โควิด-คิดบวก


เพิ่มเพื่อน    

 

             เรายังคงต้องอยู่กับ โควิด-๑๙ ไปอีกนานนับเดือน

                อาจจะอีกครึ่งปี!

                ขณะที่ชีวิตของทุกคนก็ต้องดำเนินต่อไป

                เดินบนความยากลำบาก เพราะไหนจะกลัวโรค ไหนจะเรื่องปากท้อง มันจึงไม่ง่ายที่จะเดินไปข้างหน้า

                แต่การเอาแต่บ่น โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี สุดท้ายจะกลายเป็นการบั่นทอนจิตใจ แล้วทุกอย่างจะแย่ลง

                ท่ามกลางวิกฤติเต็มไปด้วยเรื่องลบ มีเรื่องให้คิดเชิงบวกได้เหมือนกัน

                การอยู่กับบ้าน ติดตามข้อมูลความช่วยเหลือจากภาครัฐ และใช้เครื่องไม้เครื่องมือให้เป็น ท่านสามารถอยู่รอดได้ระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ ๓ เดือนนับจากนี้

                ใครที่เอาแต่บ่นว่ารัฐบาลไม่เด็ดขาดสั่งปิดเมืองไปเลย ครึ่งเดือนจบ ลองหายใจลึกๆ ดู ฟิลิปปินส์ เป็นตัวอย่าง

                ปิดแล้ว ๑๔ วัน และวันนี้เปิดแล้ว ผลคือโควิด-๑๙ ยังระบาดอยู่

                มาเลเซียล็อกดาวน์เยอะกว่าไทย เดิมทีจะเปิด ๓๑ มีนาคม แต่สุดท้ายต้องปิดเพิ่มไปถึง ๑๔  เมษายน ยอดผู้ป่วยโควิด-๑๙ ยังพุ่งไม่หยุด

                ไม่ต้องพูดถึงยุโรป อเมริกา เพราะคงต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่า ๑ เดือนจึงพอจะชะลอการระบาดได้บ้าง

                ฉะนั้นเอาเข้าจริงปิดประเทศอาจจะไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ถูกจุด

                มาดูของไทยเรา ไม่ปิดประเทศ แต่ให้เข้าโดยมีเงื่อนไข มีรูหายใจให้ กิจกรรมที่จำเป็นยังเดินไปได้

                รัฐพยายามอย่างที่สุดให้คนอยู่กับบ้าน และเวลานี้คนไทยกลัวโควิด-๑๙ ขึ้นสมอง ถือเป็นเรื่องดี เพราะทุกคนดูแลตัวเอง ใส่หน้ากาก, โซเชียล ดิสแทนซิง นี่จะเป็นวิธีหยุดยั้งการระบาดได้ดีที่สุด

                ได้ผลมากกว่าปิดประเทศเสียอีก

                การงดเดินทาง เป็นอีกปัจจัยหลักที่ โควิด-๑๙ จะพ่ายแพ้แก่มนุษย์

                คุณหมอโสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผอ.กองโรคติดต่อทั่วไป กรมควบคุมโรค แถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า

                "ระยะหลังจากนี้เราจะยังพบคนป่วยเพิ่มมากขึ้น และจะพบผู้ป่วยอาการรุนแรงเพิ่มมากขึ้นด้วย  เพราะครบรอบ 1 สัปดาห์ที่เป็นระยะฟักตัวของเชื้อในกลุ่มคนเป็นแสนคนที่เดินทางออกจากกรุงเทพฯ  และปริมณฑลหลังมีประกาศปิดสถานประกอบการ"

                บางคนคิดว่านี่อาจเป็นจุดเปลี่ยนให้โควิด-๑๙ ระบาดจนฉุดไม่อยู่

                แต่เอาเข้าจริงระบบตรวจสอบกันเองของผู้คนในท้องถิ่นต่างๆ เข้มแข็งมาก มี อสม.เป็นทัพหน้าบุกทะลวงทุกบ้าน ที่มีคนเดินทางกลับ

                จะด้วยตั้งใจวางแผนมา หรือบังเอิญก็ตามแต่ การไหลของประชาชนจาก กทม.ไปต่างจังหวัดหลังการประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ กลับมีข้อดีอยู่เหมือนกัน และอาจเป็นจุดเปลี่ยนด้วยซ้ำ

                เพราะนั่นคือตัวอย่างให้ประชาชนทั่วไปได้เห็นว่า การเคลื่อนย้ายของประชาชนจำนวนมาก เสี่ยงต่อการระบาดของโควิด-๑๙ ขนาดไหน

                ช่วงที่รัฐบาลประกาศเลื่อนวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ออกไป มีประชาชนจำนวนมากยังคงประสงค์กลับภูมิลำเนาเช่นเดิม เพราะวางแผนการเดินทางไว้แล้ว 

                ถึงจะห้ามเล่นสงกรานต์ ก็ยังอยากไปทำบุญที่วัด ที่เต็มไปด้วยผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโควิด-๑๙ มากที่สุด

                นึกภาพไม่ออกจริงๆ ถ้ามีคนเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัดช่วงสงกรานต์เป็นล้านๆ คน

                แต่ถ้าถาม ณ วันนี้ จะมีสักกี่คนที่ยืนกรานเช่นเดิม. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"