ว่ากันไปเรื่อยๆ...


เพิ่มเพื่อน    

       ฮื่ออ์อ์อ์...ถ้าหากต้องหยิบเอาเรื่อง Covid-19 มาเขียนโน่น เขียนนี่ ไปอีก 12 เดือน หรือ 18  เดือน หรือจนกว่าจะมีการประดิษฐ์ คิดค้น วัคซีน ขึ้นมากำราบ ปราบปราม เชื้อไวรัสล้างโลกตัวนี้กันจริงๆ ท่าทางมันคงจะ แย่ มิใช่น้อย คือเผลอๆ อาจถึงขั้นไปไม่ออก ไปไม่เป็น หรืออาจต้องตัดสินใจฆ่าตัวตาย แบบรัฐมนตรีคลังรัฐเฮสเซิน-แฟรงก์เฟิร์ต ของเยอรมันเอาเลยก็ไม่แน่

                                                              ---------------------------------------------

                เพราะเท่าที่ลากยาวว์ว์ว์มาเป็นเดือนๆ จนถึงเมื่อ ณ ขณะนี้...ก็ชักเริ่มจำบ้านเลขที่ไม่ได้ เริ่มกลับเข้ามุมแทบไม่เจอ คือไม่รู้จะนำเสนอ จะเสนอแนะ ชี้นำ กันไปในแนวไหน โดยเฉพาะเมื่อบรรดาผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญ ท่านออกมาชี้โน่น ชี้นี่ แนะโน่น แนะนี่ ให้กับบรรดาผู้ไม่รู้ทั้งหลาย ให้หาทางปรับตัว ปรับพฤติกรรม ตลอดไปจนปรับอุปนิสัย วาสนาและสันดาน กันโดยละเอียด แถมด้วยบรรดาพวก กูรู้ ก็ยังถือโอกาสแสดงตนเป็น กูรู อย่างชนิดไม่เว้นแต่ละวัน โพสต์โน่น โพสต์นี่ แนะโน่น แนะนี่ ให้ต้องปวดหัว เวียนเฮด หนักยิ่งขึ้นไปอีก...

                                                                 -------------------------------------------

                เรื่องของ Covid-19 มันเลยไม่ใช่เรื่องการแพร่ระบาดของ ไวรัส ล้วนๆ แต่เพียงเท่านั้น แต่ยังต้องถือเป็นการแพร่ระบาดของ ไวรัสทางความรู้สึก ควบคู่กันไปอีกซะล่วย คือต้อง หูแหก-ตาแหก มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ เจอใครมาไอๆ จามๆ อยู่ข้างๆ อาจถึงขั้นต้องโซเชียล ดิสแทนซิง กันไปเป็นวาๆ เป็นโยชน์ๆ เอาเลยก็ไม่แน่ แม้จะกักกันตัวเองเอาไว้ในบ้าน ไม่คิดจะออกไปไหน-มาไหน แต่แค่ออกไปเปิดรั้ว เปิดประตู รับข้าว ปลา อาหาร จากพวก ดีลิเวอรี ยังอาจอดไม่ได้ที่จะต้องหยิบหน้ากากอนามัยมาสวม มาใส่ ก่อนกะระยะห่าง ถอยไปจากรัศมีมอเตอร์ไซค์ ประมาณ 2 วา 3 วา เอาเลยถึงขั้นนั้น...

                                                                  --------------------------------------------

                แถมบางราย...ยังอดไม่ได้ที่จะต้องเอาเจล เอาแอลกอฮอล์ มาเช็ดถุง เช็ดกล่อง กันซะอีกต่างหาก  จากนั้น...ถึงค่อยๆ หันมา เปิบพิสดาร คือหันมากินไป และฟังข่าว Covid-19 ควบคู่กันไป ว่าใครติดเชื้อ ใครตาย ไปแล้วถึงขั้นไหน ใครที่ไม่ยอมเชื่อ ไม่ยอมฟังคำสั่งของรัฐบาล ไม่สนใจคำแนะนำของผู้ปรารถนาดีต่อตัวเองและผู้อื่น ยังหันไปแรดโน่น-แรดนี่ อันสามารถก่อให้เกิดอารมณ์ความรู้สึกแบบ เปรี้ยวตีน สำหรับใครต่อใครขึ้นมาได้ง่ายๆ และเมื่อดันเกิดอารมณ์ความรู้สึกเหล่านี้ขึ้นมาแล้ว เลยหนีไม่พ้นต้องตามไปด่า ไปถล่ม กันใน โซเชียล มีเดีย อย่างมิอาจปฏิเสธได้ แม้จะถือเป็น แหล่งแพร่เชื้อ หรือ ศูนย์กลางแห่งการแพร่เชื้อไวรัสทางความรู้สึก ที่กว้างขวางและใหญ่โตเอามากๆ...

                                                                     ---------------------------------------------

                สรุปรวมความแล้ว...นอกจากสังคมทั้งสังคม จะต้องเจอกับปัญหาในทาง ระบาดวิทยา ยังหนีไม่พ้นต้องเจอกับปัญหาในทาง ประสาทวิทยา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้เลย คือต้องเกิดอาการ ประสาทแ-ก มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ แน่ล่ะว่า...ภายใต้สภาพเช่นนี้ โอกาสที่จะนิรมิต สร้างสรรค์ ครีเอทีฟใดๆ ให้เป็นเรื่อง เป็นราว เป็นประโยชน์ต่อตัวเองและผู้อื่น มันจึงไม่ถึงกับ ง่าย มากมายซักเท่าไหร่ เท่าที่มีขีดความสามารถ มีศักยภาพพอที่จะทำได้ ก็เลยคงเป็นแค่...การอยู่เฉยๆ การไม่ออกไปไหน-มาไหน และที่สำคัญเอามากๆ ก็คือการงดเสียซึ่งการด่าว่า ด่าทอ ผู้อื่น ไม่ว่าจะฝ่ายรัฐบาล-ไม่รัฐบาล ฝ่ายเหลือง-ฝ่ายแดง-ฝ่ายส้ม หรือฝ่ายอะไรก็แล้วแต่...

                                                                      ---------------------------------------------

                ซึ่งดูเหมือนว่าหลังๆ นี้...บรรยากาศทำนองนี้ ก็น่าจะเริ่มปรากฏให้เห็นอยู่บ้าง บรรดานักด่า นักทอ  ประเภทชอบเอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่ผู้อื่น ดูจะเริ่มลดความเอาการ เอางาน ลดความขยันขันแข็ง ลงไปมิใช่น้อย อาจด้วยเหตุเพราะด่าใครไปหนึ่ง อาจโดนถล่มกลับมาสาม สี่ ห้า หรือกลับมาในแบบเซ็นเซอร์ราวด์ รอบทิศ รอบทาง อันเนื่องมาจากแต่ละฝ่ายล้วนแต่ตกอยู่ในอาการ ประสาทแ-ก ไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือไม่ อย่างไร ก็มิอาจทราบได้ หรืออาจเพราะการด่ากันไป-ด่ากันมา มันอาจไม่ค่อยสอดคล้องกับ  กาละ และ เทศะ มากมายซักเท่าไหร่...

                                                                           ------------------------------------------

                การหันมาเสนอแนะในทางสร้างสรรค์ การออกมาขอโทษ ขออภัย เพราะความผิดพลาดโดยบังเอิญ  หรือเพราะความไม่ตั้งใจ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ฯลฯ จึงเป็นอะไรที่ออกจะน่าชื่นชม ยินดี มิใช่น้อย หรือเป็นตัวช่วยลดอาการ ประสาทแ-ก ให้ผู้คนในสังคม พอได้คลายๆ ลงไปมั่ง เท่าที่เห็นๆ ก็อาจยังมี  ฝ่ายส้ม นั่นแหละ ที่ยังขยันขันแข็ง เอางานเอาการในเรื่องทำนองนี้ อยู่ตามสมควร อาจด้วยเหตุเพราะความเป็นเด็ก ยังคงมีเรี่ยว มีแรง แต่ในเมื่อ กาละ-เทศะ มันไม่ค่อยเอื้ออำนวยให้ สุดท้าย...ก็น่าจะ  เหี่ยวปลาย ไปเอง โดยคงไม่ถึงกับต้องไปถือสา หาความ หรือหยิบเอามา ด่าตอบ มากมายเกินไปนัก...

                                                                            --------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...สำหรับผู้ที่น่าจะยากลำบากเอามากๆ ก็คือผู้ที่ต้องทำหน้าที่เขียนโน่น เขียนนี่ ในแบบวันต่อวัน อย่างประเภท ท่านขุนน้อย นั่นเอง ที่นอกจากจะต้อง อยู่เฉยๆ ไม่ออกไปไหน-มาไหน  แล้วยังต้องพยายามลดการด่าว่า ด่าทอ ใครต่อใครเขาอีกต่างหาก ส่วนจะไปเสนอแนะ ไปชี้แนะ ชี้นำ ใครต่อใครเขา ก็ดันไม่ใช่ ผู้รู้-ผู้เชี่ยวชาญ ในเรื่องเชื้อโรคกันซะอีกต่างหาก ด้วยเหตุนี้...นับจากนี้เป็นต้นไป อีกประมาณ 12 เดือน หรือ 18 เดือนก็แล้วแต่จะว่ากันไป ถ้าหากต้องอ่านอะไรแบบเข้าท่าบ้าง-ไม่เข้าท่าบ้าง ก็ขอความกรุณาอย่าได้ถือสาหาความ กรุณาหันไปโทษไอ้ Covid-19 นั่นแหละ ถูกต้องที่สุด...

                                                                            ---------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Billy Graham...Hot heads and cold hearts never solved  anything. - ความเป็นคนใจร้อน และการมีหัวใจที่เย็นชา ไม่เคยแก้ปัญหาใดๆ ได้เลย...”

                                                                            --------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"