'พรรคสามัคคีไทย' วอนรัฐใช้เงิน 'กองทุนชราภาพ' ก่อนกำหนด เยียวยาผู้ประกันตนในระบบ 16.5 ล้านคน


เพิ่มเพื่อน    

9 เม.ย.63 - ดร.รยุศด์ บุญทัน แกนนำผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสามัคคีไทย เปิดเผยว่า คณะทำงานพรรคสามัคคีไทย ได้หารือถึงมาตรการเงินเยียวยารัฐบาล และแนวทางในการแก้ไขปัญหา กรณีบริษัทฯ ห้าง ร้าน โรงแรม ร้านอาหาร ลูกจ้างแรงงาน ได้รับผลกระทบจากคำสั่งปิดกิจการชั่วคราว เพื่อควบคุม และกำกับดูแลในสถานการณ์ฉุกเฉินป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนา (Covid-19) ทั้งนี้สืบเนื่องจากรัฐฯ กำหนดให้ผู้ได้รับผลกระทบที่ไม่อยู่ในระบบประกันสังคม ขึ้นทะเบียนออนไลน์ จนปรากฏมีผู้ยื่นความประสงค์ขอรับการเยียวยากว่า 24 ล้านคน

ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวเกินกำลังงบประมาณที่รัฐจัดเตรียมไว้เพียง 1.35 แสนล้านบาท หรือเยียวยาได้เพียง 9 ล้านคน ทำให้ประชาชนอีก 15 ล้านคนที่อาจจะไม่ผ่านหลักเกณฑ์การพิจารณา แต่ได้รับผลกระทบจริง ไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวัน ท่ามกลางวิกฤติและมาตรการปิดสถานประกอบการได้ ตลอดจนผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ยังคงเรียกร้องให้รัฐกำหนดมาตรการเยียวยาเพิ่มเติมเร่งด่วน จนคณะรัฐมนตรีต้องประชุมหารือเพื่อเพิ่มมาตรการเยียวยา โดยจะออก พ.ร.ก.เงินกู้กว่า 1.9 ล้านล้านบาท เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา แต่ภายใต้กรอบวงเงินกู้ฉบับนี้ อาจเป็นมาตรการที่จะดำเนินการในช่วงหลังวิกฤติหรือไม่ และขั้นตอนอาจมีความล่าช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น

ดร.รยุศด์ กล่าวต่อว่า พรรคสามัคคีไทย จึงเสนอทางออกเพื่อขอให้รัฐเร่งพิจารณาเบิกจ่ายเงินกองทุนชราภาพ ตามระเบียบใหม่ ของสำนักงานประกันสังคม ที่ประกาศไว้ในเว็บไซด์ของสำนักงาน ลงวันที่ 28 มกราคม 2563 กรณีประโยชน์ทดแทนกรณีบำเหน็จชราภาพ ที่ระบุไว้ ดังนี้

1.กรณีที่มีการจ่ายเงินสมทบต่ำกว่า 12 เดือน ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพ มีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ กรณีที่มีการจ่ายเงินสมทบตั้งแต่ 12 เดือนขึ้นไป ให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพ มีจำนวนเท่ากับจำนวนเงินสมทบที่ผู้ประกันตนและนายจ้างจ่ายเงินสมทบ เพื่อการจ่ายประโยชน์ทดแทนในกรณีชราภาพ พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน ตามที่สำนักงานประกันสังคมประกาศกำหนด

2.กรณีผู้รับเงิน บำนาญชราภาพถึงแก่ความตายภายใน 60 เดือน นับแต่เดือนที่มีสิทธิได้รับเงินบำนาญชราภาพให้จ่ายเงินบำเหน็จชราภาพจำนวน 10 เท่าของเงินบำนาญชราภาพรายเดือนที่ได้รับคราวสุดท้ายก่อนถึงแก่ความตาย

ดร.รยุศด์ ยังกล่าวอีกว่า การจะใช้เงินกองทุนชราภาพนั้น ผู้ประกันตนต้องรอเงื่อนไข อายุครบ 55 ปี จึงจะใช้สิทธิดังกล่าวได้ หากผ่อนปรนในส่วนนี้ เพื่อให้ผู้ประกันตนสามารถใช้สิทธิเข้าถึงแหล่งเงินทุนของตนเอง เปรียบเสมือน "เบิกถอนเงินฝากสมทบของตนเองเพื่อเยียวยาตนเอง" ส่วนรัฐและคณะกรรมการกองทุนจะกำหนดสัดส่วนการเบิกถอนเช่นไร อาจใช้หลักเกณฑ์พิจารณาเป็นกึ่งหนึ่ง ของระยะเวลาที่สมทบ (จำนวนเดือน) และสัดส่วนร้อยละ ที่สมทบเข้ากองทุนชราภาพดังกล่าว เพื่อให้สามารถเข้าถึงเงินบางส่วนพอเหมาะพอสมกับมาตรการเยียวยา และไม่กระทบต่อเงินสะสมอีกกึ่งหนึ่งสำรองชดเชยบำเหน็จ บำนาญ ในห้วงเวลาที่ผู้ประกันตนชราภาพในภายภาคหน้า

สิ่งนี้คือแนวทาง แก้ไขปัญหาและข้อเรียกร้องที่เราวอนขอให้รัฐพิจารณา และขอให้คณะกรรมการกองทุน มีมาตรการเบิกให้ใช้กองทุนชราภาพโดยไม่กระทบวัยเกษียณ แต่ให้เข้าถึงแหล่งเงินตนเองเพียงครึ่งเดียว โดยกองทุนยังมี เงินนายจ้างสะสมอยู่ และเงินสมทบรัฐ สะสมอยู่

ดร.รยุศด์ กล่าวทิ้งท้ายว่า การกำหนดมาตรการเยียวยาทุกกระบวนการ ควรเริ่มจากการจำแนกกลุ่มคนที่มีฐานข้อมูลเดิมอยู่ จะชัดเจนที่สุด อาทิ จากประชาชนผู้ถือบัตรประชารัฐ 14 ล้านราย จากฐานข้อมูล 4 อาชีพนอกระบบที่รัฐมีอยู่แล้ว คือ มัคคุเทศก์ วินรถจักรยานยนต์ กลุ่มผู้ขับแท็กซี่ และกลุ่มผู้จำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล และที่เราไม่อาจละเลยและจำเป็นต้องกำหนดมาตรการเยียวยาเร่งด่วนอีกกลุ่มคือ ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม ด้วยเหตุนี้ การใช้เงินชราภาพก่อนกำหนด เพื่อให้ผู้ประกันตนเข้าถึงแหล่งเงินฉุกเฉินเยียวยาตนเอง คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 60 ของเงินสมทบตนเอง ไม่เกี่ยวกับเงินสมทบส่วนของนายจ้าง และเงินสมทบของรัฐ ย่อมเป็นการบรรเทาภาระครองชีพของประชาชนในระบบกว่า 16.5 ล้านคน อีกด้วย
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"