บางทีมันก็ลุ้นครับ...เหมือนลุ้นเหรียญทองโอลิมปิก
    แต่ต่างตรงที่ไม่ได้ลุ้นให้ไทยได้ลำดับต้นๆ
    น้อยที่สุด น้อยเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีเท่านั้น 
    เนี่ย...ช่วงสายๆ ของทุกวัน เป็นแฟนคลับ คุณหมอทวีศิลป์ วิษณุโยธิน ไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเสียแล้วล่ะครับ
    รอคุณหมอทุกวัน 
    รอฟังว่า วันนี้จะมียอดผู้ป่วยโควิด-๑๙ เพิ่มกี่คน 
    หายกลับบ้านกี่คน 
    ลำดับโลกของเราหล่นไปที่เท่าไหร่แล้ว 
    มีวิธีปฏิบัติ วิธีรับมือกับโควิด-๑๙ ใหม่ๆ อะไรบ้าง 
    ก็อย่างว่าครับ...ช่วงนี้ เราอยู่กับโควิด และโควิดก็อยู่กับเราทุกวัน  
    เหม็นขี้หน้า ไม่อยากพบ ไม่อยากเจอ ป้องกันตัวกันสุดฤทธิ์ แต่เจ้าโควิดก็ยังแทรกซึมเข้าร่างกายพี่น้องไทยของเราทุกวัน 
    แต่ก็เห็นแนวโน้มว่าดีขึ้น 
    ลำดับของเราหล่นลงไปที่โหล่เรื่อยๆ 
    คุณหมอทวีศิลป์ แถลงตัวเลขวานนี้ (๙ เมษายน) มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม ๕๔ ราย 
    ในจำนวนนี้ กทม.เจอเยอะสุด ๒๑ ราย 
    ยอดสะสม ๒,๔๒๓ ราย 
    เสียชีวิตเพิ่ม ๒ ราย รวมเสียชีวิต ๓๒ ราย 
    หายแล้วรวม ๙๔๐ ราย
    สรุปแล้วการระบาดในประเทศเริ่มจะควบคุมได้ ลองสังเกตดู ไม่มีผู้ป่วยที่ติดจากระบบขนส่งสาธารณะ แต่หนักไปในกลุ่มที่สัมผัสผู้ป่วยเดิม ถ้ายืนระยะไปแบบนี้น่าจะเอาอยู่ได้เร็วกว่าที่คิด
    ก็มีความน่ากังวลอยู่เล็กๆ เพราะมีคนไทยในต่างประเทศเตรียมเข้ามาอีก ๕,๔๕๓ คน 
    แต่อย่าเพิ่งตระหนก! เพราะกลุ่มนี้จะได้รับการดูแลอย่างดี เมื่อมาถึงประเทศไทย จะถูกรับตัวไปกักตัวดูอาการ ๑๔ วัน ไม่ให้มีการซ้ำรอยม็อบที่สนามบินสุวรรณภูมิ
    หากมีคนติดเชื้อ จะดันตัวเลขผู้ติดเชื้อสูงไปด้วย แต่ควบคุมได้ไม่น่ากังวล 
    ก็นำมาบอกกล่าวกันว่าสถานการณ์ในบ้านเราไม่ได้เลวร้ายต่ำตมเหมือนที่คนบางกลุ่มพยายามกระพือกัน 
    มีคนยกตัวอย่างญี่ปุ่น สิงคโปร์ ว่าบริหารจัดการโควิดดีกว่าไทย 
    ลองเปรียบเทียบตัวเลขดูนะครับ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีแนวโน้มว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไทยอาจจะแซงญี่ปุ่นเพราะจำนวนผู้ป่วยห่างกันไม่กี่ร้อยคน แต่มาวันนี้ ญี่ปุ่นทิ้งไทยไปเท่าตัว 
    สถิติวานนี้ช่วงบ่ายๆ ญี่ปุ่นติดเชื้อ ๔,๖๖๗ คน เสียชีวิตไปแล้ว ๙๔ ราย ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน 
    สิงคโปร์มาเงียบๆ ติดเชื้อ ๑,๖๒๓ คน เสียชีวิต ๖ ราย นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง แห่งสิงคโปร์ ถึงได้ออกแถลงการณ์ด่วน ปิดประเทศเป็นเวลา ๑ เดือน เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ ๗ เมษายน ที่ผ่านมา
    ส่วนไทยเรา ติดเชื้อ ๒,๔๒๓ คน เสียชีวิต ๓๒ ราย 
    นี่ถ้าคิดตามสัดส่วนประชากร ไทยเราดีกว่าโข
    แน่นอน...การใช้ชีวิตในยามประเทศเจอวิกฤติ ประชาชนจะยากลำบาก การช่วยเหลือจากภาครัฐอาจมีปัญหาขาดตกบกพร่อง เพราะเราไม่เคยเจอวิกฤติขนาดใหญ่เช่นนี้มาก่อน 
    ต้มยำกุ้งที่ว่าหนักหนาสาหัส แต่นั่นข้างบนล้ม ข้างล่างยังอยู่ได้ 
    วันนี้ล้มหมด และล้มกันทั้งโลก 
    หลังโควิด-๑๙ เรายังต้องเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจที่ตกต่ำทั่วโลก ฉะนั้นเตรียมใจรับไว้ให้ดี ความยากลำบากมันอาจจะยาวกว่าที่คิด 
    ถ้าใครคิดไม่ออกว่าต้องทำตัวอย่างไร ก็ลองเป็นแฟนคลับคุณหมอทวีศิลป์ซิครับ หากคนไทยทุกคนทำตามที่คุณหมอบอก 
    เราจะก้าวข้ามโควิด-๑๙ สิ้นเดือนนี้แน่นอน.