การฝ่าข้ามปัญหาและอุปสรรคภายใน 150 วัน


เพิ่มเพื่อน    

 

        ถ้าจะว่ากันถึง เหตุปัจจัยภายใน ไม่ว่าภายใน 150 วัน หรืออีกซักกี่ร้อยวันนับจากนี้เป็นต้นไป ถึงเป็นอะไรที่ออกจะน่า หนักใจ อยู่ตามสมควร แต่คงไม่ถึงกับ หนักหนา สาหัส มากมายซักเท่าไหร่นัก เพราะโดยการผ่านร้อน ผ่านหนาว ผ่านประสบการณ์ที่หนักหนา สาหัส มานับเป็นทศวรรษๆ ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ก็ยังผ่านมาได้ แม้อาจต้องถลอกปอกเปิกเพียงใดก็ตามที...

                                     ----------------------------------------------

        อีกทั้งด้วย ความเป็นไทย ที่ยังคงไม่ถึงกับสูญสลาย หายไป ซะทั้งหมด เผลอๆ อาจแข็งแกร่ง มั่นคง เกิดการยกระดับคุณภาพขึ้นมาในหมู่ผู้คนบางกลุ่ม บางก้อน การยึดมั่นในคุณธรรม ศีลธรรม รวมทั้งขันติธรรม น่าจะช่วยผ่อนแรง เบาแรง ในการเผชิญกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆ นานา มากบ้าง น้อยบ้าง ไปตามสภาพ และก็ด้วยเหตุเพราะ ความเป็นไทย ในแบบที่ว่านี้นี่แหละ ที่ทำให้ประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม เลยกลายเป็นประเทศที่อยู่นอกเหนือไปจาก ทฤษฎีโดมิโน ขณะที่ประเทศรอบๆ บ้านต้องพลิกฟ้า-คว่ำดิน พลิกหน้ามือเป็นหลังตีน กันไปเป็นแถบๆ...

                                      ------------------------------------------

        นอกเหนือไปจากนั้น...บรรดาผู้ที่อยากพลิกโน่น พลิกนี่ หลังๆ นี้น่าจะหมดเรี่ยว หมดแรง กันไปมิใช่น้อย หลังออกเรี่ยว ออกแรง ต่อเนื่อง ยาวนาน มานับเป็นทศวรรษๆ แต่สุดท้าย...ก็ต้องย้ายแยก แตกกระจาย แตกกระฉานซ่านเซ็น กันไปเป็นแถบๆ แม้พยายามรวมศูนย์ รวมพลัง ในรูปแบบ รูปหนึ่ง รูปใดก็ตาม แต่ยังอดไม่ได้ที่จะต้องหันมากัดกันเอง ทะเลาะกันเอง จนหา ศูนย์ หา ธง ใดๆ แทบไม่ได้ ไม่ว่าจะในแง่แนวทาง ทฤษฎี หรือแม้แต่โดย บารมี ของปัจเจกบุคคลก็ตาม...

                                     ----------------------------------------------

        ส่วนในแง่ พรรคการเมือง นั้น...แทบไม่ต้องไปพูดถึง ไม่ว่าจะพรรคเก่า พรรคใหม่ก็แล้วแต่ แต่ลองขึ้นชื่อว่า พรรคการเมือง แล้ว ออกจะเป็นอะไรที่น่าเบื่อ น่ารำคาญ น่าเหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า ซะเหลือเกิน สำหรับการพายจ้ำ พายงัด อยู่ในอ่างการเมือง ตามระบอบประชาธิปไตยที่ปาเข้าไปร่วมๆ ศตวรรษก็แล้ว ก็ยังไม่คิดไปไหนซักกะที ต้องวนไป-วนมา อยู่ภายใน วงจรอุบาทว์ หรือภายใต้วงจร วัฏจักร แห่งการรัฐประหาร การเขียนรัฐธรรมนูญ การเลือกตั้ง ก่อนที่จะสะดุดหัวแม่ตีนเอง จนต้องกลับไปรัฐประหารกันอีก ชนิดเที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า...

                                     -----------------------------------------------

        ด้วยเหตุนี้...แม้จะมีปัญหาและอุปสรรค ที่น่า หนักใจ มิใช่น้อย ภายในอนาคตเบื้องหน้า ไม่ว่าเรื่องปาก เรื่องท้อง ความหิว ความโหย ความเดือดร้อน ของผู้คนพลเมือง แต่ตราบใดที่โดยภูมิรัฐศาสตร์ หรือโดยพระบารมีของ พระสยามเทวาธิราช ก็แล้วแต่ ยังพอช่วยๆ ไม่ให้ถึงกับต้อง อดตาย กันต่อหน้า ต่อตา ไม่ต้องแห่ไปทวงขนมปังจากพระนาง มารีแอ็ด (มารีย์ อองตัวเน็ต) อย่างประเทศฝรั่งเศสเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็น่าจะพอ อยู่ๆ กันไปได้ อีกทั้งด้วย ความเป็นไทย ในลักษณะที่ว่า ก็ยังเป็นตัวช่วยให้แรงเสียดสี เสียดทาน มันไม่ถึงกับหนักหน่วง รุนแรง เกินไปนัก หรือไม่ถึงกับต้องระเบิด ต้องทำลาย คุกบาสตีย์ เพราะ ขันติธรรม อันเป็นพื้นฐานของคุณธรรมทั้งหลาย ยังคงดำรงอยู่ในความเป็นไทยนั่นเอง...

                                    -----------------------------------------------

        แต่สิ่งที่ควรต้องระมัดระวังให้มากเข้าไว้นับจากนี้...ก็น่าจะเป็น เหตุปัจจัยภายนอก นั่นแหละ ที่ออกจะ เอาเรื่อง อยู่พอสมควร ไม่ใช่แต่เฉพาะ ปัญหาสุขภาพ อันเนื่องมาจากโรคระบาดที่แพร่กระจายออกไปทั่วทั้งโลก หรือ ปัญหาเศรษฐกิจ ที่กำลังตามมาติดๆ ในระดับทั่วทั้งโลกอีกเช่นกัน แต่ยังมี ปัญหาการเมือง ในระดับโลก ที่กำลังถึงขั้นใกล้จะชี้ขาด ชี้เป็น ชี้ตาย ว่าโลกในอนาคตจะเป็นไปในทิศทางไหนกันแน่ อันทำให้ต้องเกิดการ เลือกข้าง หรือ เลือกฝ่าย ชนิดแทบไม่เหลือ พื้นที่เป็นกลาง ใดๆ ต่อไปอีกแล้ว และไม่ว่าจะเลือกไปในข้างไหน ฝ่ายใด ก็ตาม ย่อมก่อให้เกิด ผลเสีย และ ผลได้ ที่จะกลายมาเป็นปัญหาและอุปสรรค ต่อประเทศทั้งประเทศได้เสมอ...

                                     -----------------------------------------------

        อันนี้นี่แหละ...ที่ออกจะน่า หนักหนา สาหัส อย่างเป็นพิเศษ โดยเฉพาะถ้าหาก เหตุปัจจัยภายนอก มันดันมามีปฏิสัมพัทธ์ ปฏิสัมพันธ์กับ เหตุปัจจัยภายใน อย่างชนิดกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกันไปจนได้ เพราะมันอาจส่งผลให้อะไรก็ตามที่เพียงแค่น่า หนักใจ อาจถูกยกระดับไปถึงขั้น หนักหนา สาหัส ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะลักษณะอาการเช่นนี้ มันก็พอมี ตัวอย่าง หรือแบบอย่าง แสดงให้เห็นอยู่บ้างแล้ว ในหลายต่อหลายประเทศ ไม่ว่าในซีเรีย อิรัก อิหร่าน เวเนซุเอลา ฯลฯ ไปยันถึงเกาะเล็กๆ อย่างเกาะฮ่องกง ที่ยังคงมีเรื่อง มีราว เกิดเรื่อง เกิดราว ระดับ หนักหนา สาหัส จนตราบเท่าทุกวันนี้...

                                    -----------------------------------------------

        และด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้การเรียกหา เพรียกหา ความ รู้-รัก-สามัคคี จึงเป็นสิ่งจำเป็น และเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ มากซะยิ่งกว่า กรรมวิธี ในการแก้ปัญหารายละเอียดในเรื่องโน้น เรื่องนี้ ที่ย่อมมีความผิดแผก แตกต่าง กันไปตามสภาพ การหาทางหลอมรวมความแตกต่างในแต่ละเรื่อง แต่ละกรณี ให้กลายมาเป็น ความร่วมมือ-ร่วมใจ ของผู้คนในทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับ ทุกชนชั้น ตั้งแต่เศรษฐี อภิมหาเศรษฐี ไปยันถึงยาจก วณิพก ปุถุชนคนธรรมดา ไพร่และอำมาตย์ ฯลฯ จึงอาจถือเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นไปของโลก และของประเทศ อย่างมิอาจปฏิเสธได้ และมีแต่ทิศทาง แนวทาง เช่นนี้เท่านั้น ที่สามารถช่วยให้ประเทศไทย สังคมไทย ฝ่าฟันปัญหาและอุปสรรค ไม่ว่าภายใน 150 วัน หรือกี่ร้อยวันก็แล้วแต่ ไปได้ด้วยดี...

                                  ----------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Dionysius of Halicarnassus... “There is nothing unhappier than a civil war, for the conquered are destroyed by, and the conquerors destroy their friends. – ไม่มีสิ่งใดที่จะไร้ความสุขยิ่งไปกว่าสงครามกลางเมือง ด้วยเหตุที่ผู้แพ้ต้องถูกเพื่อนทำลาย และผู้ชนะก็ต้องทำลายเพื่อนของเขาเอง...”

                         -------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"