ฝ่ายค้านจัดเต็มเลย บิ๊กตู่ให้อภิปรายร่างกม.5ฉบับเต็มที่/เพื่อไทยลั่นผ่านปุ๊บแก้ทันที


เพิ่มเพื่อน    


    นายกฯ-16 รมต.เตรียมข้อมูลร่างกฎหมาย 5 ฉบับชี้แจงสภา ให้ความกระจ่างการใช้เงินกู้  เผย "บิ๊กตู่" เปิดให้อภิปรายเต็มที่พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ "พปชร." เชิญคลัง-สำนักงบฯ ติวเข้ม ส.ส.แบ่งทีมอภิปรายรับมือฝ่ายค้าน มั่นใจเงินกู้ไม่รั่วไหลโปร่งใส 100% เพราะมี กก.กลั่นกรอง "เพื่อไทย"  กังขาเงินกู้ 1.9 ล้านล้านจะถึงมือประชาชนหรือไม่อย่างไร ลั่นหลัง พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับผ่านสภาเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.ทันที เพิ่มเนื้อหาให้ถูกตรวจสอบได้ ดัน ส.ส.นั่งในบอร์ดอนุมัติและรายงานสภาทุก 3 เดือน 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล 26 พฤษภาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ในวันที่ 27-31 พ.ค.นี้ สภาผู้แทนราษฎรจะมีการพิจารณาร่างกฎหมาย 5 ฉบับ คือ 1.พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ปัญหาเยียวยาจากโควิด-19 2.พ.ร.ก.การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่วิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 3.พ.ร.ก.รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ พ.ศ.2563  4.พ.ร.ก.ว่าด้วยการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2563 และ 5.ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ.2563
    "ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่จะเปิดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้มีการอภิปรายกันอย่างเต็มที่ โดยรัฐบาลรู้สึกดีใจที่จะได้รับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ จาก ส.ส.ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ซึ่งรัฐมนตรีที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการใช้งบประมาณและกฎหมายทั้ง 5 ฉบับ ปัจจุบันมีจำนวน 16 ท่าน รวมนายกรัฐมนตรีเป็น 17 ท่าน ยังได้เตรียมให้ข้อมูลเพื่อให้ความกระจ่างแก่ฝ่ายนิติบัญญัติและประชาชนที่จะได้ติดตามการอภิปรายในครั้งนี้"
    น.ส.รัชดากล่าวอีกว่า กรมประชาสัมพันธ์ได้เตรียมความพร้อมเพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับกฎหมายทั้ง 5 ฉบับนี้ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับการเงินว่ารัฐบาลจะนำไปใช้อย่างไรบ้าง  เพราะเราอยากให้ประชาชนได้รับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ จากผู้แทนราษฎรด้วย โดยกรมประชาสัมพันธ์ได้จัดเวลาในการนี้โดยเฉพาะ ผ่านการยกประเด็นและข้อมูลสำคัญของทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านมานำเสนอให้ประชาชนรับทราบ
    ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แห่งใหม่ ย่านรัชดาฯ ตรงข้ามศาลอาญา มีการประชุม ส.ส.พรรคครั้งแรก หลังเปิดประชุมสภาสมัยสามัญประจำปี ครั้งที่ 1 เพื่อเตรียมความพร้อมในการพิจารณา  พ.ร.ก.กู้เงิน จำนวน 3 ฉบับ โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม   โดยมีเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้เงิน มี ส.ส.และสมาชิกพรรคเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง
    โดยนายวิรัชได้ชี้แจงถึงกรอบเวลาในการอภิปรายว่า การประชุมทั้งหมด 5 วัน รวม 48 ชั่วโมง แบ่งเป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลฝั่งละ 24 ชั่วโมง โดยในส่วนของรัฐบาลแบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี 11   ชั่วโมง ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 11 ชั่วโมง ส่วน 2 ชั่วโมงให้เป็นการชี้แจงประเด็นที่ฝ่ายค้านสงสัย   
พปชร.มั่นใจเงินกู้ไม่รั่วไหล
    นายสันติ​ พร้อมพัฒน์​ รมช.การคลัง​และกรรมการบริหารพรรค​ พปชร. ​กล่าวว่า​ มีการเชิญเจ้าหน้าที่จากกระทรวงการคลัง​ เจ้าหน้าที่สำนักงบประมาณ​มาให้ความรู้แก่ ​ส.ส.ของพรรคถึงวาระสำคัญของ​ พ.ร.ก.ฉบับดังกล่าว ​เพื่อให้สามารถนำไปอภิปรายในสภาและอธิบายประชาชนได้ว่า มาตรการเยียวยาประชาชนต่างๆ เป็นอย่างไร​ นอกจากนี้​ยังมีการซักซ้อมทำความเข้าใจและแบ่งทีมอภิปราย คิดว่า ​พ.ร.ก.ดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในภาวะวิกฤติเช่นนี้ 
    "เชื่อว่า ส.ส.ของฝ่ายค้านเองซึ่งเป็นผู้แทนราษฎรเข้าใจว่า พ.ร.ก.ดังกล่าวจำเป็นในการแก้ปัญหาอย่างไร​ และยังมั่นใจว่าฝ่ายค้านจะให้ความร่วมมือฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้​ ส่วนที่บางฝ่ายกังวลว่าจะมีการรั่วไหลของงบประมาณนั้น ในส่วนของการเยียวยา 5,000 บาท มีการโอนเข้าบัญชีของประชาชนโดยตรง  กระทรวงการคลังดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดแตะต้องเงินในส่วนนี้ ขณะที่งบประมาณในส่วนโครงสร้างพื้นฐานที่จะลงไปในพื้นที่ต่างๆ นั้น ต้องมีรายละเอียดตรวจสอบได้ โดยเรามีคณะกรรมการกลั่นกรอง มั่นใจโปร่งใสและตรวจสอบได้ 100%" นายสันติกล่าว
    ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวมีกลุ่ม ส.ส.ของ พปชร.บางส่วนในปีกของ ร.อ.ธรรมนัส เดินทางไปร่วมประชุมรับฟังการติวข้อมูล พ.ร.ก.เงินกู้ 3 ฉบับ ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เพื่อเตรียมรับมือการอภิปราย จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการแสดงพลังของ ส.ส.ที่สนับสนุนกลุ่มนายอุตตม สาวนายน รมว.การคลังและหัวหน้าพรรค พปชร.ว่า เป็นเพียงการไปขอข้อมูลและรับฟังข้อมูลเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้เงิน 3 ฉบับที่กำลังจะเข้าสภา เพราะ ส.ส.ทุกคนมีความตั้งใจอยากสร้างมาตรฐานให้การอภิปรายในสภามีสาระและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเรื่องข้อมูลรายละเอียดซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก นอกจากเพื่อนำข้อมูลไปอภิปรายในสภาแล้ว ยังมีภารกิจต้องนำข้อมูลไปสื่อสารให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับทราบ ยิ่งเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ประชาชนย่อมต้องการทราบข้อมูลว่ารัฐบาลเตรียมช่วยเหลืออย่างไรผ่าน พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับนี้ การเข้าหารือครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับการแสดงพลังในเรื่องการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น 
    ที่พรรคเพื่อไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา, นายวัฒนา เมืองสุข, นายโภคิน พลกุล คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวหลังประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์ถึงความพร้อมการอภิปราย พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับ วงเงิน 1.9 ล้านล้านบาท โดยนายโภคินกล่าวว่า พรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการดำเนินการเยียวยาประชาชนและเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่การดำเนินการของรัฐบาลจะต้องเป็นไปอย่างจริงใจ ไม่มีนัยใดๆ แอบแฝง โดยเฉพาะการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) เพื่อควบคุมการทำกิจกรรมของประชาชน จะต้องไม่มีนัยทางการเมือง พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการตรวจสอบรัฐบาลเต็มที่ในเรื่องนี้ เริ่มตั้งแต่ในแง่ของวิสัยทัศน์ของรัฐบาล จะเห็นได้ว่ารัฐบาลขาดการรับฟังผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องหลายด้าน 
    "โดยเฉพาะการให้สภาความมั่นคงแห่งชาติพิจารณาการขยายพระราชกำหนด แทนที่ควรจะนำเรื่องมาหารือกันในสภา ซึ่งมีวิสัยทัศน์แบบอำนาจนิยม ในด้านการบริหารและการทำงาน แม้รัฐบาลจะพยายามนำระบบดิจิทัลมาใช้ แต่จะเห็นได้ว่าไม่สามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการจะนำระบบดิจิทัลมาบริหารประเทศได้นั้น ประเทศต้องมีประชาธิปไตยและขจัดอุปสรรคทางกฎหมายออกไป แต่ความเป็นจริงยังไม่มีการดำเนินการให้เป็นเช่นนั้น จนทำให้คนรากหญ้าและผู้ประกอบการระดับกลางดำเนินชีวิตด้วยความยากลำบาก"
ชงร่าง พรบ.แก้ไข พรก. 3 ฉบับ
    นายโภคินกล่าวว่า สำหรับการอภิปรายของพรรคเพื่อไทยในการประชุมสภาระหว่างวันที่ 27-31  พ.ค.จะนำเสนอให้เห็นถึงปัญหาของรัฐบาลตั้งแต่ก่อนเกิดการระบาดหนักของโควิด-19 จนเกิดการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ พรรคเพื่อไทยกังวลต่อการบริหารจัดการเงินกู้จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ว่าเงินเหล่านี้จะถึงมือของประชาชนหรือไม่อย่างไร
    นายวัฒนากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยห่วงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย มีการคาดการณ์เศรษฐกิจไทยจะติดลบ 5.3-6.7% การส่งออกติดลบ การบริโภคภายใน การลงทุนจะหดตัว และเมื่อคนไม่มีเงิน  กำลังซื้อหดตัวลงมาก คำถามที่ต้องถามคือจะเอากำลังซื้อจากไหน รัฐบาลจะดูแลคนตกงาน 7-10 ล้านคนอย่างไร ซึ่งรัฐบาลยังไม่มีแผนงานเลย เศรษฐกิจไทยเวลานี้ยืนอยู่ได้เพราะการลงทุนภาครัฐที่มาจากเงินกู้เป็นหลัก ดังนั้นรัฐบาลต้องสร้างความชัดเจนและสร้างความเชื่อมั่น เพื่อให้ประชาชนคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรกับประชาชนบ้าง การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉินไปเรื่อยๆ โดยไม่มีความชัดเจนว่าจะบังคับใช้ไปอีกนานแค่ไหน จะทำให้เศรษฐกิจของประชาชนเดินหน้าต่อไปไม่ได้
    นายพงศ์เทพกล่าวว่า สาระสำคัญของ พ.ร.ก.กู้เงินมีความบกพร่องหลายประการ เช่น การควบคุมการใช้เงินที่มีความหละหลวม และเงื่อนไขของกฎหมายทำให้เอสเอ็มอีที่เข้าถึงเงินกู้นี้ได้เพียงประมาณแสนราย จากเอสเอ็มอีที่มีทั้งหมดประมาณ 3 ล้านราย ด้วยเหตุนี้ภายหลังสภาเห็นชอบกับ พ.ร.ก.กู้เงินทั้ง 3 ฉบับเมื่อไหร่ พรรคเพื่อไทยจะเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.ทั้งสามฉบับทันที เพื่อให้เนื้อหาสาระสำคัญที่สามารถช่วยเหลือประชาชนและตรวจสอบการใช้เงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยรายละเอียดที่จะมีการแก้ไขนั้น มีทั้งในส่วนคณะกรรมการกลั่นกรองที่นายกฯ ตั้งขึ้น ควรต้องเพิ่มสัดส่วนจาก ส.ส.เข้าไป และควรต้องเพิ่มการรายงานเงินกู้จากเดิมปีละครั้ง ต้องรายงานให้ถี่ขึ้นเป็น 3 เดือนครั้ง.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"