คิดถึง 'กฎแห่งกรรม' เอาไว้มั่ง!!!


เพิ่มเพื่อน    

 

         เห็นว่าตัวเลขคนเจ็บ คนตาย คนติดเชื้อ จากโคโรนาไวรัส หรือ อาจารย์โกวิท-19 ในเมืองจีน...ชักเริ่มทรงๆ ขึ้นมามั่งแล้ว จะด้วยเหตุเพราะ ความเป็นเผด็จการ หรือเพราะอะไรก็ตามที แต่สำหรับ  ประชาธิปไตยเสรี อย่างคุณพ่ออเมริกานี่สิ จากที่เคยเชื่อๆ กันว่าน่าจะ เอาอยู่ หรือเป็นอะไรที่ ชิลๆ ตามที่ผู้นำประเทศได้ออกมาพ่นแมงโม้ หรือได้คุยๆ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า มาถึง ณ ขณะนี้ เห็นว่าตายไปแล้ว 6 ส่วนที่ติดเชื้อชักเริ่มใกล้ๆ หลักร้อย หรือจะระดับหลักพัน หลักหมื่น อย่างที่ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ตั้งข้อสงสัยเอาไว้หรือไม่ เพียงใด คงต้องคอยติดตามกันดูอีกที...

                                                               -----------------------------------------------------

                อย่างไรก็ตาม...สำหรับประเทศเล็กๆ อย่างไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ในแง่ตัวเลขคนเจ็บ คนตาย คนติดเชื้อ ต้องยอมรับว่า ค่อนข้างสะท้อนให้เห็นถึง ประสิทธิภาพ ของระบบสาธารณสุขไทยไม่น้อยทีเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเท เสียสละ ของบุคลากรทางการแพทย์ ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจ อยู่พอสมควรเหมือนกัน แม้ว่าบุคลากรทางการพาณิชย์ อาจออกไปทาง ห่วยแตก อยู่บ้าง โดยเฉพาะในเรื่องของ หน้ากาก ที่ก่อให้เกิดความหงุดหงิด รำคาญ ไปจนความเปรี้ยวมือ เปรี้ยวตีน ของบรรดาผู้คนในโลกโซเชียล มีเดีย ทั้งหลาย...

                                                                 ---------------------------------------------------

                แต่เอาเป็นว่า...ภายใต้สถานการณ์ที่มีแต่ต้องอาศัย ความร่วมมือ-ร่วมใจ นั่นแหละเป็นหลัก ไม่ว่าจะในระดับประเทศ หรือในระดับโลก ก็ตามแต่ มันถึงจะสามารถเอาชนะ หรือสามารถรับมือกับบรรดา  เชื้อโรค เหล่านี้ได้แบบจริงๆ จังๆ อะไรที่มันไม่ถึงกับหนักหนา สาหัส จนเกินไป ก็อย่าถึงกับต้องไปถือสา หาความ หรือต้องไปหยิบเอามาเป็นเงื่อนไข ข้ออ้าง ในการรุมด่า รุมกระทืบ ซึ่งกันและกัน แม้แต่เรื่อง ความเป็นเผด็จการ-ความเป็นประชาธิปไตย ที่มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเชื้อโรค เอาเลยแม้แต่น้อย  การฉวยโอกาสหยิบเอาสิ่งเหล่านี้มาใช้เป็นเครื่องมือ ในการสนองตอบอารมณ์-ความรู้สึกตัวเอง กลับยิ่งทำให้ตัวเราแทบไม่ต่างอะไรไปจากเชื้อโรคนั่นแหละ...

                                                                  ----------------------------------------------------

                เหมือนอย่างที่คุณพ่ออเมริกา...ท่านเคยกะจะฉวยโอกาส รุมเหยียบ รุมกระทืบ มหาอำนาจคู่แข่งอย่างประเทศจีนให้จมธรณี ดังที่รัฐมนตรีพาณิชย์อเมริกา ถึงกับออกมาป่าวประกาศว่า ความฉิบหาย ของจีน ในการต้องเผชิญหน้ากับเชื้อไวรัสชนิดนี้ อาจถือเป็น โอกาส ของอเมริกา ในการดึงงาน ดึงการลงทุน กลับสู่ประเทศ อะไรประมาณนั้น แต่สุดท้ายแล้ว...ไม่ว่างาน ไม่ว่าการลงทุน จะหวนกลับไปสู่อเมริกาหรือไม่ อย่างไร ก็ตาม แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เชื้อโรค มันได้ตามไปด้วย จนตัวเลขคนตาย คนติดเชื้อ ไม่ว่าในอเมริกาหรือยุโรป พุ่งพรวดๆ พราดๆ ชนิดอาจต้องหันมาขอความร่วมมือ ขอแลกเปลี่ยนบทเรียนและประสบการณ์ในการรับมือกับโคโรนาไวรัส จากประเทศต้นแบบอย่างจีน เอาเลยก็ไม่แน่...

                                                                   ----------------------------------------------------

                ยิ่งไปกว่านั้น...ถ้ายังคิดรุมเหยียบ รุมกระทืบ กันต่อไป ผลกระทบที่ตามมา มันอาจถึงขั้นต้องฉิบหาย วายป่วง กันไปทั่วทั้งโลกเอาง่ายๆ โดยเฉพาะ ผลกระทบด้านเศรษฐกิจ แค่เฉพาะผู้ที่ได้ชื่อว่า ซดน้ำมัน สูงที่สุดในโลกอย่างจีน ต้องลดการบริโภคน้ำมันลงไปบ้าง ราคาน้ำมัน WTI (West Texas  Intermediate) เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา รูดมหาราชลงไปอยู่ที่แค่ 45 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลไปจนได้ ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตน้ำมัน Shale Oil ที่กำลังบูมๆ อยู่ในสหรัฐ เมื่อช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา นับจาก ทรัมป์บ้า ได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดี ชักเริ่ม ไม่คุ้มทุน ขึ้นมามั่งแล้ว หรือกำลังส่งผลให้อุตสาหกรรมพลังงานอเมริกา ทำท่าว่าอาจต้อง เจ๊ง กันไปเป็นแถบๆ...

                                                                     ---------------------------------------------------

                นี่...ผลแห่งการรุมเหยียบ รุมกระทืบ โดยไม่ได้คิดยั้งมือ ยั้งตีน ไม่คำนึงถึงน้ำใจ ไมตรีใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย มันเลยไม่ต่างไปจาก ผลกรรม หรือ กฎแห่งกรรม ธรรมดาๆ นั่นแหละสหาย หรือนั่นแหละบรรดาหนูเล็กๆ และเด็กๆ ทั้งหลาย การอยู่ร่วมโลกใบเดียวกัน และการที่ต้องเผชิญหน้ากับเชื้อโรคชนิดเดียวกัน ที่มันไม่ได้มีเชื้อชาติ สัญชาติ ไม่ได้มีสีผิว เผ่าพันธุ์ อีกทั้งไม่ได้สนใจว่าใครเป็นประชาธิปไตย ใครเป็นเผด็จการ เอาเลยแม้แต่น้อย มันเลยต้องอาศัย ความร่วมมือ-ร่วมใจ ต้องพยายามขจัดข้อแตกต่างในทุกเรื่อง ทุกราว ลงไปให้มากๆ เข้าไว้ มันถึงจะพออยู่รอด ปลอดภัย ไปได้โดยถ้วนทั่วทุกตัวตน ทุกประเทศ และทุกสังคม...

                                                                        ---------------------------------------------------

                ด้วยเหตุนี้...ถึงแม้ใครจะ เกลียดรัฐบาล หรือ เหม็นหน้าบิ๊กตู่ กันไปถึงขั้นไหน ช่วงระหว่างนี้น่าจะเพลามือ เพลาตีน ลงไปมั่ง รอให้หมดเรื่อง หมดราว รอให้ผ่านพ้น วิกฤติอาจารย์โกวิท หรือ วิกฤติ Covid-19 ไปซักพัก ค่อยหันมาเหยียบ มากระทืบกันใหม่ ก็คงไม่ถึงกับสายเกินไป เพราะความเป็นรัฐบาลนั้น...สุดท้ายย่อมเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้วผ่านไป ไม่ได้อยู่ยั้งยืนยง ไม่ได้รากงอกอย่างเป็นการถาวรก็หาไม่ แต่ความเป็นประเทศ ความเป็นสังคมไทยนี่สิ!!! มีแต่ต้องหาทางดำรง รักษา ให้ยั่งยืนและถาวรเข้าไว้ มันถึงจะพออยู่ๆ กันไปได้ ไม่ต้อง อนาคตหมด หรือ อนาคตไหม้ ไปก่อนเวลาอันควร แม้ไม่เห็นด้วยกับกฎหมาย หรือกฎ ระเบียบ ประเพณีใดๆ ก็ตามแต่ แต่ยังไงๆ คงต้องคำนึงถึง กฎแห่งกรรม เอาไว้บ้างนั่นแหละดี...

                                                                        ----------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Sanskrit saying...When thou go away from here, no one will  follow thee. Only thy good and thy evil deeds, they will follow thee wherever thou go. - เมื่อท่านลาจากโลกนี้ไป ไม่มีผู้ใดจะไปกับท่าน มีแต่กรรมดีและกรรมชั่วเท่านั้น ที่จะติดตามท่านไปทุกแห่งทุกหน...”

                                                                          --------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"