ออกมาร่ำไห้แบบไม่อายกันเลยทีเดียว สำหรับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวสุดสตรอง “แอนนี่ บรู๊ค” ที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเจ้าตัวโพสต์คลิปร้องไห้ระบายความในใจ หลังลงทุนเพิ่มน้ำหนักให้ตัวเองอ้วนเพื่อถ่ายโฆษณาชิ้นหนึ่ง แลกกับเงิน 40,000 บาท แต่สุดท้ายกลับโดนยกเลิกในวันที่ถึงคิวนัดถ่าย ล่าสุดคุณแม่ยังสาวควงลูกชายน้องฑีฆายุ มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บSHOW ถึงประเด็นดราม่าดังกล่าว

          “คลิปที่ลงไปเมื่อวันเสาร์ คือในช่วงนี้ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิดทุกคนเหนื่อยกันหมด พอวันหนึ่งใครสามารถทำมาหากินอะไรได้ทุกคนทำหมด แล้วพอมีงานเข้ามาช่วงนั้นปลายมกราคม เขาบอกว่ามาถ่ายแบบสาวไซส์ L ให้หน่อย ติดต่อปั๊บจะถ่ายเลย แล้วแอนบอกว่าหนูยังไม่ถึงไซส์ L หนูไซส์ S ในโลกนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่อยากอ้วน แต่งานมันหายากมาก อะไรก็ได้แหละเอาหมด เขาก็บอกว่าจำนวนเงินเท่านี้นะ เราก็เอา เพื่อนบอกถูกไปไหม การเอาขึ้นมันไม่ยากหรอก แต่การเอาออกนี่สิต้องลดกี่เดือน

          คืออยากได้เงิน อยากให้มันออกมาแล้วเจ้าของแบรนด์เขาพอใจ แล้วได้ไซส์อย่างที่เขาต้องการ แล้วทีนี้พอเราทำไซส์ไปถึงแล้ว ก่อนที่จะไปทำงานดิฉันก็ไปลิฟหน้าไปโบตรงนี้ทำตรงนั้น เพื่อที่เวลาไปทำงานแล้วลูกค้าเห็นหน้าเราแต่งหน้าเราถ่ายหน้าเราจะได้ไม่ต้องรีทัชมาก แต่หุ่นเอาไปให้เต็มๆ แต่หน้าเนี่ยต้องสวย ในความคิดของแอนนะ

          ตอนแรกที่นัดกันกุมภาพันธ์แล้วเขาบอกว่าประมาณมีนาคม-เมษายน จะถ่าย โหมีนาคมนี่อัดอย่างเต็มเลย แล้วเขาก็เลื่อนมา มันติด พรก. โอเคไม่เป็นไร จนถึงปลายพฤษภาคมเจ้าของงานก็โทร.มาหาผู้จัดการส่วนตัว เขาบอกว่าเริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น ถามว่าแอนได้รับเงินหรือยัง แอนก็บอกว่ายังไม่ได้รับเงินเลยค่ะ เขาก็บอกว่าพี่จ่ายไปตั้งนานแล้วทำไมเธอยังไม่ได้เงินอีก พี่จะนัดวันถ่ายแล้วนะ แต่ก่อนที่จะรับงาน เราก็ไม่ได้เซ็นสัญญาเพราะว่าเราเชื่อใจ รู้จักกันมานานแล้ว ตรงนี้แหละที่เราพลาด เงินเจ้าของบริษัทเขาให้มาแล้ว แต่ไม่ถึงมือเรา คือวันนั้นไม่เหลืออะไรแล้ว เหลือเงินอยู่ 400 บาท แล้วกะว่านี่จะเป็นเงินที่ไม่กี่วันก็ได้แล้ว ก็ร้องไห้ จิตมันก็ตก เพราะว่าอ้วนขนาดนี้ใครจะจ้างรีวิวสินค้า  ก็มีสินค้าหลายตัวที่เข้ามาต้องแคนเซิลไปเพราะว่าหนูอ้วน

 

 

          ตอนนั้นเราก็บอกให้เพื่อนโทร.หาเจ้าของสินค้าแล้วประชุม 3 สาย ต้องการฟังด้วยหูตัวเองว่ามันจริงหรือเปล่า เจ้าของเขาบอกเราที่แคนเซิลเพราะเขามีปัญหาว่าเขากลัวว่าวันที่ไปถ่ายเขาต้องเสียอะไรเพิ่มอีก ซึ่งจริงๆ แล้วเขาจ่ายมาหมดแล้ว จ่ายมาตั้งนานแล้วด้วย แล้วเขาส่งเอกสาร หลักฐานทุกอย่างมาให้แอนดู นี่นะว่าเขาคุยกับคนนี้ว่ายังไง เขาจ่ายเงินไปแล้ว ทุกอย่างมีรายละเอียดหมดเลย แอนก็ตกใจ เอาเงินไปตั้งนานแล้ว แล้วทำไมสักบาทหนึ่งก็ไม่ให้เราเลย พอวันที่โพสต์คลิปไป โอเคแอนก็เข้าใจกับเจ้าของแล้ว แอนก็ไม่ได้โทษเขาแล้ว เขาบอกว่า เขาไม่รู้ว่าเขาจะฟ้องดีไหม ที่เขาบอกว่าเขาจำเป็นต้องแคนเซิล เพราะบริษัทเอเจนซี่นี้ไม่ทำอะไรให้เขาเลย รับเงินไปอย่างเดียว

          พอแอนโพสต์คลิปไป ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้จะสร้างกระแส แต่มันฟิวส์ขาด แล้วเริ่มมีนักข่าวเขียนข่าว เขาก็โอนเงินมาให้แอนหมื่นนึงแต่ไม่บอกแอน แต่เอาหลักฐานการโอนส่งให้เอสเพื่อนแอน แล้วก็วงกลมสัญญาเก่า ตอนแรกจะมีนายแบบ-นางแบบถ่ายอีก 4 คน แล้วลูกค้าบอกว่าอีก 3 คนนั้นไม่เอา เอาแอนนี่คนเดียว เสร็จแล้วสัญญามันจะมีสัญญาเก่าฉบับหนึ่งที่มี 4 คน ในราคา 4 หมื่น แล้วสัญญาฉบับใหม่ที่เพิ่งทำขึ้นมา มีแอนนี่ คนเดียวในราคา 4 หมื่น ซึ่งเอเจนซี่เขาไม่รู้ว่าลูกค้าได้ส่งหลักฐานมาให้แอนนี่แล้ว เขาไปเอาหลักฐานเก่าของมกราคม-กุมภาพันธ์ ที่เขารับเงินไปแล้วมาวงกลมว่าค่าตัวที่เขาให้แอนนี่หมื่นนึงต้องแบ่งทุกคน แอนนี่ก็เลยเอาหลักฐานส่งไปให้เขาดู เขาเงียบ แล้วเขาก็โทร.กลับมาบอกว่าเมื่อคืนหลับแล้ว เรารู้ว่าไม่ใช่หรอก เพราะส่งไปคือตอนเย็น ไม่มีใครมานั่งหลับตอนเย็น

          แล้วมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เราเอาจานบ้านเราไปขอข้าวบ้านข้างๆ เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง เรามีเงินก้อนหนึ่งประมาณ 2 หมื่น แล้วพอรัฐบาลประกาศ ช่วงชลมุนที่คนต้องตุนของเราก็เอาเงินไปตุนของ แล้วของก็แพงขึ้น ตุนกะว่าให้อยู่ได้ประมาณ 2-3 เดือน แล้วเดือนที่แล้วทุกอย่างมันหมด แล้ววันนั้นเราจะออกไปข้างนอกไปหาที่ขายของ แล้วเรากลับมาใกล้ 5 ทุ่ม จะแวะเซเว่นก็ปิดแล้ว เข้าบ้านแล้วลืมไปว่ามันไม่เหลืออะไรแล้ว นอกจากน้ำ ก็ถือชามใบหนึ่งเดินออกไปหาคุณป้าบ้านข้างๆซึ่งสนิทกัน ก็เคาะประตูถามว่าป้ามีข้าวไหม ป้าก็รีบไปเอาข้าวไปต้มไข่มาให้กิน ไปหอบของมาให้ แล้วป้าบอกว่าภาพนี้ป้าจะจำไปจนวันตายเลย คือมาแบบสภาพเหนื่อย เพราะฝนตกด้วยวันนั้น คือสุดแล้วค่ะ”