ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์เมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ พรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค ร่วมกันชำแหละ อภิปราย 6 รัฐมนตรีจบลง ผลโหวตในสภาผ่านฉลุย ไม่มีรัฐมนตรีคนใดต้องตกเก้าอี้ ยังได้ทำงานต่อ บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่งสัญญาณยังไม่ปรับคณะรัฐมนตรีในเร็ววัน แม้จะเกิดเสียงเรียกร้องให้ปรับรัฐมนตรีสายล่อฟ้าบางคนกำลังถูกเชื่อมโยง กักตุนหน้ากากอนามัย ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์หนึ่งในพรรคร่วมรัฐบาล สมาชิกพรรคบางส่วน เรียกร้องให้คนในพรรค ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล นำมาสู่วาทกรรมอันโด่งดัง ‘เลิกพายเรือให้โจรนั่ง’

                เป็นเรื่องร้อนๆ ในซีกรัฐบาล เจอทั้งศึกการเมือง ปัญหาที่ยากควบคุม ฝุ่นพิษ PM 2.5 ปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาเศรษฐกิจ รวมไปถึงขบวนการนักศึกษาแฟลชม็อบฮึ่มๆ ไล่รัฐบาล สารพัดปัญหารุมเร้า

                หันมามองพรรคร่วมฝ่ายค้าน 6 พรรค ยังเปิดปฏิบัติการณ์เขย่ารัฐบาลนอกสภาฯ เมื่อจำนวนเสียงมือในสภาไม่อาจทำให้การเมืองเปลี่ยนแปลง เลยมาเปิดปฏิบัติการณ์นอกสภาควบคู่กันไป ได้ชิมลางเปิดเวทีซักฟอกนอกสภา ครั้งที่ 1  เป็นที่เรียบร้อย ฝ่ายค้านเพื่อประชาชนร่วมกันจัดเสวนา  ‘แฉกระบวนการไอโอ ฉีกหน้ากากขบวนการเพิ่มความขัดแย้ง’  ไปเมื่อ 12 มี.ค. วิทยากรที่ร่วมเปิดโปง พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย และอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่, นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย, นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และนายโอมาร์ หนุนอนันต์ ผู้ประสานงาน We Watch เปิดเวทีถล่มเย้ยปฏิบัติการณ์ไอโอภาครัฐกันอย่างมันปาก

                ก่อนหน้าไม่นาน พรรคเพื่อไทยเป็นแม่งานจัดงาน โดยสถาบันสร้างไทย ที่มีหญิงหน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ และทีมงาน ส.ส.ใกล้ชิด เป็นแม่งาน ร่วมจัดงานเสวนา ‘ฝ่าวิกฤติเศรษฐกิจ2020’ มี ดร.โกร่ง-นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีต รมว.การคลัง วิเคราะห์ถึงสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศไทย ที่ระบุถือเป็นมหาวิกฤตการณ์ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ตามมาด้วยเวทีเสวนา “ฝ่าวิกฤติประเทศไทยด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” มีนายโภคิน พลกุล, นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ร่วมกับนักวิชาการตั้งวงชักชวน ร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ยกเว้นหมวด 1-2

                แม้การจัดงานเสวนาถูกค่อนขอดจากคนในพรรคบางส่วนแอบนินทาให้ได้ยิน น่าจะพุ่งเป้าไปโฟกัสปัญหาความล้มเหลวของรัฐบาลในการจัดการปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หรือตรวจสอบ กระชากหน้ากาก ขบวนการไอ้โม่งกักตุนหน้ากากอนามัย ดูจะได้ใจมากกว่า ก็ถือเป็นอีกมุมมองที่คนในพรรคสะท้อนออกมา

                ขณะเดียวกัน ส.ส.เพื่อไทยที่ได้อภิปราย นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ได้ยื่นหนังสือถึง นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ  เพื่อให้ส่งหนังสือต่อยังศาลรัฐธรรมนูญ หรือ ป.ป.ช. ตามบี้เล่นงาน พล.อ.ประยุทธ์ และคนที่เกี่ยวข้อง กล่าวหาเชื่อมโยงข้อมูล นายกฯ อาจจะเกี่ยวข้อง ทั้งการไม่เสียภาษีจากการขายที่ดินย่านบางบอน การพักในบ้านพักทหารทั้งที่เกษียณอายุราชการแล้ว การที่อาจจะเกี่ยวข้องกับประเด็นเครื่องยืนยันอัตลักษณ์บุคคล หรือเครื่องไบโอเมตริก อาจจะเข้าไปเกี่ยวกับการจัดซื้อรถหุ้มเกราะจากประเทศยูเครน เป็นต้น

                เพื่อไทยเอาทุกทาง ผลจากการอภิปรายตามเอาผิดไล่บี้ให้หน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบ งานนอกสภาฯ เปิดเวทีวิชาการ เวทีซักฟอก เดินหน้าชำแหละ ฟ้องประชาชนก็ลุยอย่างต่อเนื่อง และกำลังจะตามมาอีกหลายเวที แว่วเสียง เฮียพงษ์-สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กำลังวางคิวงาน ดูตารางเวลา เตรียมนำคณะเล็กๆ ออกไปเยี่ยมเยียนชาวบ้านตามจังหวัดต่างๆ อาจเลือกปักหมุดภาคอีสานเป็นพื้นที่แรก เดินสายทัวร์หลายจังหวัด ไปสอบถามปัญหาความเดือดร้อนภัยแล้ง ปัญหาทางเศรษฐกิจ ปัญหาต่างๆ อาศัย ‘มิสเตอร์คอนเน็กชั่น’ ประสาน ส.ส.-พรรคพวกเข้าไปแก้ไขทันที เช่นเดียวกับงานซักฟอกนอกสภาฯ ที่กำลังเตรียมการ มีแนวคิด จะหาจังหวัดไปปักหมุด ทำกิจกรรม

                เพื่อไทย พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยังคงเปิดปฏิบัติการณ์รุมขย่มเล่นเกมการเมืองนอกสภา ใจหนึ่งแอบลุ้นให้ขบวนการนักศึกษาจุดติด เช่นเดียวกับปัญหาไวรัสโควิด-19 พิษเศรษฐกิจ ที่กำลังทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบวงกว้าง เป็นปม บั่นทอนให้รัฐบาลทำงานลำบากยิ่งขึ้น แต่ในส่วนของเพื่อไทย ในฐานะพรรคการเมืองที่มี ส.ส.เขตมากที่สุด ก็ต้องอาศัยช่วงปิดสมัยประชุมสภาการเมืองว่างเว้นร่วมสองเดือนเศษ กว่าจะเปิดสภาอีกครั้ง 22 พ.ค.

                ผนึกกำลังทั้งในนามพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมฝ่ายค้าน บ่มเพาะ เติมฟืน เปิดปฏิบัติการณ์ รุมขย่มนอกสภา ดิสเครดิต บั่นทอนทำลายความน่าเชื่อรัฐบาลประยุทธ์ทุกช่องทาง.