ชมไม่ลงจริงเลยนะ


เพิ่มเพื่อน    

 

ฝ่ายค้านเขาพูดถึงความสำเร็จของการต่อสู่กับโควิดของไทย ชมว่าประชาชนมีวินัยให้ความร่วมมือและพวกหมอละพยาบาลเก่ง แต่ก็ตำหนิรัฐบาลว่าจัดการไม่ได้เรื่อง เอาเรื่องการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมาตำหนิ เอาเรื่องการขาดแคลนหน้ากากในตอนต้นที่ประชาชนยังไม่รู้ว่าหน้ากากผ้าก็ใช้ได้มาตำหนิ เอาเรื่องการปิดกิจการบางอย่างมาตำหนิ เอาเรื่องการจัดการเยียวยาที่มีปัญหาในการคัดกรองมาตำหนิ มิหนำซ้ำยังเอาเรื่องการกู้เงินที่จะนำมาแก้ไขปัญหาต่างๆ มากล่าวหาอีกว่าเป็นเหมือนการเขียนเช็คเปล่า มีนัยว่ารัฐบาลอาจจะมีการโกงในการใช้งบประมาณที่นำมาใช้เพื่อการเยียวยา ทั้งๆ ที่การโกงเกิดขึ้นในระดับท้องถิ่นทางต่างจังหวัด และหลายพื้นที่ก็เป็นคนของฝ่ายค้าน แต่การสื่อสารที่ออกมานั้น เหมือนพยายามจะชี้นำให้ประชาชนเห็นว่ารัฐบาลมีการทุจริตจากการใช้งบประมาณแก้ไขปัญหาโควิด ทั้งๆ ที่ยังไม่มีเรื่องราวเชิงประจักษ์ใดๆ เกิดขึ้นเลย

ฝ่ายค้านเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินทั้งประเทศ ตั้งแต่ 1 พ.ค.นี้ ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่ารัฐบาลมีการประกาศใช้เพื่อให้สามารถสั่งการมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นได้ โดยให้เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี เพื่อความเด็ดขาดและความคล่องตัว และนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ใช้อำนาจนี้แบบเผด็จการ แต่มอบอำนาจนี้ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดไปจัดการตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ และผู้ว่าราชการแทบทุกจังหวัดก็สามารถใช้อำนาจที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล จนทำให้เราสามารถจัดการกับโควิดได้เป็นอย่างดี อาจจะพูดได้ว่าดีที่สุดในโลกด้วยซ้ำไป ตัวเลขและความจริงเชิงประจักษ์มีมากมาย ทำไมฝ่ายค้านมองไม่เห็น ทำไมฝ่ายค้านจึงคิดว่าการประกาศ พ.ร.ก.ดังกล่าวนี้ไม่เป็นประโยชน์ หรือไม่ใช่วิธีการที่ดีในการต่อสู่กับไวรัสโควิด

ฝ่ายค้านเรียกร้องให้มีเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ถกปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด เพื่อให้ ส.ส.นำเสียงของประชาชนมาสะท้อนเพื่อให้การแก้ไขปัญหาถูกทิศทาง เวลานี้นายกรัฐมนตรีฟังเสียงคุณหมอผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้กับไวรัสโควิด และฟังเสียงเศรษฐีผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นเวลานี้ และจะเกิดขึ้นตามมาหลังที่โรคระบาดจบลง เสียงทั้งสองกลุ่มที่นายกฯ ฟังอยู่นี้ น่าจะเป็นเสียงของผู้เชี่ยวชาญที่ทำให้ประเทศไทยเดินมาถูกทาง ทั้งด้านการต่อสู้กับไวรัสโควิดและด้านความพยายามในการกอบกู้ฟื้นฟูเศรษฐกิจที่เป็นปัญหากระทบไปทั่วโลก การฟังเสียงของ ส.ส.ฝ่ายค้าน (หรือฝ่ายแค้น) ที่อ้างว่าเป็นเสียงของประชาชนนั้น อยากจะรู้จังว่าเป็นเสียงของประชาชนจริงๆ หรือเสียงของฝ่ายค้านที่ชมรัฐบาลไม่ลง และยังคงต้องการเรื่องมาแซะ แขวะ ด่ารัฐบาลมาโดยตลอด ถามจริงๆ นะ ว่าเสียงของคุณหมอผู้เชี่ยวชาญกับเสียงของเศรษฐีที่มีความชำนาญทางด้านเศรษฐกิจนั้น เมื่อเทียบกับเสียงของ ส.ส. ไม่ว่าจะเป็นเสียงที่มาจากประชาชน หรือจะมาจากเสียงของประชาชน รัฐบาลควรจะฟังเสียงไหน จึงจะแก้ไขปัญหาได้ถูกทาง ลองถามประชาชนทุกๆ กลุ่ม ทั้งที่เป็นติ่งของฝ่ายค้าน และที่อยู่ตรงกันข้ามกับฝ่ายค้านดูเลย ว่าเขาอยากให้รัฐบาลฟังใคร

ฝ่ายค้านต้องการให้มีการถกแนวทางในการแก้ไขปัญหาโควิด เหมือนพยายามจะบอกว่าเวลานี้ที่รัฐบาลทำอยู่นั้นยังไม่ถูกทาง ต้องฟังเสียงของพวกเขาจึงจะทำได้ดีกว่านี้ อยากจะรู้จัง คนที่เชื่อแบบที่ฝ่ายค้านพูดนั้นมีจำนวนสักเท่าไรกัน เขาอ้างว่าทุกวันนี้รอช้าไม่ได้ เพราะมีคนฆ่าตัวตายทุกวัน และยังบอกอีกว่าถ้าเขาไม่เดือดร้อนจริงๆ ก็คงไม่ต้องฆ่าตัวตายขนาดนี้ ทั้งๆ ที่ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์ก็คือคนที่ฆ่าตัวตายไม่ได้มีสาเหตุมาจากความเดือดร้อนที่ได้รับเพราะการบริหารการต่อสู้กับโควิดที่ผิดพลาดของรัฐบาล แต่ฝ่ายค้านก็พยายามที่จะสื่อให้ประชาชนเชื่อเช่นนั้น จะได้มองว่ารัฐบาล “เฮงซวย”

ในขณะที่รัฐบาลพยายามเยียวยาคนที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิด โดยจะต้องมีการคัดกรองเพื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อนเพราะผลกระทบจากไวรัสโควิดจริงๆ และไม่ให้มีการซ้ำซ้อนการได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ ฝ่ายค้านก็กล่าวหาว่า "ฝนตกไม่ทั่วฟ้า" ทั้งๆ ที่ฝ่ายค้านน่าจะเข้าใจดี ว่าการใช้เงินหลวงนั้นจะต้องทำให้ถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย และจะต้องมีหลักการและเหตุผลที่ชัดเจน ถูกต้องตามข้อกำหนดของกฎหมาย แล้วจะให้ “ฝนตกทั่วฟ้า” ได้อย่างไร ก็มีอดีต ส.ส.ฝ่ายค้านไม่ใช่หรือที่ออกมาประกาศว่าจะแจกเงิน 3,000 บาทให้กับทุกคน โดยไม่ต้องบอกอาชีพหรือความยากจนใดๆ เสร็จแล้วก็ทำไม่ได้ ทั้งๆ ที่เงินที่เอามาแจกนั้น ไม่ใช่งบประมาณของแผ่นดิน เป็นเงินบริจาคที่สามารถทำอะไรได้คล่องตัวกว่าการใช้งบประมาณของแผ่นดิน แต่ก็ไม่อาจจะทำได้

จริงอยู่ในตอนต้น รัฐบาลประเมินจำนวนคนที่ได้รับผลกระทบต่ำเกินไป ทำให้การจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาประชาชน 5 พันบาท เริ่มต้นด้วยจำนวน 3 ล้านคน แต่ต่อมาก็ขยายจนมากกว่า 14 ล้านคน และยังมีมาตรการจากประกันสังคมและเกษตรกร ทำให้ประชาชนที่ได้รับการเยียวยานั้นมากกว่า 30 ล้านคน โดยที่เจ้าหน้าที่ของรัฐทั้งข้าราชการประจำและข้าราชการการเมืองต่างก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจกันอย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือประชาชน มีทั้งการทบทวนสิทธิ์และการพิทักษ์สิทธิ์ ส่วนคนที่ไม่ได้รับนั้น ก็มีเหตุผลประกอบอย่างชัดเจนว่าไม่ได้เพราะอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะนิ่งนอนใจให้ทุกอย่างจบสิ้นลงง่ายๆ ยังคงหาทางที่จะช่วยเหลือประชาชนตามแนวความคิดที่ว่า “เราไม่ทิ้งกัน” รัฐบาลและข้าราชการประจำที่ทำหน้าที่ตามมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ทำกันขนาดนี้แล้ว ฝ่ายค้านก็ยังชมไม่ลง ซึ่งก็เป็นที่เข้าใจได้ เป็นฝ่ายค้านจะให้ชมรัฐบาลได้อย่างไร ถ้าไม่ชมอย่างน้อยที่สุดก็ไม่ควรจะด่าด้วย “ข้อความที่เป็นเท็จ” หรือด้วยความคิดเห็นที่มาจากตรรกะที่บิดเบี้ยว เพราะมันทำให้คนมองฝ่ายค้านว่าไม่มีคุณภาพ

ฝ่ายค้านเรียกร้องว่าการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐต้องสะท้อนยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรงจุด ที่รัฐบาลทำอยู่ในตอนนี้ ก็น่าจะเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่นายกรัฐมนตรีได้รับคำแนะนำทั้งจากบุคลากรทางการแพทย์ และเศรษฐีผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจนะ ถ้าไม่อยากขยายขี้เท่อให้คนเห็น แม้นชมรัฐบาลไม่ลง หยุดแซะ แขวะ ด่า และอย่าประเมินว่ารัฐบาลแก้ปัญหาโรคระบาดไวรัวโควิดผิดพลาดเลยนะคะ.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"