เกษตรกรรับประโยชน์จากประกันรายได้2.48 ล้านครัวเรือน วงเงินที่จ่ายชดเชย 3.83 หมื่นล้านบาท


เพิ่มเพื่อน    


2 มี.ค.2563 นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงผลการชดเชยส่วนต่างโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรปี 2562/63 รอบที่ 1 ณ วันที่ 26 ก.พ.2563 ว่า ขณะนี้มีเกษตรกรผู้ปลูกสินค้าเกษตร 5 ชนิดที่อยู่ในโครงการประกันรายได้ ได้แก่ ข้าว ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มันสำปะหลัง และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้รับประโยชน์จากโครงการแล้วจำนวน 2,480,470 ครัวเรือน โดยได้รับการชดเชยส่วนต่างจากโครงการประกันรายได้เป็นวงเงินรวม 38,357.56 ล้านบาท คิดเป็น 56.59% ของวงเงินโครงการประกันรายได้ทั้งหมด ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นตามเป้าหมายที่รัฐบาลได้ตั้งไว้

ทั้งนี้ หากแยกเป็นรายสินค้า พบว่า ข้าว มีเกษตรกรที่มีสิทธิทั้งหมด 4.31 ล้านราย โอนเงินแล้ว 942,345 ราย จำนวนเงิน 19,177.01 ล้านบาท คิดเป็น 91.58% ของงบประมาณรวม 20,940.84 ล้านบาท , ปาล์มน้ำมัน มีเกษตรกรที่มีสิทธิกว่า 3 แสนราย โอนแล้ว 329,257 ราย จำนวนเงิน 2,770.47 ล้านบาท คิดเป็น 21.31% ของงบประมาณรวม 13,000 ล้านบาท , ยางพารา มีเกษตรกรที่มีสิทธิ 1.71 ล้านราย โอนเงินแล้ว 1,090,995 ราย จำนวนเงิน 12,715.66 ล้านบาท คิดเป็น 54.17% ของวงเงินรวม 23,472.02 ล้านบาท , มันสำปะหลัง มีเกษตรกรที่มีสิทธิ 5.2 แสนราย โอนแล้ว 119,324 ราย จำนวนเงิน 3,402.03 ล้านบาท คิดเป็น 36.03% ของวงเงินรวม 9,442.34 ล้านบาท และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มีเกษตรกรที่มีสิทธิ 4.5 แสนราย โอนแล้ว 93,842 ราย จำนวนเงิน 292.39 ล้านบาท คิดเป็น 31.67% ของวงเงินรวม 923.33 ล้านบาท

ส่วนผลจากการดำเนินมาตรการเสริมเข้าไปช่วยเหลือสินค้าเกษตร ได้ส่งผลให้ราคาสินค้าเกษตรเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนเริ่มโครงการมีราคาสูงขึ้นเกือบทุกรายการ เช่น ข้าวเปลือกเจ้าราคาจาก 7,200-7,500 บาทต่อตัน เพิ่มเป็น 7,800-8,500 บาทต่อตัน เพิ่มขึ้น 10.88% มันสำปะหลัง จาก 2.00-2.20 บาทต่อกิโลกรัม (กก.) เพิ่มเป็น 2.15-2.35 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 9.10% ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ จาก 8.00-8.05 บาทต่อกก. เพิ่มเป็น 8.15-8.20 บาทต่อกก. เพิ่ม 1.86% ปาล์มน้ำมัน จาก 2.80-3.10 บาทต่อกก. เพิ่มเป็น 6.00-7.20 บาทต่อกก. เพิ่ม 132.25% ส่วนยางแผ่นดิบ ราคาลดลง จาก 46-48 บาทต่อกก. เหลือ 40-42 บาทต่อกก. ลด 12.50% และข้าวหอมมะลิ ลดจาก 15,000-15,500 บาทต่อตัน เหลือ 14,500-15,300 บาทต่อตัน ลด 2.30% เพราะประสบปัญหาภัยแล้ง ทำให้คุณภาพข้าวไม่ดี

นายวิชัยกล่าวว่า นอกจากโครงการประกันรายได้ เฉพาะเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ยังได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลผ่านโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปีการผลิต 2562/63 อีก โดยได้จ่ายเงินช่วยเหลือเกษตรกรรวม 4.57 ล้านราย และ ณ วันที่ 26 ก.พ.2563 ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้จ่ายเงินให้กับเกษตรกรแล้ว 4.398 ล้านราย วงเงิน 25,802.83 ล้านบาท คิดเป็น 94.12% ของวงเงินรวม 27,414.05 ล้านบาท  

ส่วนโครงการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าว ปีการผลิต 2562/63 ได้ช่วยเหลือเกษตรกร 4.57 ล้านราย ธ.ก.ส.ได้จ่ายเงินให้เกษตรกรแล้ว 3,891,608 ราย วงเงิน 20,384.74 ล้านบาท คิดเป็น 79.03% ของวงเงินรวม 25,793.02 ล้านบาท


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"