คำนูณเตือนรัฐ เงินกู้1ล้านล้าน ห้ามมีแร้งรุมทึ้ง


เพิ่มเพื่อน    


    "คำนูณ" กระตุกรัฐบาล "แร้งลง-รุมทึ้ง-เชื้อชั่วไม่ยอมตาย" ต้องไม่เกิดขึ้นกับเงินกู้ 1 ล้านล้าน "รังสิมันต์" โยงจนได้  สถานการณ์โควิด-19 ตอกย้ำต้องให้เร่งปฏิรูปกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร  โยกงบฯ ให้ สธ.ดีกว่ามีอาวุธหรูหราไว้ประดับกองทัพโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์โพดผล 
    เมื่อวันที่ 17 เมษายน นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกวุฒิสภา  แสดงความเห็นกรณีรัฐบาลเตรียมออกพระราชกำหนดกู้เงิน 1  ล้านล้านบาทผ่านเฟซบุ๊กว่า ชอบแล้วที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา    นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงเชิงปรามนักการเมืองเมื่อสองสามวันก่อน และยืนยันหนักแน่นว่าท่านไม่ต้องการให้มีการทุจริตเกิดขึ้นทุกรูปแบบ เพราะในจำนวนยอดวงเงินเงินกู้ที่จะใช้เยียวยาวิกฤติ COVID-19 และพ่วงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมครั้งนี้ 1 ล้านล้านบาท ที่กระทรวงคลังจะเริ่มทยอยกู้ตามพระราชกำหนดที่กำลังจะออกมาเร็วๆ นี้นั้น ถือว่ามากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การกู้เงินลักษณะนี้ เป็นวงเงินที่มากกว่างบลงทุน ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณแต่ละปี งบลงทุนปีงบประมาณ 2563 ตั้งไว้ที่ 6.55 แสนล้านบาท
    นายคำนูณระบุว่า การให้จ่ายเงินกู้ตามกฎหมายพิเศษออกไปนอกกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีได้ จะทำให้บทบังคับที่สร้างสภาวะขนหัวลุกให้นักการเมืองและข้าราชการประจำมากที่สุดของรัฐธรรมนูญ 2560 คือมาตรา 144 ที่มีโทษหนักถึงขั้นพ้นจากตำแหน่งและชดใช้เงินคืน ไม่ถูกนำมาใช้กับการใช้จ่ายเงินกู้ตามกฎหมายพิเศษ
    เนื่องจากมาตรา 144 ใช้บังคับเฉพาะกับพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีเท่านั้น ไม่ได้นำมาใช้กับกฎหมายพิเศษ พระราชกำหนดกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท จึงมีผลเป็นการยกเว้นรัฐธรรมนูญหลายมาตรา รวมทั้งมาตรา 144 ไปโดยปริยาย เป็นการตัดบทบาทของรัฐสภาออกไป
    เพราะไม่ว่าวัตถุประสงค์หรือระเบียบของการใช้เงินก้อนนี้นั้นถูกกำหนดโดยรัฐบาลฝ่ายเดียว ไม่ต้องผ่านรัฐสภา ไม่ว่าสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา รัฐสภาเข้ามาเกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการใช้เงินตามกฎหมายกู้เงินลักษณะนี้น้อยมาก และเป็นปลายทางเท่านั้น ในกฎหมายกู้เงินลักษณะนี้ฉบับก่อนๆ กำหนดเพียงให้รัฐบาลรายงานการใช้จ่ายเงินกู้ตามกฎหมายต่อรัฐสภาภายใน 60 วันหลังสิ้นปีงบประมาณเท่านั้น
    และเท่าที่ผ่านมาวัตถุประสงค์ก็จะเขียนไว้สั้นๆ ชนิดนับบรรทัดได้ ไม่มีรายละเอียดชัดเจนว่าจะใช้เงินไปทำอะไรบ้าง
    เงินจำนวน 1 ล้านล้านบาทนี้ ได้รับการกำหนดแยกชัดเจนไปเลยว่าจะลงไปฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ในระดับพื้นที่ในชุมชนทั่วประเทศโดยตรง 4 แสนล้านบาท ส่วนอีก 6 แสนล้านบาทนั้นไว้เยียวยาผู้เดือดร้อนทางเศรษฐกิจและจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข น่าจับตาทั้ง 2 ส่วนแหละครับ โดยหลักคือจะทำอย่างไรให้ถึงชาวบ้านในกิจกรรมที่เป็นประโยชน์จริงสามารถต่อยอดได้ และในการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ จะไม่มีการชักเปอร์เซ็นต์
    เบื้องต้นจะต้องไม่ใช่แค่งบประมาณเพื่อหาเสียงหาคะแนนนิยมให้พรรคการเมืองต่างๆ ตามที่ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองในทาง ปฏิบัติที่เป็นจริงเขาห่วงกัน ต่อมาต้องไม่เป็นการใช้อย่างเบี้ยหัวแตก หรือใช้เหมือนเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วไป แบบว่าใช้หมดแล้วหมดไป ไม่เหลือไว้เป็นฐานโครงสร้างให้ต่อยอด หรือไม่ก็ใช้ในโครงการแบบคุณพ่อรู้ดีที่หน่วยราชการกำหนดให้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมให้ชุมชนทำ และสุดท้ายต้องไม่มีการชักเปอร์เซ็นต์ไม่ว่ารูปแบบใดในการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุข
    พูดง่ายๆ ต้องอย่าให้มีการโกง หรือแม้แต่การขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนกับประโยชน์ส่วนรวม ดูท่าทีท่านนายกรัฐมนตรีในการแถลงข่าว และคำสั่งแต่งตั้งกรรมการจัดซื้อจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์และสาธารณสุขแล้ว เชื่อว่าท่านใช้ความระมัดระวังสูงสุดและสร้างทำนบป้องกันไว้มากพอสมควร
    อยากจะบอกว่าตรงนี้ตัวช่วยสำคัญคือ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการใช้เงินกู้ก้อนนี้ทั้งก้อน 1 ล้านล้านบาท ระเบียบฯ นี้ในกฎหมายกู้เงินลักษณะนี้ที่ผ่านมาไม่ได้บัญญัติอยู่ในตัวพระราชกำหนด แม้โดยปกติบางรัฐบาลอาจจะแนบระเบียบฯ มาให้รัฐสภาพิจารณาเป็นเอกสารประกอบในวาระพิจารณาพระราชกำหนดที่มีผลบังคับใช้ไปแล้ว แต่สมาชิกรัฐสภาก็คงได้แค่ตั้งข้อสังเกตให้รัฐบาลนำไปปรับปรุงแก้ไขเท่านั้น 
    ในเบื้องต้นนี้จึงอยากให้ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีนี้เข้มข้น อย่างต่ำๆ ต้องไม่แพ้เกณฑ์การใช้เงินในกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีครับ ถ้าเป็นไปได้ ควรพิจารณานำกฎเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะมาตรา 144 มาประยุกต์บรรจุไว้ทั้งหมด หรือให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอำนาจตรวจสอบของสมาชิกสภาทั้งสอง ป.ป.ช. และศาลรัฐธรรมนูญ
    "อย่าลืมนะครับ แม้จะเป็นเงินกู้ที่ใช้ไปได้นอกกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี และเพดานเงินกู้ของประเทศเราก็ยังเหลืออีกพอสมควร แต่ทุกบาททุกสตางค์ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยต้องชำระคืน เวลาชำระคืนก็ทยอยตั้งยอดชำระคืนไว้ในกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีของแต่ละปีที่มาจากภาษีอากรของพวกเราทุกคนนั่นแหละ ซึ่งก็จะมีผลทำให้เงินในกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปีแต่ละปีน้อยลงไป เพราะต้องแบ่งไปชำระหนี้ ‘แร้งลง’ ‘รุมทึ้ง’ ‘เชื้อชั่วไม่ยอมตาย’ - ต้องไม่เกิดขึ้นกับเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท!" นายคำนูณระบุ
    นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคก้าวไกล ระบุว่า ตามที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก สั่งการผู้บังคับหน่วยหาแนวทางเพิ่มเติมในการแก้ไขปัญหาการเลื่อนการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการเป็นทหารกองประจำปี 2563 จากผลกระทบของไวรัส COVID-19 นั้น ขอย้ำข้อเสนอของพรรคก้าวไกลอีกครั้งในเรื่องของการโอนงบประมาณของกระทรวงกลาโหม ทั้งโดยการงดเว้นการเกณฑ์ทหาร โอนงบประมาณจัดซื้ออาวุธ โอนงบประมาณที่ไม่เกี่ยวกับภารกิจของกองทัพโดยตรง เพื่อนำมารับมือสถานการณ์ไวรัส จัดตั้งโรงพยาบาลสนาม จัดจ้างพลเรือนอาสาสาธารณสุข ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นโดยเร็ว และต้องให้สภาผู้แทนราษฎรมีส่วนร่วมผ่านการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ
    "มากไปกว่านั้น สถานการณ์ในขณะนี้ยิ่งตอกย้ำให้เห็นชัดว่าประเทศไทยเสียงบประมาณกับเรื่องไม่เป็นเรื่องไปมากมายเหลือเกิน เรายังอยากมีพลทหารไว้ประจำการนับแสนคน อยากมีอาวุธหรูหราไว้ประดับกองทัพโดยที่ไม่รู้ว่ามันจะถูกใช้ให้เกิดประโยชน์โพดผลจริงๆ อย่างไรกันแน่ ในขณะที่ระบบสาธารณสุขของเราที่เป็นเครื่องมือสำคัญที่สุดในการป้องกันและแก้ไขปัญหาโรคระบาดกลับยังขาดความพร้อมในหลายด้าน ทั้งการขาดอุปกรณ์ป้องกันสำหรับแพทย์ การขาดเครื่องมือหรือสถานที่เพื่อตรวจโรคได้อย่างทั่วถึง" นายรังสิมันต์ระบุ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"