ลุ้น!20 มี.ค.พิพากษา'บรรยิน' ปฐมบทหุ้นแลกเลือด 2 ศพ


เพิ่มเพื่อน    

          

                “หุ้นแลกเลือด” อาจเป็นคำนิยามที่ใช้ได้ดีกับคดีโอนหุ้น “เสี่ยชูวงษ์” ซึ่งดำเนินมายาวนานกว่า 5 ปี กรณี “พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์” อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์  พรรคพลังประชาชน ตกเป็นจำเลยร่วมกับ “ป้อนข้าว-อุรชา วชิรกุลฑล” อดีตโบรกเกอร์ และ “น้ำตาล-กัญฐณา ศิวาธนพล” อดีตพริตตี้ ในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 ซึ่งเข้าไปเกี่ยวพันกับการโอนหุ้นมูลค่ากว่า 300 ล้านบาท ของ “เสี่ยจืด-ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” นักธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์อันเป็นปริศนา ขณะนั่งรถยนต์มากับ “บรรยิน” เมื่อวันที่ 26 มิ.ย.2558 โดย “บรรยิน” ระบุคาดเหตุที่ “ชูวงษ์” เสียชีวิตเพราะไม่ได้คาดเข็มขัดนิรภัย

                แต่เหตุที่ “ครอบครัวชูวงษ์” พร้อมทนายความ ไม่ปักใจเชื่อการกล่าวอ้างดังกล่าว เห็นว่ามีเงื่อนงำเป็นฆาตกรรมอำพรางหรือไม่ จากการพบหนังสือแจ้งรายงานการซื้อขายหุ้นบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ที่วางไว้ในห้องทำงานของ “ชูวงษ์” โดยเอกสารของทางบริษัทหลักทรัพย์แจ้งว่า “ชูวงษ์” ผู้ตายได้โอนหุ้นให้หญิงสาว 2 คน ซึ่งเป็นโบรกเกอร์และพริตตี้ รวมถึงกระบวนการสืบสวนสอบสวน และตรวจสอบด้านเทคนิคของเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้เชี่ยวชาญ พบพิรุธทั้งการคำนวณระยะเวลาเดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ ที่ขัดแย้งกับคำให้การของ “บรรยิน” และความเร็วของรถที่ชนแล้วเสียหายไม่มาก “บรรยิน” เป็นผู้ขับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ “ชูวงษ์” เสียชีวิต มีแผลฉกรรจ์ที่ศีรษะ

                คดีนี้ดำเนินมาอย่างยาวนาน แบ่งได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ กรณีการโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ เดิมอัยการฟ้องจำเลยทั้งสามประกอบด้วย “บรรยิน” และ 2 สาว อดีตโบรกเกอร์-พริตตี้ ถูกฟ้องต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารปลอม ซึ่งต่อมาได้รวมกับคดีที่ครอบครัวชูวงษ์ฟ้องด้วยตัวเองเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม จึงเพิ่ม “ศรีธรา พรหมา” มารดาของอุรชา เป็นจำเลยที่ 4 พร้อมเพิ่มความผิดฐานลักทรัพย์และรับของโจรด้วย คดีเดินทางมาถึงจุดที่ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในวันนี้ 20 มี.ค.2563 เวลา 09.00 น.

                ขณะที่อีกส่วนคือ กรณีการฆาตกรรมอำพรางเสี่ยชูวงษ์ จำเลยมี “บรรยิน” คนเดียว ถูกฟ้องต่อศาลอาญาพระโขนง ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอา หรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่นเพื่อปกปิดของตน หรือเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (4) (7) ซึ่งรอการสืบพยานต่อหลังจากคดีโอนหุ้นมีคำพิพากษาก่อน เนื่องจากคดีมีความเกี่ยวพันกัน

                แต่อนิจจา ก่อนมาถึงวันนัดอ่านคำพิพากษา 20 มี.ค. กลับเกิดความตายเพิ่มอีก 1 ศพ ปรากฏขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัว “บรรยิน” กับพวกรวม 6 คน เป็นผู้ต้องหาในคดีอุ้มฆ่า “วีรชัย ศกุนตะประเสริฐ” พี่ชายของผู้พิพากษาอาวุโสคนหนึ่งในศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งเป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีโอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์ เพื่อข่มขู่ให้ผู้พิพากษายกฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 23 ก.พ.2563 นับเป็นปรากฏการณ์สุดสะเทือนขวัญกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะวงการตุลาการ ที่เผชิญกับบุคคลใจคออำมหิตคิดการใหญ่ ต้องฆ่าต้องขู่แม้กระทั่งผู้พิพากษา เพื่อให้พ้นคดีกันเชียวหรือ?

                แน่นอนว่า นี่เป็นแค่คำถามต่อคดีที่ 3 กับศพที่ 2 ที่เกิดขึ้น  ซึ่งเพิ่งเริ่มต้น คงต้องรอตำรวจทำสำนวน อัยการสั่งคดี และศาลพิพากษาเพื่อพิสูจน์ความจริงกันต่อไป ว่าผู้ต้องหาหรือใครคนใดกัน ที่ใจอำมหิตคิดทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ ซึ่งตัวผู้ต้องหาหลักอย่าง “บรรยิน” ก็สู้เสียงแข็ง ให้การปฏิเสธเช่นเดียวกับ 2 คดีก่อนหน้านี้ แต่ก็ต้องนอนเรือนจำไปก่อนจากการไม่ได้ประกันตัวในคดีนี้ และถูกถอนประกันตัวคดีเดิมด้วยในที่สุด

                กลับไปเรื่องคดีแรก “โอนหุ้นเสี่ยชูวงษ์” การนัดพิพากษาวันที่ 20 มี.ค.นี้ หากไม่มีเหตุขัดข้องอันใด ศาลได้อ่านคำพิพากษา สังคมก็จะได้รับรู้รับทราบข้อเท็จจริงอันเป็น “ปฐมบท” ของคดีอันยาวนานนี้เป็นครั้งแรก ก่อนจะไปพิสูจน์กันต่อในคดีที่ 2 และ 3 ที่ตามมา รวมถึงอาจจะต้องสู้กันในชั้นศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกากันอีก จนกว่าจะสิ้นสุด “ปัจฉิมบท” ถ้าไม่รอดก็นอนคุกยาวๆ. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"