
“ประยุทธ์” ขนคณะลงเปิดงานลูกเสือภาคใต้ ลั่นต่างศาสนาอยู่กันได้หมด โอ่ 3 จังหวัดใต้ก็เหมือนภูมิภาคอื่น แจงให้ใช้คำว่าพูดคุยไม่ใช่เจรจาผู้เห็นต่าง เพราะมีแค่เหตุการณ์เล็กๆ เตือนอย่ายกระดับพวกกลุ่มจิ๊บจ๊อย โอ่ “โอไอซี” ชมไทยดูแลมุสลิมดี
เมื่อวันที่ 4 เม.ย. เวลา 07.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ด้วยเครื่องบินซี-130 จากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ไปยังท่าอากาศยานปัตตานี ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เพื่อเปิดงานชุมนุมลูกเสือจังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 13 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-7 เม.ย. โดยมีตัวแทนลูกเสือ-เนตรนารีจากไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม เนปาล ศรีลังกา และกาตาร์ เข้าร่วมงานกว่า 4,000 คน ซึ่งมีลูกเสือจากต่างประเทศรวม 443 คน
โดยคณะ พล.อ.ประยุทธ์ถึงสนามกีฬากลางจังหวัดปัตตานีเมื่อเวลา 09.45 น. และได้ทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ก่อนเดินพบปะลูกเสือแต่ละค่ายย่อย และกล่าวว่า ทุกคนที่มาวันนี้เป็นเพื่อนของเราทั้งสิ้น วันหน้าทุกคนโตขึ้น หลายคนอาจรับราชการ หลายคนเป็นนายกฯ เป็นประธานาธิบดี รู้จักกันวันนี้เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีในวันหน้า
“ทุกคนมีส่วนร่วมขับเคลื่อนประเทศชาติทั้งหมด ไม่ใช่นายกฯ คนเดียว เราต้องไปด้วยกัน ทั้งพหุภาคี ต่างศาสนาอยู่ด้วยกันได้หมด ทำให้เป็นโลกแห่งสันติสุข” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกฯ ใช้รถยนต์เลขทะเบียน กจ 2984 ยะลา ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีการใช้กำลังเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจยืนประจำจุดดูแลตลอดเส้นทางการลงพื้นที่
ต่อมาเวลา 11.00 น. ที่ศาลากลางจังหวัดปัตตานี พล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมพื้นที่ชายแดนภาคใต้ โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมทั้งจากหน่วยงานความมั่นคง กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และภาคเอกชน โดยที่ประชุมได้นำเสนอโครงการสำคัญ คือ 1.ความก้าวหน้าการดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน 2.การบริหารจัดการด้านพลังงานใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.ผลการดำเนินงานด้านคมนาคม 4.การดำเนินงานด้านการท่องเที่ยว และ 5.ผลการดำเนินงานยุทธศาสตร์การพัฒนาการศึกษาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ว่า ในเรื่องของความมั่นคงได้สรุปต่อที่ประชุมว่าทั้งหมดเรายังทำงานอยู่ ซึ่งพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้และภาคใต้ทั้งหมดก็คือการบริหารงานในส่วนภูมิภาค โดยมีส่วนท้องถิ่นเข้ามาเสริมเช่นเดียวกับจังหวัดอื่นๆ ที่มีกลุ่มจังหวัด แต่ถ้าพื้นที่ใดมีปัญหาต้องใช้กำลังด้านความมั่นคงก็ต้องใช้ กอ.รมน.เข้ามาเสริม ส่วนงานด้านพัฒนา เมื่อไม่ทันกับพื้นที่อื่นก็ต้องใช้กลไกของ ศอ.บต.มาเสริม เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างสมบูรณ์แบบแล้วก็ไม่ต้องมีกำลัง กอ.รมน.มาเสริม เช่นเดียวกับเรื่องของการพัฒนา เมื่อถึงเวลาก็สามารถถอดออกได้
“วันนี้ความก้าวหน้าก็มีตามลำดับ สถิติการก่อเหตุความรุนแรงบางครั้งก็เกิดความสูญเสียที่มีมากบ้างน้อยบ้างจากทั้งสองฝ่าย เจ้าหน้าที่ก็พยายามทำอย่างเต็มที่ ซึ่งเมื่อมีความมั่นคงปลอดภัยและพัฒนาพื้นที่แล้ว ก็ต้องมีเรื่องของการพูดคุยสันติสุข และอย่าลืมว่าไม่เคยให้ใช้ว่าการเจรจา เพราะคำนี้จะใช้เฉพาะในพื้นที่มีการสู้รบขนาดใหญ่ มีการเจรจาสองฝ่าย เช่น เรื่องการหยุดยิง บ้านเราไม่ถึงขนาดนั้น บ้านเราอำนาจรัฐยังสามารถไปในทุกพื้นที่ เพียงแต่เกิดเหตุการณ์ลอบทำร้าย ใช้วิธีที่รุนแรง ก็สามารถใช้กฎหมายปกติและกฎหมายพิเศษในบางประเด็นเพื่อเพิ่มอำนาจเจ้าหน้าที่ในการตรวจสอบจับกุม แต่ในเรื่องสิทธิมนุษยชนก็ต้องไม่ไปละเมิดใคร ที่ผ่านมาก็กวดขันมาโดยตลอด” นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การพูดคุยสันติสุขนั้น เราก็พร้อมคุยกับทุกคน อย่าลืมว่าที่ผ่านมาในสมัยสงครามเย็นเราแก้ปัญหาเรื่องของคอมมิวนิสต์ มีกลุ่มผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของกองทัพภาค 4 ส่วนการพูดคุยกับผู้เห็นต่าง เราต้องอย่าพยายามไปยกระดับเขาขึ้นมา อย่างบางกลุ่มไม่เคยอยู่ในทำเนียบก่อการร้าย ไม่เคยเห็นต่าง แล้วจะไปยกขึ้นมาทำไม แต่สามารถยอมรับว่าเขาเป็นกลุ่มเห็นต่างเท่านั้น ก็รับได้แค่นั้น ก็ต้องหาวิธีพูดคุย เพราะคนที่ทำให้เกิดปัญหาไม่ใช่รัฐบาล การพูดคุยเราต้องไม่ทำให้ฝ่ายรัฐบาลเสียเปรียบ
“โอไอซีเข้ามา เขาพอใจ เขาบอกว่าประเทศไทยดูแลคนมุสลิมดีกว่าประเทศมุสลิมบางประเทศเสียอีก ก็แสดงว่าเราเริ่มทำงานได้ดีแล้ว เป็นที่พอใจของแล้ว ปัญหาคือคนของเราเข้าใจกันเองหรือไม่” นายกฯกล่าว
ต่อมาเวลา 13.50 น. ที่วัดทรายขาว ต.ทรายขาว อ.โคกโพธิ์ คณะ พล.อ.ประยุทธ์เข้าสักการะพระประธาน และนมัสการพระครูปราโมท ศรีตะคุณ เจ้าอาวาสวัดทรายขาว โดยระบุว่า เคยมาตั้งแต่สมัยเป็น ผบ.ทบ. ซึ่งวัดทรายขาวเป็นสังคมที่เรียบร้อยประชาชนอยู่ร่วมกันเป็นอย่างดี ไม่มีความขัดแย้งเพราะมีหลวงพ่อเป็นผู้นำ มีกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้มแข็ง หากมีอะไรให้บอก เดี๋ยวจะพัฒนาให้เร็วขึ้น ที่ผ่านมารัฐบาลเขาทำมาช้า จึงทำให้เกิดเรื่องความแตกต่าง ความเหลื่อมล้ำตามมา ขณะที่เจ้าอาวาสได้มอบหลวงพ่อทวดวัดทรายขาวแก่นายกฯ พร้อมกันนี้นายกฯ ได้สักการะหลวงพ่อทวดสิทธิชัย หลวงพ่อทวด และหลวงพ่อทวดหมาน ณ วิหาร 3 ทวด
จากนี้ นายกฯ ได้มอบอุปกรณ์กีฬาให้แก่ตัวแทนนักเรียนของโรงเรียนในพื้นที่จำนวน 5 โรงเรียน พร้อมทักทายกับชาวบ้าน แนะนำในพื้นที่ห่างไกลให้ใช้การศึกษา กศน. และแนะนำครูนำระบบไอทีมาใส่ในศูนย์ กศน. ขณะเดียวกันได้พูดคุยกับคุณยายวัย 85 ปีที่มาร่วม โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ประชาธิปไตยคืออะไร คืออยู่เย็นเป็นสุข คือไทยนิยม ซึ่งคำว่าเป็นสุขต้องมีกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ซึ่งคุณยายก็เข้าใจและคุณยายระบุด้วยว่า ไม่ด้วยเห็นด้วยกับการประท้วง จากนั้นนายกฯ เยี่ยมชมสินค้าโอท็อปของชาวบ้าน และดูรถจี๊ปทหารรุ่นเก่าที่ชาวบ้านนำมาดัดแปลงเพื่อใช้ในการท่องเที่ยว นายกฯ จึงแนะนำเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่
จากนั้นเวลา 14.30 น. ที่อาคารอเนกประสงค์ มัสยิดนัจมุดดีน จ.ปัตตานี พล.อ.ประยุทธ์พบปะประชาชนบ้านควนลังงา ซึ่งเป็นชุมชนสองวิถี สังคมพหุวัฒนธรรมจำนวน 300 คน โดยมีนายดลฮาฟ สาหลำสุหรี (อิหม่าม) และนายอาดัม บาเหมบูงา ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 4 กล่าวต้อนรับ โดยนายกฯ กล่าวว่า การเดินทางมาวันนี้เพื่อพัฒนาพื้นที่ ซึ่งในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีร้อยกว่าโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ ขอให้ชุมชนรวมกลุ่มในการดำเนินโครงการตามประชารัฐ เพื่อให้เกิดความเข้มแข็ง ช่วยกันตรวจสอบในการใช้จ่ายงบประมานในพื้นที่เพื่อความโปร่งใส
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ได้เยี่ยมชมมัสยิดโบราณ 300 ปี เข้าร่วมพิธีขอดุอาร์ หรือพิธีให้พร โดยมีนายดลฮาฟเป็นผู้นำ พร้อมกันนี้นายกฯ ได้ดูคัมภีร์อัลกุรอานที่มีอายุเก่าแก่กว่าพันปี โดยอิหม่ามได้แปลคัมภีร์ให้นายกฯ ฟัง ซึ่งนายกฯ ถามว่ามีกฎข้อไหนใช้ความรุนแรงไหม ไม่รู้พวกนั้นมาอ้างจากไหน คัมภีร์ไหนไม่รู้ ฝากด้วยนะ ทั้งนี้ ก่อนกลับนายกฯ ได้ถ่ายภาพหมู่ร่วมกับคณะกรรมการมัสยิดนัจมุดดีน ก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ.
|
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
| อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
| 'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
| ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
| วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
| "การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
| เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |