ตร.ปคบ.คุมผู้ขายหน้ากากเกินราคา ส่งอัยการยื่นฟ้องศาลภายในวันเดียว


เพิ่มเพื่อน    

19 มี.ค.63 - เมื่อเวลา 14.00 น.  ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก พ.ต.ท.ปริญญา ปาละ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปคบ. นำตัว น.ส.อุมาพร มั่นคง พร้อมผู้ต้องหาอื่นรวมทั้งหมด 7 คน แยกดำเนินคดีเป็น 7 สำนวน ในการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 ห้ามผู้ประกอบธุรกิจดําเนินการใดๆ โดยจงใจที่จะทําให้ราคาต่ำเกินสมควร หรือสูงเกินสมควร หรือทําให้เกิดความปั่นป่วนซึ่งราคาของสินค้าหรือบริการใด, ผู้ใดไม่แสดงราคาหรือไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามกำหนด มาตรา 29, 40 หลังผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ และยินยอมมอบของกลางเพื่อให้แก่สาธารณประโยชน์ ก่อนนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 7 คน พร้อมสำนวนการสอบสวน ส่งให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 1 และอัยการพิเศษฝ่ายคดีเศรษฐกิจและทรัพยากร 3 ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาทันที

พ.ต.ท.ปริญญา เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาคาศัย ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (ผบก.ปคบ.) ได้กำชับผู้กำกับ เห็นควรให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาที่กระทำผิดฐานขายหน้ากากเกินราคาที่กำหนดให้รวดเร็ว เพื่อจะได้นำของกลางในคดีมาใช้ประโยชน์ ขณะที่ผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ที่แยกฟ้องเป็น 7 คดี มีความสำนึกผิดในการกระทำ เพราะที่ทำผิดไปโดยไม่ทราบว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ยินดีมอบของกลางให้เจ้าหน้าที่รัฐไปส่งต่อให้ รพ. ที่ขาดแคลน รวมถึงประชาชนที่เดือดร้อน โดยคดีในลักษณะนี้จะเป็นแนวทางในการปฏิบัติต่อไป เพราะหน้ากากอยู่ในภาวะขาดแคลน เมื่อมีการดำเนินคดีและยึดไว้นานไม่มีประโยชน์ ควรรีบดำเนินคดีให้รวดเร็ว โดยผู้ต้องหาสำนึกผิดในการกระทำ อย่างไรก็ตามคดีนี้ได้รับการสนับสนุนจากอัยการที่กรุณายื่นคำฟ้องให้ และเป็นการป้องปรามให้ประชาชนทั่วไปไม่กระทำผิด ขายสินค้าเกินราคามีโทษสูง  

พ.ต.ท.ปริญญา กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งหมดต้องการกำไรจากส่วนต่างราคา โดยไม่คิดว่าเป็นเรื่องที่มีความผิดโทษสูง แต่เมื่อถูกจับกุม และทราบถึงบทลงโทษ รวมถึงเป็นการกระทำเป็นการเอาเปรียบประชาชน ผู้ต้องหาจึงเกิดความสำนึกผิด มีความผิด ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 มาตราที่ 29, 40 มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยคดีขึ้นอยู่ในอำนาจศาลอาญา

ด้าน น.ส.อุมาพร หนึ่งในผู้ต้องหา ให้สัมภาษณ์ว่า ตนกระทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตนซื้อหาหน้ากากอนามัยมาจากอินเทอร์เน็ตหวังเพียงกำไรแค่เล็กน้อย ไม่คิดว่ามีโทษสูงขนาดนี้ ตอนทำผิดไม่ได้ตั้งใจ โดยหน้ากากอนามัยที่ซื้อมามีต้นทุนอยู่ที่ 14 บาทต่อชิ้น และตนนำมาขายต่อในราคา 15 บาท ต่อชิ้น ซึ่งวางขายที่หน้าร้าน ไม่ได้จำหน่ายผ่านระบบออนไลน์ คดีนี้ให้บทเรียนว่า ไม่ควรฉวยโอกาสในช่วงคนที่กำลังเดือดร้อน และขอให้รัฐหาหน้ากากอนามัยมาขายในราคา 2.50 บาท ได้โดยไว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"