
หน้ากากอนามัยเป็นวิกฤติของรัฐบาล ทั้งปัญหาขาดตลาดและขายเกินราคา เอารัดเอาเปรียบชาวบ้านในยามกำลังตกทุกข์กับการเผชิญการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ซึ่งรัฐบาลไม่มีความสามารถบริหารจัดการปัญหาเหล่านี้ได้
ที่สำคัญแม้แต่ในโรงพยาบาลบางแห่ง ซึ่ง จำเป็น ต้องใช้หน้ากากอนามัยก็ยังไม่ได้รับการจัดสรรจากรัฐอย่างทั่วถึงและเพียงพอ แต่เมื่อ 2-3 วันก่อนดันมีกระแสข่าวคนใกล้ชิดรัฐมนตรี พิตตินันท์ รักเอียด ผู้ติดตาม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีส่วนพัวพันกับ ศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี
ในการกักตุนหน้ากากอนามัยและจำหน่ายในราคาสูงเกินสมควรซ้ำเติมเข้าไปอีก!!!
จากเหตุการณ์นี้ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลไม่อาจนิ่งดูดาย เพราะถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน ฉะนั้น ส.ส.บางส่วนที่มีจุดยืนไม่เห็นด้วยตั้งแต่ต้นกับการที่พรรคเข้าร่วมรัฐบาล จึงถือโอกาสนี้ออกมาเคลื่อนไหวตอกย้ำอีกครั้ง จี้ให้ถอนตัวออกจากรัฐบาล และถามถึงเงื่อนไขของพรรคที่กำหนดไว้ 3 ข้อก่อนเข้าร่วมเป็นรัฐบาล
ประกอบด้วย 1.รับนโยบายประกันรายได้ 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.มีการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งกรณีดังกล่าวถือว่ารัฐบาลเกิดการทุจริตแล้วใช่หรือไม่
โดยเฉพาะ พนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ระบุในไลน์ ส.ส.ปชป.
“ผมคิดว่าถึงเวลาแล้วครับที่เราคงจะต้องตัดสินใจไม่พายเรือให้โจรนั่งแล้วครับ”
กระทั่งวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์แบบแรงมาก็แรงไป
“ก็ถอนไปสิ”!!!
แต่พอบ่ายคล้อยเท่านั้น บิ๊กตู่ อารมณ์สวิงออกมาขอโทษ แถมยังบอกอีกว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์
ส่วนฟากฝั่งผู้หลักผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ ชวน หลีกภัย ก็ยังคงหนักแน่น และเตือนสติให้ทุกฝ่ายไตร่ตรองข้อเท็จจริง อย่าเพิ่งหูเบา ซึ่งถ้าพบความจริงว่ามีการกักตุนกันจริงก็ต้องจัดการ กระทรวงพาณิชย์ต้องดำเนินการตามเอาผิด
ไม่ปล่อยให้ลอยนวล
ด้าน "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ บอก....
"พรรคยึดถือวิถีทางประชาธิปไตยภายในพรรคที่มีความชัดเจน รวมถึงระบบ ระเบียบในช่วงที่ตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาล ก็ไม่ใช่ความคิดเห็นของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นมติร่วมกันของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องโหวตกัน ได้ 61 ต่อ 16 เสียง"
ถือเป็นความชัดเจนและเป็นรูปธรรมที่สุด จะไปจะมาก็ต้องมีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่
งานนี้ก็ต้องคอยดูว่าการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี 2562 ซึ่งมีกำหนดว่าห้ามเกินสิ้นเดือนเมษายน จะมีการถกเถียงพูดคุยเรื่องนี้หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ถ้า กัปตันเรือเหล็ก ใจเย็นลงและมองอย่างถี่ถ้วนจะเข้าใจธรรมชาติของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ไม่เคยปิดกั้นสมาชิกคนใดในการแสดงออก โดยเฉพาะการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง ซึ่งแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่สั่งซ้ายหันขวาหันได้
แต่สำหรับ ประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เช่นนั้น ธรรมชาติของพรรคนี้ คือ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่ทุกอย่างชี้ขาดที่มติของพรรค เสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร ทุกคนก็ต้องว่ากันตามนั้น และต้องเคารพ
เช่นเหตุการณ์ล่าสุด ในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส ยังมีเสียงส่วนน้อย 17 คนแถลงปาวๆ ต่อสื่อมวลชนว่า ไม่เห็นด้วยที่จะลงมติไว้วางใจ รมช.เกษตรฯ แต่ท้ายที่สุด เมื่อลงคะแนนจริงก็ไม่มีใครแตกแถวแม้แต่คนเดียว
ดังนั้น ขอให้เข้าใจธรรมชาติ “ยามศึกเราร่วมรบ ยามสงบเรารบกันเอง”.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |