ศึกนี้ช่างยาวนานนัก


เพิ่มเพื่อน    

 

               ๒ วันที่แล้วแวะนำหน้ากากเอ็น ๙๕ ที่เก็บไว้ตั้งแต่เจอฝุ่นพีเอ็ม ๒.๕ ไปให้โรงพยาบาลจุฬาฯ

                แต่ไม่ได้ลงจากรถ ต้องไหว้วานเจ้าหน้าที่ที่เดินผ่านมาพอดีเป็นธุระแทน

                สิ่งที่พบคือ ลานจอดรถยังเต็ม ผู้ป่วยสารพัดโรคจำนวนมากพอควร ยังคงเดินทางพบหมอ        

                เป็นไปได้มั้ย ถ้าจะแยกผู้ป่วยธรรมดากับโควิด-๑๙ ให้ชัดเจน

                ให้โรงพยาบาลบางแห่งรับเฉพาะผู้ป่วยโควิด-๑๙ ไปเลย แล้วย้ายโอนผู้ป่วยธรรมดาไปโรงพยาบาลอื่นก่อนชั่วคราว

                อาจจะมีปัญหาเรื่องประวัติผู้ป่วย แต่เวลานี้เราเจอวิกฤติ ลองชั่งน้ำหนักดู

                ไม่ได้คิดเองเออเอง แต่ดูจากวิธีการบริหารจัดการของอเมริกาในบางเรื่อง เราน่าจะนำมาปรับเปลี่ยนให้เข้าสถานการณ์ได้

                ไปเจอข่าวชิ้นหนึ่ง... กองทัพเรือสหรัฐส่งเรือพยาบาล USNS Comfort ไปช่วยกู้วิกฤติโควิด-๑๙ ที่มหานครนิวยอร์ก ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยตู้แช่แข็งไว้แช่ศพผู้ป่วย

                เรือลำนี้ไม่ได้ถูกใช้เป็นที่รักษาผู้ป่วยโควิด-๑๙ แต่ใช้สำหรับผู้ป่วยทั่วไป โดยให้โรงพยาบาลบนเกาะแมนฮัตตันเป็นโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยโควิด-๑๙ อย่างเดียว

                นอกจากเพิ่มศักยภาพในการรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังป้องกันการแพร่เชื้อโดยไม่ตั้งใจได้อีกด้วย

                เรื่องราวในต่างประเทศมีแชร์ในโลกโซเชียลอย่างกว้างขวาง มีทั้งมุมจริง ไม่จริง บางทีก็เว่อร์ แล้วเอามาทับถมกันเอง

                เช่น กรณีญี่ปุ่นมีการแชร์ประสบการณ์ที่อ้างว่าเขียนโดยนักเรียนชาวอินเดียในญี่ปุ่น

                ........ฉันสามารถไปสำนักงานได้ทุกวัน ฉันยังไปใช้งานบริการที่จำเป็นได้ทั้งหมด

                ไม่มีร้านอาหารปิด

                ไม่มีห้างสรรพสินค้าปิด

                รถไฟใต้ดินเคลื่อนที่ตามปกติ

                รถไฟหัวกระสุนเคลื่อนที่ได้ตามปกติ

                พรมแดนระหว่างประเทศทั้งหมดเปิด

                โตเกียวเป็นเมืองที่หนาแน่นที่สุดในโลก เขาควบคุมได้อย่างไร?........

                โดยสรุปคือ ไม่มีการล็อกดาวน์ ไม่มีการปิดเมือง เหมือนประเทศอื่นๆ

                มันก็เป็นข้อเท็จจริงที่ว่า คนญี่ปุ่นมีวินัย ส่วนใหญ่สวมหน้ากากอนามัยออกจากบ้านทุกครั้งแม้ในยามปกติ

                แต่อีกด้านหนึ่งของญี่ปุ่นเหตุการณ์ไม่ได้นิ่งแบบนั้น

                มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลของเขา "ปิดเมือง" เช่นกัน

                แม้รัฐบาลญี่ปุ่นจะปฏิเสธ แต่ก็ยอมรับกลายๆ ว่า การตัดสินใจว่าจะประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจะต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะจะมีผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

                เพราะจริงๆ แล้วรัฐบาลทั่วโลกล้วนมีข้อมูลชุดเดียวกัน คือการระบาดของ "โควิด-๑๙" จะยังคงดำเนินไปอีกหลายเดือน

                แม้แต่จีนที่ค่อนข้างนิ่งในประเทศแล้ว แต่ต้องเผชิญกับปัญหาใหม่คือ "โควิด" นำเข้า

                ฉะนั้นต้องเตรียมตัวเตรียมใจ ศึกนี้ยาวนานกว่าที่คิด

                "ลุงตู่" พูดหลังประชุม ครม.วาน (๓๑ มีนาคม) นี้เอาไว้ชัดเจน

                "ผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นนานพอสมควร เราจะมีมาตรการระยะ ๓ ถึง ๔ ออกมา ผมให้มีการพิจารณาในช่วงวงรอบ ๓ เดือน ในเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณ เราจำเป็นต้องจัดการงบประมาณทั้งภายในและภายนอก ทั้งงบประมาณปี ๖๓ และพระราชกำหนดกู้เงินที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เพื่อให้มีเม็ดเงินเพียงพอ เราพยายามทำอย่างเต็มที่ ทุกมาตรการต้องดูว่าใช้เงินอย่างไร หาเงินจากที่ไหน ให้เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ"

                ก็...รับทราบข้อเท็จจริง เตรียมการสำหรับการดำรงชีวิตในห้วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไว้

                ศึกนี้ช่างยาวนานนัก. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"