เมื่อต้อง "เคอร์ฟิว"


เพิ่มเพื่อน    

 

             สถานการณ์โควิด-๑๙ ในประเทศไทย อาจจะพิเศษกว่าหลายๆ ประเทศ

                เพราะเรามีนักด่าอาชีพ

                และยังมีนักปั่นเฟกนิวส์มือโปร

                บุคคลที่ว่ามานั้น เกือบทั้งหมด ไม่ชอบขี้หน้ารัฐบาล

                มีทั้งนักการเมืองฝ่ายค้านและฝ่ายแค้น นักเคลื่อนไหว นักวิชาเกิน ยันนักเลงคีย์บอร์ด

                โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ดี

                บางคนด่าว่ารัฐบาลมักง่ายปิดประเทศหลังประเทศอื่น

                และคนเดียวกันนั่นเอง ไปออกแคมเปญรณรงค์ให้รัฐบาลเลิกล็อกดาวน์ ให้ธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิด และคนกลับมาทำงานเหมือนเดิม

                เชื่อหรือไม่ คนเดียวกันนี่เอง แรกๆ เลยเคยด่าว่ารัฐบาลงี่เง่า ไม่ยอมรณรงค์ให้ประชาชนเลิกใส่หน้ากากอนามัย

                ใส่เฉพาะผู้ป่วย และบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น

                แถมยังยกตัวอย่าง สิงคโปร์ ยุโรป อเมริกา ว่าเห็นมั้ยไม่เห็นใส่หน้ากาก และบอกว่านักวิทยาศาสตร์ฝรั่งตะวันตกเขาวิจัยแล้วว่าการใส่หน้ากากจะทำให้ติดโควิด-๑๙ ได้ง่ายขึ้น เพราะการถอดเข้าถอดออก มือไปโดนหน้า ปาก จมูก จึงมีความเสี่ยงสูง

                วันนี้คนเดียวกันนี่แหละบอกว่า คนไทยดูแลตัวเองดีกว่าคนส่วนใหญ่ในโลกแล้ว ซึ่งคงหมายถึงคนไทยเกือบทั้งหมดใส่หน้ากาก อัตราการแพร่เชื้อไม่ได้แย่ ฉะนั้นรัฐบาลอย่าทำสิ่งที่เหลือให้พังก็พอ

                เห็นมั้ยนี่ยกมาแค่คนเดียว 

                ลองไปเปิดไทม์ไลน์ในเฟซบุ๊กพวกนี้ดู จะเห็นชัดเจน ทำตัวไร้สาระมาก อวดอ้างรู้มากกว่าคนอื่น พูดไปเรื่อย สุดท้ายของปลอมทั้งนั้น

                เอาล่ะมาดูตัวเลขกันดีกว่า สถิติไม่เคยโกหกใคร

                หลัง กทม.ประกาศล็อกดาวน์เล็กๆ วันที่ ๒๒ มีนาคม -๑๒ เมษายน

                ตามด้วยรัฐบาลประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอย่างอ่อน วันที่ ๒๖ มีนาคม -๓๐ เมษายน

                ได้เกิดคลื่นมนุษย์เดินทางกลับต่างจังหวัด เพราะไม่มีงานทำชั่วคราว เกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยเฉพาะยอดผู้ติดเชื้อโควิด-๑๙ เดินไปทางไหน

                มาดูกัน

                วันที่ ๒๓ มีนาคม วันนั้นมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-๑๙ ทั่วโลก ๑๖๗,๘๐๐ คน เสียชีวิต ๑๔,๖๑๖ ราย

                สำหรับประเทศไทยในวันนั้นพบผู้ติดเชื้อรวม ๗๒๑ คน 

                ๒๔ มีนาคม พบผู้ป่วย ๑๐๖ คน

                ๒๕ มีนาคม พบอีก ๑๐๗ คน

                ๒๖ มีนาคม เพิ่มอีก ๑๑๑ ราย

                ๒๗ มีนาคม พบผู้ติดเชื้อลงลดเหลือ ๙๑ คน

                ๒๘ มีนาคม ๑๐๙ ราย

                ๒๙ มีนาคม มีผู้ติดเชื้อ ๑๔๓ คน

                ๓๐ มีนาคม พบอีก ๑๓๖ คน

                ๓๑ มีนาคม เพิ่มอีก ๑๒๗ ราย

                ๑ เมษายน พบผู้ป่วย ๑๒๐ คน

                และ ๒ เมษายน มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ๑๐๔ ราย

                นับจากวันที่ ๒๓ มีนาคม เป็นต้นมา จนถึงวันนี้ ยอดผู้ป่วยทั่วโลกไม่ถึง ๒ แสนคน แค่ ๑๐ วันเกือบทะลุล้านไปแล้ว ส่วนผู้เสียชีวิตก็ก้าวกระโดด เกือบครึ่งแสน

                ส่วนไทยเราจากผู้ติดเชื้อ ๗๒๑ คน มาเป็น ๑,๘๗๕ ราย เสียชีวิต ๑๕ คน

                แต่อย่าลืมว่าเรารักษาหายแล้วถึง ๕๐๕ คน

                เมื่อดูค่าเฉลี่ยของโลกถือว่า คนไทยทั้งชาติทำผลงานได้ดี การติดเชื้อไม่ได้ก้าวกระโดด แม้จะครบช่วงแรกของระยะฟักเชื้อในกลุ่มประชาชนที่เคลื่อนออกจากกรุงเทพฯ หลังล็อกดาวน์ และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วก็ตาม

                แต่ก็ยังไม่น่าพอใจ เพราะยังมีพี่น้องของเรา โดยเฉพาะเด็กวัยรุ่นบางส่วนไม่ใส่ใจที่จะรับผิดต่อส่วนรวม

                เราจึงต้องเจอยาแรงขึ้นอีกระดับ

                นายกฯ ลุงตู่ประกาศ "เคอร์ฟิว" ๔ ทุ่มถึงตี ๔ ทั่วประเทศ เริ่ม ๓ เมษายน 

                หวังว่าหลังจากนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันจะไม่ถึง ๑๐๐ คน

                ฉะนั้นขอเรียนเชิญฝ่ายแค้น นักวิชาเกินทั้งหลาย ร่วมด้วยช่วยกัน ประชาสัมพันธ์ให้เด็กๆ รุ่นใหม่อยู่กับบ้าน เลิกหัวรั้น ทำตัวเป็นภาระสังคมได้แล้ว

                ดีกว่าเอาตีนราน้ำไปวันๆ เหมือนที่ผ่านมา. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"