'มนัญญา'ยืนกรานแบน3สารพิษ ลั่นขรก.เกษตรฯต้องทวงศักดิ์ศรีคืน ถามบางคนกินอะไรถึงได้เปลี่ยนไป


เพิ่มเพื่อน    

28 เม.ย.63- น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยรองปลัดกระทรวงฯ และอธิบดีกรมวิชาการเกษตร ที่เป็นกรรมการวัตถุอันตราย เข้าประชุมวันที่ 30 เม.ย.นี้ เพื่อซักซ้อมความเข้าใจนำไปแสดงท่าทีของกระทรวงเกษตรฯ ต่อที่ประชุมคณะกรรมการวัตถุอันตราย โดยยืนยันว่าในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายชัดเจนไม่เห็นด้วยกับมติวันที่ 27 พ.ย.62 ที่เลื่อนการแบนสองสาร พาราควอต คลอร์ไพริฟอส จากวันที่1 ธ.ค.62 ไปเป็นวันที่ 1 มิ.ย.63 และจำกัดการใช้ สารไกลโฟรเซต เพราะนโยบายของรัฐมนตรี ต้องการให้แบนทั้ง 3 สาร ซึ่งในวันนี้ได้เรียกกรมวิชาการเกษตร มาถามให้ชัดเจนตามที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม และประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ระบุว่ายังไม่เห็นหนังสือตอบรับจากกรมวิชาการเกษตร ที่ต้องเสนอแผนรองรับผลกระทบเกษตรกร ยกเลิกการใช้ 3 สาร และจัดทำบัญชีสารทดแทน หรือวิธีการทำเกษตรเหมาะสม 

ดังนั้นยืนยันได้ว่า ได้ทำหนังสือตอบแล้วไปถึงกรมโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ตามที่อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม มีหนังสือมาเมื่อวันที่ 23 เม.ย.ให้กรมวิชาการเกษตร ตอบกลับมาในระยะเวลา 4 เดือนที่ครบกำหนดวันที่ 27 เม.ย.

“จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย จะขยายเวลาการบังคับใช้แบน3สาร ออกไปถึงสิ้นปี63 ตามที่มีภาคเอกชนหรือบุคคล ได้ทำหนังสือเสนอต่อรมว.อุตสาหกรรม เช่นกรณีที่นายกลินทร์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ทำหนังสืออ้างว่าหากไม่เลื่อนไปถึงสิ้นปี จะกระทบการนำเข้าวัตถุดิบ ผลิตอาหารสัตว์ และอาหารคน ซึ่งถือเป็นความเห็นส่วนบุคคล ซึ่งที่ผ่านมาสภาหอการค้าฯก็เคยแสดงท่าทีเห็นด้วยกับการแบน3สาร จึงไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมจึงกลับความเห็น”น.ส.มนัญญา กล่าว

นอกจากนี้ ได้สั่งการให้กรมวิชาการเกษตร เสนอที่ประชุมให้นำเรื่องการพิจารณากำหนดมาตรฐานไอเอสโอ สำหรับโรงงานที่ผลิต นำเข้า จำหน่าย สารเคมีการเกษตร ขึ้นมาเป็นเรื่องวาระเพื่อพิจารณาในวันที่30 เม.ย.ด้วย เนื่องจากได้ส่งเรื่องไปตั้งแต่เดือนก.พ.63 เพื่อให้เป็นวาระพิจารณา กำหนดให้ทุกโรงงานต้องมีมาตรฐานสากลที่ทั่วโลกยอมรับ แต่เพิ่งทราบว่าเรื่องดังกล่าวถูกบรรจุเป็นวาระเพื่อทราบเท่านั้น ไม่ทราบว่าเจตนาที่ทำเป็นวาระเพื่อทราบเพื่ออะไร เพราะทำให้น้ำหนักลดลงไปมาก เหมือนกับมีความพยายามที่ทำให้การให้โรงงานมีไอเอสโอ คุ้มครองผู้บริโภค เกษตรกร กลายเป็นเรื่องไม่สำคัญ

“เพราะฉะนั้นในวันที่30 เม.ย.ดิฉันขอให้ ข้าราชการกระทรวงเกษตร กรมวิชาการเกษตร เรียกศักดิ์ศรีของความเป็นข้าราชการที่ดีกลับคืนมา เพราะเรากำลังทำสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์เพื่อประชาชนเพื่อเกษตรกร ซึ่งในที่ประชุมทุกคนมีสิทธิโต้แย้ง อะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนต้องทำ เรื่องแบน 3 สาร เรื่องไอเอสโอ ดิฉันอยากทำให้ดีที่สุดเพื่อประชาชน แต่ที่พูดมาทำมาสุดท้ายโดนกระทรวงอุตสาหกรรม ยกประเด็นว่าเป็นเพราะกระทรวงเกษตรฯ กรมวิชาการเกษตร ไม่ทำหนังสือตอบมา ยกมาอ้างเป็นเหตุให้เลื่อนแบนสามสาร ไปอีก ดิฉันก็ไม่รู้คนพูดกลับไปกลับมา ไปกินอะไรกัน รมช.เกษตรฯ พูดมาเป็นปี ประชาพิจารณ์ก็ผ่านแล้วในเรื่องมาตรฐานโรงงานสารเคมี แต่บางคนพูดเปลี่ยนไปอีกอย่าง ไม่รู้กินอะไรกัน หรือไปกินอาหารอะไรที่ทำให้ความสุข ซึ่งตัวดิฉันไม่เคยเปลี่ยน ยืนยันว่าพูดอย่างไรทำอย่างนั้นจากวันแรกที่เข้ามา ทั้งนี้กรณีข้อโต้แย้งต่างๆดิฉันสงสัยเหมือนกัน มีระยะเวลาก่อนการประชุมในแต่ครั้ง นานพอที่แต่ละฝ่าย หยิบยกประเด็นมาหารือกันได้ แต่ปรากฏว่ามักจะยกเพื่อให้เป็นประเด็นขึ้นมาก่อนประชุมเพียงไม่กี่วันแบบฉุกละหุก ซึ่งมันไม่ยุติธรรม”น.ส.มนัญญา กล่าว

ด้านนายฉกรรจ์ แสงรักษาวงษ์ ที่ปรึกษารมช.เกษตรฯ กล่าวว่าในการประชุมวันที่30 เม.ย.นี้จะเป็นการประชุมเพื่อรับรองมติวันที่ 27 พ.ย.62 ที่ให้แบน 2 สาร พาราควอต คลอร์ไพริฟอส ไปเป็นวันที่ 1 มิ.ย.63 และจำกัดการใช้สารไกลโฟรเซต ซึ่งเท่าที่อ่านหนังสือเวียนแจ้งมติที่ประชุม พบว่าทั้งหมดเป็นข้อเสนอของนายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ เพียงคนเดียวโดยไม่มีข้อเสนอของหน่วยงานอื่น ซึ่งนายอนันต์ ได้หยิบเอาประเด็นสต็อก 3 สารของเอกชน ที่ยังค้างอยู่เกือบ3หมื่นตัน หากต้องกำจัดจะใช้งบกว่าพันล้านบาทและเสี่ยงการถูกฟ้องร้อง ดังนั้นต้องรอดูว่าในการประชุมครั้งนี้ จะมติอย่างไร ใครยกมือเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย มิฉะนั้นจะต้องกลับไปใช้มติวันที่ 22 ต.ค.62 ที่มีมติเอกฉันท์ให้แบน 3 สาร ที่มีผลเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.62.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"