ว่าด้วยเครือข่ายป้องกันทางสังคม


เพิ่มเพื่อน    

 

               จากที่เคยทำท่าว่าหนักไปทาง ขาลง แถมลงแบบหวิดๆ เอาหน้าทิ่มดินซะอีกต่างหาก เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมานี่เอง แต่มาถึง ณ ขณะนี้ คงต้องยอมรับอย่างมิอาจปฏิเสธได้ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของท่านนายกฯ บิ๊กตู่ สามารถพลิกหลังตีนให้กลายเป็นหน้ามือ พลิกวิกฤติให้กลายเป็นโอกาส กลับมาสู่ช่วง ขาขึ้น ได้อย่างน่าตื่นตะลึง พรึงเพริด เอามากๆ...

                                     ----------------------------------------------

                โดยเฉพาะถ้าดูจากผลสำรวจ ตรวจสอบ ความคิด ความเห็น และคะแนนนิยมของสำนัก ซูเปอร์โพล เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา จากจำนวนเปอร์เซ็นต์ผู้สนับสนุนรัฐบาล เดิมทีที่อยู่ในระดับประมาณ 36.2 เพิ่มขึ้นเป็น 46.9 หรือเพิ่มพรวดๆ พราดๆ ไปถึงระดับนับสิบๆ เปอร์เซ็นต์ ต้องถือว่าไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แม้ว่าจำนวนเปอร์เซ็นต์ของผู้ไม่สนับสนุน หรือผู้ด่าเช้า ด่าเย็น ด่าได้ทุกเรื่องถ้าลองขึ้นชื่อว่า บิ๊กตู่ ซะอย่าง จะลดน้อยถอยลงไม่ถึงกับมากนัก คือจาก 26.6 เปอร์เซ็นต์ ลงมาอยู่ที่ 22.0 เปอร์เซ็นต์ หรือลดลงมาประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ต้องถือเป็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์-ความรู้สึก ที่มี นัยสำคัญ อยู่พอสมควร...

                                    -------------------------------------------

                ทั้งนั้น ทั้งนี้...คงหนีไม่พ้นที่ต้องยกคุณงามความดี ยกคุณูปการทั้งพวง ไปให้กับท่านเชื้อไวรัส COVID-19 ท่านนั่นแหละ ที่มาได้ถูกจังหวะ มาได้ถูกช่อง ถูกร่อง เป็นอย่างยิ่ง อย่างที่ท่านหัวหน้าพรรค เสรีรวมไทย พลตำรวจเอก เสรีพิศุทธ์ แม้จะถือเป็นฝ่ายตรงข้าม ก็อดตัดพ้อ รำพึง รำพัน ขึ้นมาไม่ได้ว่า เหมือนจะเป็นโชคดี อะไรประมาณนั้น คือทั้งๆ ที่พวกเด็กๆ ใกล้ๆ จะลงถนนใกล้จะแฟลชแดนซ์ แฟลชม็อบ กันอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล แต่เจอเข้ากับท่านเชื้อไวรัส COVID-19 แค่ดอกเดียว ต่างหนีไม่พ้นต้องหันไปกะระยะห่างทางสังคม ต้องโซเชียล ดิสแทนซิง และฟิซซิเคิล ดิสแทนซิง จนแทบไม่เหลือสภาพไปแล้วในทุกวันนี้...

                                      ----------------------------------------------

                และการที่ท่านไม่ถึงกับออกฤทธิ์ ออกเดช ออกอาละวาด แบบชนิดหนักหนา สาหัส แบบโหดเหี้ยม อำมหิต เหมือนอย่างที่ได้กระทำกับบ้านอื่น เมืองอื่น มากมายซักเท่าไหร่ ยังให้ความเกรงอก เกรงใจ ต่อความอ่อนน้อม ถ่อมตน ความเสียสละ ของบรรดา นักรบเสื้อขาว หรือบรรดาบุคลากรทางการแพทย์ของไทยๆ ทั้งหลาย ทั้งปวง เหล่านี้นี่เอง...ที่น่าจะเป็นตัวส่งผลให้คะแนนนิยมของ บิ๊กตู่ ออกอาการเด้งดึ๋ง เด้งดึ๋ง เปลี่ยนลักษณะเส้นกราฟจากที่เคยแบนราบแบบ L-shaved ให้กลายมาเป็น V-shaped เอาดื้อๆ!!! ใครที่ยังคิดร้าย หมายขวัญ ยังคิดจะด่าแล้ว ด่าอีก แบบไม่รู้หมู่-รู้จ่า เลยมีอันต้อง ตกม้าตาย หรือต้องเจอกับรายการ ทัวร์ลง จนอาจถึงขั้นต้องปิดเพจหนี ปิดพรรคหนี เอาเลยก็ไม่แน่...

                                   -------------------------------------------------

                แต่ก็นั่นแหละ...อะไรที่ เหมือนจะเป็นโชคดี ก็ใช่ว่าจะเป็นสิ่งยั่งยืน ถาวร ไปตลอดชั่วนิรันดรกาลก็หาไม่ โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับ ผลข้างเคียง หรือผลกระทบที่กำลังตามมา จากวิกฤติ COVID-19 ที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโลกอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ นั่นก็คือ ผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่อาจซับซ้อน ซ่อนเงื่อน เพื่อนทรยศ ซะยิ่งกว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า อันนี้นี่แหละ...จะสอบผ่าน-สอบไม่ผ่าน จะโชคดีได้ต่อไป หรือต้องออกไปทางโชคร้ายระดับซวยไม่เสร็จ ก็ขึ้นอยู่กับการจัดทัพ จัดขบวน รับมือกับผลข้างเคียง หรือผลกระทบที่กำลังตามมา ว่าจะเอาอยู่-เอาไม่อยู่ มากหรือน้อยขนาดไหน...

                                   -------------------------------------------------

                ซึ่งก็อย่างที่ท่านรองนายกฯ ป๋าดัน หรือ เฮียกวง-สมคิด ท่านได้มองเห็น หรือได้แสดงออกถึงความตระหนักเอาไว้แล้วนั่นแหละว่า สิ่งที่ถือเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ ในการรับมือกับผลข้างเคียง หรือผลกระทบดังกล่าว มันอาจไม่ได้เกี่ยวกับแง่มุมรายละเอียดในทางการเมือง หรือแม้แต่ทางเศรษฐกิจ มากมายซักเท่าไหร่ แต่น่าจะอยู่ที่รายละเอียดทางด้านอารมณ์-ความรู้สึก หรือขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกๆ กันว่า ความร่วมมือ-ร่วมใจ นั่นแหละเป็นด้านหลัก คือจะทำยังไง...ให้ฝ่ายนั้น ฝ่ายนี้ ฝ่ายมึง ฝ่ายกู ทำยังไงให้บรรดาปวงชนชาวไทยในทุกสถานะ ทุกระดับ ทุกชนชั้น ไม่ว่าเศรษฐี อภิมหาเศรษฐี ไพร่ อำมาตย์ ปุถุชนคนธรรมดาไปจนถึงยาจก วณิพก หันมา ร่วมมือ-ร่วมใจ ในการเผชิญหน้ากับผลกระทบในแต่ละรูป แต่ละแบบ ที่ล้วนแล้วแต่ไม่ได้ปรากฏอยู่ใน ตำราเศรษฐศาสตร์ ของสำนักไหน ต่อสำนักไหน ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                   ------------------------------------------------

                อันนี้นี่แหละ...ที่ถือเป็นการจัดทัพ จัดรูปขบวน ที่หันมาให้ความสำคัญอย่างเป็นพิเศษ ต้องหาทาง บริหารความรู้สึก ให้มันไปถึงจุดๆ นั้นให้จงได้ ไม่ว่าจะอาศัยสิ่งที่นอกเหนือไปจากการเมือง หรือเศรษฐกิจ อาศัยวัฒนธรรม ประเพณี ค่านิยมทางสังคม หรือแม้กระทั่งอาศัย ศาสนา เอาเลยก็ยังได้ เพราะภายใต้ระบบ ระเบียบ แบบแผน กลไกทางเศรษฐกิจ ที่แทบนึกภาพไม่ออกว่ามันจะถูกปรับ ถูกเปลี่ยน ไปในแนวไหน ไม่ว่าจะเป็นการค้า การลงทุน หรือแม้กระทั่งการเงิน การธนาคาร ฯลฯ ที่อาจหมุนเวียน เปลี่ยนผัน ไปในรูปหนึ่ง รูปใด ก็ย่อมได้ แม้แต่ ขั้วอำนาจ ของโลกในแต่ละขั้ว ก็อาจถูกปรับใหม่ เปลี่ยนใหม่ โดยปรากฏการณ์ต่างๆ เหล่านี้ มีแต่ต้องอาศัย เครือข่ายป้องกันทางสังคม ที่แข็งแกร่งเอามากๆ ถึงจะสามารถรับมือกับสิ่งที่กำลังเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นไปในรูปไหน แบบไหน ก็ตามที...

                                   -----------------------------------------------

                พูดง่ายๆ ก็คือ...ต้องหันมาหาทางสร้างความ รู้-รัก-สามัคคี ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละเป็นด้านหลัก ก่อนที่จะไปลงลึกในด้านรายละเอียดทางการเมืองหรือเศรษฐกิจ ประเภทไปมั่วกับ การบินไทย หรือต้องไปปวดเศียร เวียนเกล้ากับ พรรคประชารัฐ, พรรคประชาธิปัตย์ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรทำนองนั้น หันมาฟื้นฟู จิตวิญญาณทางสังคม ให้กลับมากระปรี้กระเปร่า กลับมากระฉับกระเฉงในเส้นทางแห่งคุณธรรม โอกาสที่จะเด้งๆ ดึ๋งๆ ต่อไปอีกยาว ภายใต้สภาพใหม่ๆ หรือภายใต้ ความปกติแบบใหม่ ย่อมน่าจะเป็นไปได้ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

                                   ------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Andy Warhol... “They always say time changes things, but you actually have to change them yourself.- มักพูดกันว่า...กาลเวลาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง แต่จริงๆ แล้ว คุณต้องเปลี่ยนทุกสิ่งด้วยตัวเอง...”

                                ------------------------------------------------- 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"