ฝ่ายค้านที่แทบไม่เหลือแรงแค้น


เพิ่มเพื่อน    

                ท่าทางน่าจะลำบากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...สำหรับแกนนำพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรค เผาไทย นับจากนี้  เพราะหลังผ่าน ศึกวันทรงชัย มาด้วยความบอบช้ำมิใช่น้อย เนื้อตัวเขียวเป็นจ้ำๆ ตั้งแต่หน้าขาไปยันขี้โครง หน้าแหก หน้าแตก ชนิดหมอไม่รับเย็บ แถมทำท่าว่าแผลแตก แผลบาดเจ็บ ยังอาจกลายเป็น  แผลติดเชื้อ ไปซะอีกต่างหาก!!!

                                                                    ---------------------------------------------

                ถึงพยายามสรรหา กิจกรรม ที่จะออกไปทาง พิเศษ-ไม่พิเศษ ก็แล้วแต่ ชวนเชิญใครต่อใครมา  อภิปรายนอกสภาฯ เพื่อช่วยเลี้ยงกระแส ไม่ให้ห่อเหี่ยว เหี่ยวปลาย จนเกินไป แต่คงไม่ได้ต่างอะไรไปจากการเปิดเฟซบุ๊ก ไลฟ์สด อะไรทำนองนั้น คือมันแทบไม่ได้มีน้ำหนัก พอที่จะหัก จะโค่น ฝ่ายตรงข้ามอย่างรัฐบาลได้เลย และไม่ได้ช่วยให้อะไรดูดี ขึ้นมามากมายซักเท่าไหร่ ส่งผลบรรดามวลสมาชิกพรรคจำนวนไม่น้อยเริ่มออกอาการ ถอดใจ กันไปมั่งแล้ว ไม่ก็หันมาไล่ฟัด ไล่งับ กันเอง โทษมึง โทษกู กันไปตามเรื่อง ตามราว ตามแบบฉบับมวยแพ้ หรือบอลแพ้ อะไรประมาณนั้น...

                                                                     --------------------------------------------

                อีกทั้งคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละ...ผู้ที่มีบารมี มีสง่าราศี พอที่จะช่วยก่อให้เกิดสายใยแห่งความแน่นเหนียว กลมเกลียว ภายในพรรค มันแทบไม่เหลือเอาไว้ทำยา หรือที่เหลือๆ ก็มักหนักไปทาง  ไม่ค่อยจะมีน้ำยา ซะเป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคุณ เจ๊สุดาหน่อย ที่ไม่ว่าจะมีบทบาท อำนาจ ไปในลักษณะไหน แต่ก็ออกจะขาด บารมี มาโดยตลอด ถูกเอามาซุบซิบ นินทา ไม่เว้นแต่ละวัน หรือแม้แต่  ดอกเตอร์หลาม หรือ ดอกเตอร์เหลิม ที่เคยดูน่าหวาดหวั่น ขวัญสยอง น่าขนลุกขนพอง พอสมควร  แต่หลังจากผ่าน ศึกวันทรงชัย ไปแล้ว ระดับราคาจาก 5-4, 3-2 ก็ดูจะลดระดับลงมาเหลือแค่ประมาณ  100 บาทเอาอุจจาระสุนัข สองกอง สามกอง อะไรทำนองนั้น...

                                                                    -------------------------------------------------

                แต่จะไปโทษ ดอกเตอร์หลาม หรือ เจ๊สุดาหน่อย ไปซะทั้งหมด...ก็ไม่น่าจะถูกเรื่อง ถูกราว ซักเท่าไหร่ เพราะอาการขาด บารมี ไม่ว่าจะมีอำนาจในฐานะใดๆ ก็แล้วแต่ เนื่องมาจากทุกสิ่งทุกอย่างมันถูกผูกขาดศูนย์รวมแห่งบารมีเอาไว้ที่ นายใหญ่ มาโดยตลอดนั่นเอง ไม่ว่าจะหัวหน้าพรรค  เลขาธิการพรรค ประธานยุทธศาสตร์ ประธานกิจการพิเศษโน่นๆ นี่ๆ เลยต้องตกอยู่ในสภาพเป็นได้แค่ นอมินี เท่านั้นเอง ยิ่งในช่วงหลังๆ มานี้...ชักเริ่มมีข่าวคราวประมาณว่าตัว นายใหญ่ นั้น แม้ยังไม่ถึงกับ ถอดใจ แต่อาจพร้อมที่จะ ถอดเขี้ยว-ถอดเล็บ กันมั่งแล้ว หรือเริ่มทำท่าว่าคิดจะหันมา อยู่เป็น เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยหรือความอยู่เย็นเป็นสุขของตัวเอง ขณะช่วงใกล้บั้นปลายชีวิตเข้าไปทุกที...

                                                                       -------------------------------------------------

                สิ่งเหล่านี้...เลยยิ่งทำให้อนาคตพรรคเผาไทย น่าจะออกไปทางอนาคตหมด อนาคตไหม้ ไม่น้อยไปกว่า อนาคตใหม่ ที่ได้หมดอนาคตลงไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว คือถึงแม้ไม่ถึงขั้น ยุบพรรค แต่โอกาสที่จะเกิดการแยกพรรค ย้ายพรรค หรือเกิดการมิวเตชั่น การกลายพันธุ์ไปตามกระบวนการวิวัฒนาการ ในบรรดามวลสมาชิกในแต่ละกลุ่ม แต่ละราย ที่พร้อมแปรสภาพตัวเองไปเป็น ลิง เป็น งูเห่า หรือเป็นสัตว์ซึ่งรับประทานกล้วย เป็นอาหารหลัก อาหารว่าง โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปดึงพรรคเผาไทยทั้งพรรค เข้ามาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ให้ต้องเสียแรง เสียรังวัด โดยใช่เหตุ ย่อมมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ...

                                                                        ------------------------------------------------

                ภายใต้สภาพเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้พรรคเผาไทย น่าจะลำบากยิ่งเข้าไปทุกที เพราะแม้กระทั่งบรรดา  แนวร่วม ที่เคยเป็นเสมือน แก้ว 3 ประการ ของพรรคมาในอดีต ทุกวันนี้...ก็คงไม่คิด เผาไทย อีกต่อไป แต่หันมาแปรสภาพเป็น ผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย กันไปเป็นแผงๆ พร้อมที่จะ ปลดธงแดง ไปเป็นหมู่บ้านๆ หันมา ชักธงชาติ ขึ้นแทนที่ ต่างไปจากบรรดาแนวร่วมของพรรคอนาคตใหม่ ที่อนาคตเพิ่งจะหมดกันไปไม่นาน ก็เลยยังพอคึกๆ คักๆ ยังพอมีเรี่ยว มีแรง พอที่จะ ชักธงดำ ขึ้นสู่ยอดเสา วี้ดๆ ว้ายๆ ไปตามเรื่อง หรือตามแบบฉบับผู้ที่ยังไม่เคยผ่านร้อน ผ่านหนาว ซึ่งคงไม่ต้องเสียเวลาไปถือสา หาความ อะไรกันมากมาย

                                                                          ---------------------------------------------------

                เพราะสำหรับพรรคที่อนาคตเพิ่งจะหมด และกำลังหาทางฟื้นพรรคขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าในรูปใด หรือในชื่อเรียง เสียงไร ก็ตามที แต่ถ้ายังยึดมั่นต่อ แนวทางรัฐสภา หรือ วิถีทางรัฐสภา โดยไม่คิดจะ ลงถนน เหมือนอย่างที่ใครต่อใครพูดๆ กันไปแล้ว ก็คงต้องถือเป็นส่วนหนึ่งของ กระบวนการประชาธิปไตย อย่างมิควรจะปฏิเสธ โดยเฉพาะถ้าหากภายใต้การนำของคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ที่น่าจะผ่านร้อน ผ่านหนาวกันมาบ้างแล้ว เป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าวคราว ว่าคิดจะ ลดโทนการปะทะกับฝ่ายตรงข้ามให้น้อยลง กันจริงๆ ก็อาจต้องถือเป็น พรรคฝ่ายค้าน ฉบับของจริงและของแท้ ยิ่งกว่าพรรคเผาไทยซะด้วยซ้ำ...

                                                                            ------------------------------------------------------

                สรุปเป็นอันว่า...ภายใต้สภาพการณ์ที่ทั้งรัฐบาลและฝ่ายตรงข้าม ต่าง ออกอาการ ไปด้วยกันทั้งคู่  ไม่ว่าฝ่ายค้าน หรือฝ่ายแค้นคงต้องหาทาง อยู่ร่วมโดยสันติ กับ บิ๊กตู่ ไปอีกซักพักใหญ่ๆ โดยมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธ ดังนั้น...อะไรที่หนักบ้าง เบาบ้าง คงต้องพยายาม ทำใจ กันไปตามสภาพ อย่าถึงกับไปโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท จนเกินไป เพราะสิ่งที่รอคอยอยู่เบื้องหน้า ไม่ว่าปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง การทหาร ไปจนถึงสิ่งแวดล้อม ฯลฯ มันออกจะหนักหนา สาหัส เอาเรื่องทีเดียว ชนิดไม่ว่าฝ่ายใดก็เถอะ คงต้องหันมา ร่วมมือ-ร่วมใจ หันมา รู้-รัก-สามัคคี กันให้มากๆ เข้าไว้ ไม่เช่นนั้น...โอกาสที่จะพังกันไปทุกฝ่าย หรือแพ้กันไปทั้งประเทศ ก็ใช่ว่าจะไม่มีเอาซะเลย...

                                                                               -----------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Anon...What can’t be cured must be endured. - สิ่งใดที่ยังไม่สามารถแก้ไขได้ สิ่งนั้นต้องอาศัยความอดทน...”

                                                                                ----------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"