เดือด! 'อดีต ส.ว.' สวนกลับ 'พระนักเคลื่อนไหวฝ่ายปชต.' ท่าทีไม่สมกับสมณสารูป ห่วงแต่เงินทองจนขาดสติ


เพิ่มเพื่อน    

21 เม.ย.63 - นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง นักวิชาการ และ อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊กเขียนตอบโต้พระมหาไพรวัลย์ พระนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย โดยมีเนื้อหาระบุว่า 1.ท่าทีท่านไม่สมกับสมณสารูป 2.พระบิดประเด็นไปเป็นเรื่องคนอื่นทำไมไม่ทำ เช่น ส.ส. และ ส.ว. หรือ รมต. 3.เสนอมาเรื่องเงินบริจาคที่ประชาชนให้กับวัดและพระ แต่ไปตอบเงินเดือนพระน้อยนิด

4.เสนอให้พระใช้โควิช-19 มาเรียนรู้ธรรมชาติ และกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ จะได้ช่วยชาวบ้านทางปัญญาได้ แต่สนใจเป็นห่วงเฉพาะเงินๆทองๆ 5.ขาดสติ ปัญญา รับฟังด้วยความอ่อนน้อม 6.พระพุทธเจ้าสอนให้พูดความจริง พูดแล้วมีประโยชน์ พูดเหมาะสมกับเวลา พูดด้วยความเมตตา

นายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า พระมหาไพรวัลย์คงต้องประเมินตนเอง เพราะสิ่งที่ตนเองนำเสนอคือ บทบาทของมหาเถรสมาคมในยามวิกฤติ ในฐานะองค์กรบริหารสูงสุดของคณะสงฆ์ ที่มีอำนาจตามกฎหมาย เป็นทั้งฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายตุลาการ ควรได้พิจารณาออกข้อบัญญัติ 1.ให้แต่ละวัดสามารถนำรายได้ (เงินออมที่ประชาชนอดออมบริจาคไว้ที่วัดและพระ)ที่สะสมไว้อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง ใช้ดำเนินกิจการเพื่อช่วยเหลือประชาชนโดยด่วน กิจการดังกล่าวอาจจะดำเนินการเอง ร่วมกับกรรมการวัด อุบาสก อุบาสิกา และคนในชุมชนกำหนดกิจกรรมตามความต้องการและจำเป็นของท้องถิ่นต่างๆ ทั้งนี้จะต้องโปร่งใสตรวจสอบได้

2.แนะนำส่งเสริมให้พระภิกษุนำบัญชีเงินออมในนามของตน ที่ได้รับบริจาคจากประชาชนมาดำเนินการร่วมกับเงินของวัดตามข้อ 1

3.ให้วัดขนาดใหญ่ที่มีเงินสะสมจำนวนมาก เช่น วัดพระธรรมกายและวัดอื่นๆ สามารถกระจายเงิน โอนเงินให้วัดที่ต้องการใช้เงิน เพื่อช่วยเหลือประชาชนในชนบทที่ห่างไกลได้

4.เสริมสร้างความรู้ให้พระภิกษุสามารถเป็นภูมิปัญญาของชุมชนและประชาชนได้ โดยจะต้องให้พระภิกษุรู้จักธรรมชาติของ COVID-19 เพื่อให้ประชาชนป้องกันได้อย่างถูกวิธี ไม่กลัวเกินเหตุ

พระภิกษุจะได้เป็นผู้มีปัญญาและความรู้ สามารถเตือนสติพุทธศาสนิกชนให้รู้จักธรรมชาติ ซึ่งก็คือ รู้จักธรรม รู้จักการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติซึ่งถือเป็นเด็ดขาด และทุกคนต้องรับผลของการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ คนไทยจะได้อยู่ร่วมกับธรรมชาติ โดยไม่หลงตัว ทำลายและเอาชนะกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ COVID-19 เชื้อโรคร้ายที่อุบัติขึ้น น่าจะเป็นปริศนาธรรมของพระคุณเจ้าในการพิจารณาเข้าถึงธรรมได้เป็นอย่างดี

5.ส่งเสริมให้พระเป็นที่พึ่งทางใจแก่ประชาชนในยามนี้ เพราะขณะที่ประชาชนเกิดความกลัว ความเครียด จากการกักตนเองอยู่ในบ้านเป็นเวลานาน ย่อมเกิดปัญหาทางจิตใจแพร่กระจายไปทั่วประเทศในอนาคต พระจะต้องทำหน้าที่ผู้นำทางจิตใจ ให้คำปรึกษาแก่ผู้ทุกข์ร้อน โดยเป็นผู้รับฟังปัญหา
ที่ดี ให้ผู้มีทุกข์ได้ระบาย เสริมสร้างให้กำลังใจ ให้ความรู้ใหม่และข้อมูลใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกในการดำรงชีวิต เสมือนจิตแพทย์หรือนักจิตวิทยาบำบัด อนาคตอันใกล้ คนตกงาน คนว่างงาน คนสูญเสียคนรักในครอบครัว คนอดอยาก คนเคียดแค้น ชิงชังผู้บริหารประเทศจะต้องมีมากขึ้นอย่างแน่นอน

6.ในสถานการณ์ที่คนต้องกักตัวอยู่ในบ้านเช่นนี้ หากจะได้มีการฝึกสอนการทำวิปัสสนาสมาธิ ในรูปแบบอานาปานสติหรือวิธีอื่นทางไกล โดยมีการกำหนดเวลาดำเนินการที่ชัดเจน ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์เพื่อนำการปฏิบัติก็น่าจะเป็นประโยชน์ เพราะในยามนี้คนไทยมีเวลามากขึ้น

กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง ได้ออกมานำเสนอบทบาทของมหาเถรสมาคมในยามวิกฤติโควิด-19 หลังจากนั้น พระมหาไพรวัลย์ วรวัณโณ พระนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตย วัดสร้อยทอง ได้โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 20 เม.ย.ที่ผ่านมา จวกนายเจิมศักดิ์ ว่า ส.ส. , ส.ว. และ รัฐมนตรี ได้แสดงบทบาทมากน้อยแค่ไหน มีอะไรก็มาลงกับพระกับวัดอย่างเดียว ควรมีความละอายกันบ้าง นี่พูดอย่างไม่เกรงใจ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"