ เพื่อนำพาประเทศผ่านวิกฤติไปให้ได้ รัฐบาลจะมุ่งมั่นทำงานโดยหลีกเลี่ยงประเด็นความขัดแย้งทางการเมือง
เศรษฐกิจใหม่จัดแถว
    นายเกียรติภูมิ สิริพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ กล่าวว่า การประชุมของสมาชิกพรรคเศรษฐกิจใหม่ทั่วประเทศ ในวันนี้ เพราะว่ามีสมาชิกได้เรียกร้องให้มีการประชุม ด้วยสาเหตุพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้มีปัญหามาก่อนหน้านี้ 
    "ในการจัดงานการประชุมในวันนี้ มีสาเหตุเนื่องจากคณะกรรมการรักษาการพรรคเศรษฐกิจใหม่ได้ละเมิดข้อบังคับพรรคข้อที่ 14 กล่าวคือไม่จัดการประชุมเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายใน 60 วัน ตามข้อบังคับพรรค ข้อที่ 14 กำหนดไว้ และยังละเมิดข้อบังคับพรรคข้อที่ 8 โดยการทำลายโครงสร้างของพรรค คือเสนอยุบสำนักงานตัวแทนพรรคหลายจังหวัด เช่น สำนักงานตัวแทนพรรค ประจำจังหวัดมหาสารคาม ทั้งที่ไม่มีความผิด และละเมิด พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมือง พ. ศ.2560 มาตรา 33 (1) (2) จึงทำให้เสียหาย ทำให้พรรคไม่มีเสถียรภาพ"
    นายเกียรติภูมิกล่าวต่ออีกว่า การกระทำของคณะกรรมการรักษาการจึงขัดกับความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน ขาดความชอบธรรมในการบริหารพรรคเศรษฐกิจใหม่อีกต่อไป ดังนั้นสมาชิกพรรคที่มาประชุมในวันนี้ถือว่าเป็นเจ้าของพรรค ตามข้อบังคับพรรคข้อที่ 58 รับรองไว้ และเป็นผู้เสียหายต่อการกระทำของคณะกรรมการรักษาการนี้ด้วย จึงถือเอาการประชุมวันนี้เป็นการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่เสนอต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองรับรองต่อไป
    "หากไม่ดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ทางพรรคอาจจะอยู่ไม่ได้ สมาชิกพรรคที่มาประชุมในวันนี้ทุกคน มีอุดมการณ์ สามารถที่จะร่วมกันดำเนินกิจกรรมต่อเพื่อกอบกู้พรรคไว้ไม่ให้พรรคที่เราตั้งเอาไว้ ดั่งอุดมการณ์ที่มีต่อประเทศชาติ คือต้องการที่จะสร้างเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เจริญรุ่งเรือง ด้วยการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองต่อไป พร้อมทั้งจะพยายามสร้างโครงการดีๆ ให้กับพี่น้องประชาชน ให้มีภาวะความเป็นอยู่มีรายได้ที่ดีขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพื่อที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยต่อไปในอนาคต ส่วนการดำเนินงานของพรรคต่อจากนี้ไป หลังจากที่ กกต.รับรองคณะกรรมการชุดใหม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ทางพรรคก็จะเน้นเรื่องการแก้ไขเศรษฐกิจของประเทศ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นพรรคยังไม่ได้มีมติว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เพราะขณะนี้แนวคิดของสมาชิกพรรคยังแบ่งออกเป็น 2 ทาง ดังนั้นหลังจากที่ กกต.มีหนังสือรับรองคณะกรรมการบริหารพรรคที่ได้รับเลือกตั้งในวันนี้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ทางพรรคก็จะมีการประชุมเพื่อลงมติพรรคอีกครั้งว่า พรรคจะอยู่ร่วมฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล"
    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับผลการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่ได้รับเลือกตั้งในวันนี้ ประกอบด้วย นายเกียรติภูมิ สิริพันธุ์ หัวหน้าพรรค, นายสุรสิทธิ์ เปล่งสมสมบัติ    รองหัวหน้าพรรค, นายทีฆวัฒน์ เวศอุไร เลขาธิการพรรค, นางนัถรัฐ แดนโพธิ์ รองเลขาธิการพรรค, นายสุเมธ  สุเมธกุล โฆษกพรรค, นายธนวรรณ์ พามี  นายทะเบียนพรรคฯ, นายประกาย      ศรีวงศ์ เหรัญญิก และนายฐาปกรณ์  โนนศรีโคตร กรรมการบริหารอื่นๆ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"