GGC ยิ้มรายได้ Q1ดีขึ้นตอบรับ B10


เพิ่มเพื่อน    


6 เมษายน 2563 นายวิทูร ซื่อวัฒนากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกลบอลกรีนเคมิคอล จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2563 มีแนวโน้มดีขึ้น บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 239 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 217 ล้านบาทจากกำไรสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการในตลาดเมทิลเอสเทอร์ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น  ในไตรมาส 1/2563 บริษัทฯ สามารถขายผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์เป็นจำนวน 101,371 ตัน เพิ่มขึ้นจำนวน 22,346 ตัน หรือ คิดเป็นร้อยละ 28 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2562 แม้ว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19  จะทำให้ประชาชนเริ่มมีการเดินทางน้อยลง แต่จากการปรับอัตราส่วนผสมขั้นต่ำในไบโอดีเซลของรัฐบาลตามการประกาศให้ไบโอดีเซล B10 เป็นเชื้อเพลิงพื้นฐานของประเทศไทยแทนไบโอดีเซล B7 ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2563 และเร่งการขยายจำนวนสถานีบริการน้ำมัน B10 ที่เพิ่มขึ้นเป็น 4,953 สถานี ณ วันที่ 31 มีนาคม 2563 ทำให้ความต้องการเมทิลเอสเทอร์ในไตรมาสนี้ยังคงสูงกว่าในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ

อีกทั้งจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้รวมถึงประเทศไทยส่งผลให้กิจกรรมเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 1 ปี 2563 หดตัวลงเกือบทุกภาคส่วน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวและการส่งออก ขณะที่มาตรการการปิดเมือง (Lockdown)ของหลายประเทศก็มีผลกระทบต่อภาคการขนส่ง  GGC ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการใช้ดีเซลที่ลดลงตามการเดินทางของประชาชนที่ลดลง ทำให้ปริมาณความต้องการการใช้ B100 หรือเมทิลเอสเทอร์ก็ลดลงด้วย บวกกับการที่หลายประเทศประกาศใช้มาตรการปิดเมือง ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ยังประเทศคู่ค้าที่มีการประกาศปิดเมืองได้ อาทิ จีน อินเดีย และยุโรป เป็นต้น แม้ว่าบางประเทศจะกลับมาเปิดประเทศบางส่วนแล้ว แต่กำลังซื้อยังไม่กลับมามากนักส่งผลให้ความต้องการซื้อเกิดการชะลอตัวด้วย
                                
ส่วนความต้องการในตลาดแฟตตี้แอลกอฮอล์จากธรรมชาติ (Natural Fatty Alcohols)ในไตรมาส 1/2563 มีการปรับตัวลดลงร้อยละ 16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้รัฐบาลจีนประกาศปิดเมืองและระบบท่าเรือบางส่วนของประเทศเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสนั้น ทำให้ผู้ซื้อหลักหลายรายในประเทศจีนต้องหยุดการดำเนินการผลิตต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน อีกทั้งไวรัสโควิด-19 ยังกระจายและแพร่ระบาดเป็นวงกว้างไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก ส่งผลกระทบให้มีการปิดเมืองไปอีกหลายประเทศ เช่น อินเดียและผู้ซื้อจากฝั่งยุโรป  

ขณะที่ความต้องการการใช้กลีเซอรีนมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากการนำกลีเซอรีนไปเป็นส่วนผสมเพื่อผลิตเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ แต่คาดว่าจะไม่กระทบกับตลาดโดยรวมมากนัก เนื่องจากกลีเซอรีนเป็นส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นในเจลดังกล่าวเพียง 0-2% เท่านั้น แต่สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลง คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ที่จะหันมาใช้เจลแอลกอฮอล์เป็นประจำทุกวันจนเป็นเรื่องปกติ (New Normal) ซึ่งนั่นก็อาจจะส่งผลให้เกิดความต้องการมากขึ้นได้

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มีการปรับเป้ากำลังการผลิตของเมทิลเอสเทอร์ลงมา แต่ยังอยู่เหนือระดับ 400,000 ตันต่อปี จากกำลังการผลิตติดตั้งเมทิลเอสเทอร์ทั้ง 2 โรงงานที่ 500,000 ตันต่อปี ขณะที่แฟตตี้แอลกอฮอล์และกลีเซอรีนบริสุทธิ์ยังคงตั้งเป้ากำลังการผลิตเต็ม 100 % คือ 100,000 ตันต่อปี และ 31,000 ตันต่อปี ตามลำดับ ส่วนรายได้ของปีนี้ บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากปัจจัยของธุรกิจเมทิลเอสเทอร์ที่ตอบรับกับนโยบาย B10 ของภาครัฐบาล
  
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"