แท้ง!วิสามัญถกม็อบนิสิต นายกฯโอ่ผลงานไปตปท.


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" งัดผลงานไปต่างประเทศ 26 ครั้ง เป็นเจ้าภาพประชุมนานาชาติ 5 ครั้งโต้ข้อกล่าวหา ตปท.ไม่คบ เหน็บบางคนสมัยก่อนฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องปล่อยล่ามพูดเอง "เทพไท" หนุนนายกฯ เปิดกว้างรับฟัง ปชช.ทุกกลุ่ม แต่ ส.ส.พท.เชื่อ นศ.ไม่ฟังเพราะต้องการ รธน.ฉบับใหม่ ขณะที่ กมธ.ศึกษา รธน.เปิดห้องรอรับนักศึกษา-ครช. 13 มี.ค.นี้ ส่วนการเปิดประชุมสภาวิสามัญสะดุด "ชวน" เผยมีแค่ 3 ส.ส.ลงชื่อ  

    เมื่อวันศุกร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวระหว่างออกรายการ Government Weekly   EP.30 ในช่วง PM Talk ผ่านเพจไทยคู่ฟ้า ถึงการกล่าวหารัฐบาลไม่เป็นประชาธิปไตยว่า ก็นี่ไง ประชาธิปไตยไทย เราก็ต้องปล่อยให้คนพูด แต่ถ้าพูดแล้วผิดกฎหมายก็อีกเรื่องหนึ่ง ก็มีมาตรการ แต่ถ้าพูดแล้วว่ากล่าวไปโน่นไปนี่ บางทีไปสัมมนาแล้วก็พูด คนพูดนี่สมัยก่อนก็ด่าเขา วันนี้กลับมาเล่นงานตน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน  คนคนเดียวกัน เพราะฉะนั้นความน่าเชื่อถือก็น่าจะไม่มี คือคนอย่างนี้พร้อมจะทำอย่างนี้ได้ตลอด ตนก็ไม่รู้ บางคนก็อายุมากแล้วด้วย ก็งง หลายๆ คนก็ทำงานกับตน ก็กลับไปกลับมาอย่างนี้ 
    "ที่บอกว่าต่างประเทศไม่คบกับผม ไม่เจอผมเลย เกลียดชังผม  ไม่จริง ผมเดินทางไปทุกครั้ง ถึงแม้ผมจะพูดภาษาอังกฤษไม่เก่ง แต่ฟังรู้เรื่อง เพราะผมมีล่าม ปกติการไปต่างประเทศเขาใช้ล่ามทั้งหมด หลายประเทศเขาพูดภาษาเขาเอง ญี่ปุ่นเขาไม่เคยพูดภาษาอังกฤษในที่ประชุมเลย และมีอีกหลายประเทศ ทำไมจะต้องไปพูดภาษาอังกฤษกับเขาด้วย ในเมื่อเรามีล่ามอยู่แล้ว มันแปลได้ทุกคำ ข้อสำคัญคือคุณพูดไทยให้ถูกแล้วกัน บางครั้งพูดกับเขาไม่รู้เรื่องก็แปลไม่ได้ ผมได้ยินมาสมัยก่อนบางคนไม่รู้ใคร บอกแปลไปเลยล่าม เพราะไม่รู้เรื่องให้ล่ามจัดการไป แต่ผมไม่ใช่แบบนั้น ผมฟังรู้เรื่อง อันไหนที่ยากหน่อยล่ามเขาก็แปลให้อีกซักนิด แล้วผมก็พูดตอบภาษาไทย แล้วเขาก็แปลตอบโต้กัน ไม่เคยปล่อยให้ล่ามพูดเอง"
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า 6 ปีที่ผ่านมาตนไปต่างประเทศทั้งหมด 26 ครั้ง มีโอกาสต้อนรับการมาเยือนของผู้นำต่างประเทศ รวมถึงบุคคลสำคัญกว่า 26 ครั้ง เป็นเจ้าภาพการประชุมระดับนานาชาติ 5 ครั้ง โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพในการประชุมสุดยอดอาเซียน ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี สะท้อนถึงการเป็นที่ยอมรับ มีสัมพันธภาพที่ดีกับมิตรประเทศ รัฐบาลก็มีความเชื่อมั่นว่ามิตรภาพที่ดีนั้น ถ้าเราดีกับเขา เขาก็ดีกับเรา เขาเรียกว่าต่างตอบแทน
     นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายกฯ เปิดแนวรุกใหม่ ด้วยการเปิดแคมเปญซีรีส์ “มีปัญหา ปรึกษานายกฯ” เปิดทำเนียบรัฐบาลเพื่อรับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนโดยตรงว่า ขอสนับสนุนโครงการดังกล่าว เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ นายกรัฐมนตรีจะได้สัมผัสกับพี่น้องประชาชนโดยตรง ซึ่งตัว พล.อ.ประยุทธ์เอง พยายามจะปรับบทบาทใหม่ให้เหมือนกับนักการเมืองทั่วไปให้มากที่สุด จะใช้บุคลิกแบบพบง่ายใช้คล่อง หรือใจถึงพึ่งได้ ที่นักการเมืองหลายคนใช้หาเสียงกัน 
         "ถ้าหากเป็นความตั้งใจจริงของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ควรจะเปิดกว้างให้กับประชาชนผู้เดือดร้อนทุกกลุ่มได้มีโอกาสเข้าพบ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ ต้องไม่เป็นการจัดฉากนำมวลชนเพียงบางกลุ่มเข้าพบเพื่อสร้างภาพในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อเท่านั้น สิ่งที่พิสูจน์ได้ง่ายที่สุดก็คือ พล.อ.ประยุทธ์กล้าพบกับแกนนำผู้ชุมนุมที่มาร้องทุกข์หรือชุมนุมหน้าทำเนียบฯ หรือไม่" นายเทพไทกล่าว 
     นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เบื้องหลังการชุมนุมของนักศึกษาคือความไม่ยุติธรรม ในขณะที่เบื้องหน้าคืออนาคตของนักศึกษาเหล่านี้ที่พบว่าอาจจะไม่สดใส ภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลปัจจุบัน การจะเปิดสภาเพื่อให้นักศึกษามารับฟังนั้น บรรดานักศึกษาไม่ฟังแน่ เพราะไม่เกี่ยวกัน วันนี้ความต้องการของนักศึกษาคือการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ขึ้นมา ให้ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เพราะเห็นชัดว่าปัญหาส่วนใหญ่มาจากรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันที่ร่างขึ้นมาเพื่อประโยชน์ของผู้มีอำนาจ ต่อให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่นักศึกษาเหล่านี้ก็ยอมรับไม่ได้ ขอแนะนำให้ พล.อ.ประยุทธ์ถอย หากไม่ถอยเชื่อว่าจะเกิดการนองเลือดอย่างแน่นอน อำนาจเป็นสิ่งที่ถอยลงมาได้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายทหาร อย่าไปจบแบบนายทหารรุ่นพี่ที่ยึดอำนาจทั้งหลาย 
กมธ.เปิดห้องรับนศ. 13 มี.ค.
    ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงญัตติของ 3 ส.ส.พรรคการเมืองขนาดเล็ก เข้าชื่อขอให้เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนิสิต นักศึกษา ตามกระบวนการของรัฐธรรมนูญ มาตรา 123  นำโดยนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ว่าตนได้รับเรื่องเมื่อวันที่ 5 มีนาคม และพบการลงลายมือชื่อเพียง 3 คน ดังนั้นถือว่าไม่เข้าตามกระบวนการที่ต้องใช้ ส.ส.เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกสองสภา ในกรณีของการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญนั้น ทั้ง ส.ส. และ ส.ว. รวมทั้งรัฐบาลไม่พบการส่งสัญญาณใดๆ ต่อเรื่องดังกล่าว 
    ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่(อนค.), น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญฯ และนายชัยธวัช ตุลาธน ผู้ช่วยเลขานุการ กมธ. ร่วมกันแถลงถึงแนวทางในการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ  
    โดยนายรังสิมันต์กล่าวว่า ในวันที่ 7 มี.ค. กมธ.จะเข้าไปร่วมรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก จากนั้นจะมีการจัดเวทีสัมมนากลุ่มตามลำดับ ประกอบด้วย 1.กลุ่มพิการ วันที่ 9 มี.ค. 2.กลุ่มประชาสังคม วันที่ 10 มี.ค. 3.กลุ่มสตรี วันที่ 10 มี.ค. 4.กลุ่มแรงงาน วันที่ 11 มี.ค.  5.กลุ่มผู้สูงอายุ วันที่ 18 มี.ค. 6.กลุ่มพรรคการเมือง 19 มี.ค. และ 7.กลุ่มชาติพันธุ์ วันที่ 24 มี.ค. ส่วนในวันที่ 13 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่คณะกรรมการรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) จะมาสภา ทาง กมธ.จึงเห็นว่าเราจะเชิญให้พวกเขามาแสดงความคิดเห็นด้วย เพราะรัฐธรรมนูญเป็นวาระสำคัญของประชาชน และในวันเดียวกัน ช่วงบ่ายจะเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มนักศึกษาที่ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองด้วย ซึ่งขอให้ความมั่นใจว่ารัฐสภาในฐานะที่เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมทั้งหมดจะมีมาตรการคัดกรองเพื่อป้องกันการระบาดของไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่มาร่วมกิจกรรม
       ด้านนายชัยธวัชกล่าวว่า เมื่อมีกลุ่มนักศึกษาออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมือง กมธ.จึงมีความเห็นว่าควรประสานงานเชิญนักศึกษามาให้ความคิดเห็นต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญชุดใหญ่ ทั้งนี้ จะเร่งประสานงานผ่านองค์กรนักศึกษา และจะประสานงานไปยังกลุ่มอื่นๆ ที่ทำกิจกรรมทางการเมืองหรือแฟลชม็อบด้วย เบื้องต้นจะเชิญมาไม่เกิน 100 คน เป็นทั้งนักศึกษาในกทม.และต่างจังหวัด
    ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค อนค. เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน ให้สัมภาษณ์ว่า ฝากถึงประชาชนนักเรียนนิสิตนักศึกษาที่ใช้เสรีภาพแสดงความไม่พอใจต่อสภาพสังคม ตนภูมิใจพร้อมออกมาต่อสู้แสดงความคิดเห็นอย่างสุจริต เป็นการใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แม้ตนจะไม่ได้เป็น ส.ส. แต่ในฐานะประชาชนคนธรรมดาจะร่วมกันปกป้องเสรีภาพเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อประเทศไปสู่สังคมที่ดีกว่า
"ช่อ"ป้องนศ.ชักธงดำ
      น.ส.พรรณิการ์กล่าวถึงกรณีนักศึกษาชักธงดำในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยว่า เรื่องนี้คิดว่าน่ากลัวมาก เพราะตีไข่ใส่สีต่างๆนานา ทั้งที่ข้อเท็จจริงแล้วไม่มีการปลดธงชาติ เพราะถูกเชิญลงจากยอดเสาแล้ว หลังเวลา 18.00 น. จากนั้นน้องนักศึกษาจะนำธงดำขึ้นยอดเสา แต่ รปภ.ไปห้าม สุดท้ายก็ไม่ได้เปลี่ยนขึ้นยอดเสา แต่มีการเสริมแต่งกันไปว่ามีการนำธงชาติลงมาแล้วเปลี่ยนเป็นธงดำ ดังนั้นอย่าให้การล่าแม่มดเกิดขึ้นสมัย 6 ต.ค. 
    ต่อมาเวลา 15.00 น. น.ส.พรรณิการ์เปิดเผยหลังพบพนักงานสอบสวนว่า เบื้องต้นถูกแจ้งข้อกล่าวหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) การนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ น่าจะทำให้ตื่นตระหนกและกระทบต่อความมั่นคง โดยตนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและให้การเป็นเอกสารเพิ่มเติม ซึ่งข้อหาดังกล่าวตนเคยอภิปรายในสภา เพราะเป็นประเด็นที่สร้างปัญหา เนื่องจากได้ให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐตีความเอง โดยผู้ที่มาแจ้งความตนมาจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และบุคคลคนหนึ่ง ซึ่งเป็นข้อความที่ตนโพสต์เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ประมาณ 6-7 ปีก่อน และเป็นภัยคุกคามประเทศ แต่ตนมองว่าคือการไม่ให้แสดงความคิดเห็นอย่างสุจริต
     ที่ จ.พิษณุโลก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช. ) พร้อมทนายความ ได้นำเอกสารข่าวปลอม หรือเฟกนิวส์ รวบรวมมาจากผู้โพสต์เฟซบุ๊ก 3 ราย เข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพิษณุโลก ดำเนินคดีกับผู้โพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวอันเป็นเท็จ สร้างความเสียหายให้กับตนเอง โดย นพ.วรงค์กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ต้องแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับผู้ที่โพสต์ข่าวปลอมสร้างความเสียหายให้กับตน ประกอบด้วยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ บรรจบ สุทธิรักษ์, ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ มวลชน กัลป์ตินันท์ และผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Petchsri Wuttinimit 
    นพ.วรงค์เผยว่า ทันทีที่ทราบว่ามีเฟกนิวส์ ได้ให้ทนายความแจ้งข้อความไปยังเจ้าของเฟซบุ๊กทั้ง 3 ราย ก็ดำเนินการลบข่าวปลอมออก แต่นายมวลชน กัลป์ตินันท์ ได้ตอบเมสเสจกลับมายังทีมทนายว่า “ผมได้โดนแฮ็กเฟซแล้ว ผมโดนแกล้ง ได้ลบออกแล้วครับท่านรัฐมนตรี ต้องขอโทษเป็นอย่างสูงครับ” พร้อมกันนี้ นายมวลชน ซึ่งเป็นผู้ชำนาญการสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขต 1 จ.อุบลราชธานี คือ นายวรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ที่เป็นพี่ชายด้วย ได้โทรศัพท์ติดต่อกับทีมทนายควา เดินทางมาขอโทษตน ซึ่งได้พูดคุยและดูพยานหลักฐานต่อหน้า พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก และ ร.ต.อ.สมศักดิ์ ขอเทียม พนักงานสอบสวนเจ้าของคดี
    ด้านนายมวลชนกล่าวว่า ตนยอมรับผิดและขอโทษ นพ.วรงค์ แม้ว่าโพสต์ดังกล่าวตนจะไม่ใช่ผู้โพสต์ แต่เฟซบุ๊กถูกแฮ็ก ในฐานะที่เป็นเจ้าของบัญชี จึงมาแสดงความรับผิดชอบ และมาแสดงความขอโทษกับ นพ.วรงค์ด้วยตัวเองต่อหน้าพนักงานสอบสวน
     ขณะที่ นพ.วรงค์กล่าวกับนายมวลชนว่า อยากให้กล้าทำกล้ารับ ตนไม่เชื่อว่าเฟซบุ๊กของนายมวลชนจะถูกแฮ็ก เพราะหลังจากโพสต์ไปแล้ว ยังมีการตอบโต้กับคอมเมนต์กับผู้ที่มาแสดงความคิดเห็นด้วย
    อย่างไรก็ตาม สุดท้าย นพ.วรงค์ได้แจ้งความเอาผิดผู้โพสต์เฟกนิวส์ 2 ราย ตาม พ.ร.บ.คอมพ์คือผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ บรรจบ สุทธิรักษ์ และผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ Petchsri Wuttinimit โดยไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายมวลชน.
    
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"