15มิ.ย.เลิกเคอร์ฟิว คงพรก.ฉุกเฉิน/บิ๊กตู่ชี้คลายล็อกเฟส4สร้างรายได้


เพิ่มเพื่อน    


    ศบค.ไฟเขียว 15 มิ.ย.เลิกเคอร์ฟิวคลายล็อกเฟส 4 อีเวนต์-คอนเสิร์ต-งานเลี้ยงจัดได้ สายดื่มนั่งดริงก์ที่ร้านได้ แต่ผับบาร์-โรงเบียร์-คาราโอเกะ-อาบอบนวดยังห้าม ให้แข่งขันกีฬาแบบไม่มีคนดู "บิ๊กตู่" เชื่อหลังผ่อนปรน ปชช.มีรายได้เพิ่มขึ้น ย้ำต้องเคร่งครัดมาตรการสาธารณสุข ยังไม่เคาะชดเชยสงกรานต์ จ่อคืนเดือนละวันบวกเพิ่มช่วงหยุดยาว 3 วัน เตรียมเปิดประเทศรับนักธุรกิจเที่ยวแบบเจาะจง กพท.ปลดล็อกสนามบินภูเก็ต 13 มิ.ย.
    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน เวลา 12.00 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทย มีผู้ป่วยรายใหม่ 4 ราย ทั้งหมดอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,129 ราย หายป่วยสะสม 2,987 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย 
    สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 4 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากประเทศอินเดีย เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ รายที่ 1 เป็นหญิงไทย อายุ 39 ปี อาชีพแม่บ้าน เดินทางถึงประเทศไทย 4 มิ.ย. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี 9 มิ.ย. ตรวจพบเชื้อ รายที่ 2-4 เป็นชายไทย อายุ 37 และอายุ 53 ปี อาชีพรับจ้าง และหญิงไทย อายุ 44 ปี อาชีพพนักงานนวด เดินทางถึงไทย 5 มิ.ย. เข้าพักสถานที่กักตัวของรัฐที่ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อ 10 มิ.ย. แต่ไม่มีอาการ ทำให้ขณะนี้ไม่มีการแพร่ระบาดภายในประเทศติดต่อกันเป็นเวลา 18 วัน แต่เราการ์ดต้องไม่ตก เพราะนักวิชาการบางคนบอกว่าต้องไม่มีการแพร่ระบาดติดต่อกันถึง 28 วัน แม้เราปลอดภัย แต่สถานการณ์โลกยังติดเชื้อเป็นจำนวนมาก จึงยังน่ากังวลอยู่ สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 7,596,987 ราย และเสียชีวิต 423,844 ราย
    ทั้งนี้ ในที่ประชุมใหญ่ ศบค. นายกรัฐมนตรีขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทำงานหนัก จนตัวเลขเป็นศูนย์ติดต่อกัน 18 วัน ถือเป็นความสำเร็จของประเทศไทยที่มีการเผยแพร่เป็นตัวอย่างไปทั่วโลก แต่นายกฯ บอกว่าตอนนี้ยังไม่สามารถไว้วางใจในเรื่องของความเสี่ยงการแพร่ระบาดของโรคในระลอกสอง เพราะในเชิงวิชาการมีการพูดกัน รวมถึงกิจกรรมและกิจการที่มีความเสี่ยงสูงก็เริ่มมีการผ่อนคลาย สิ่งที่ต้องทำโดยเร็วคือ การวิจัยยาและวัคซีน ซึ่งเราจะร่วมมือกับต่างประเทศในการดำเนินการ เพื่อดูแลคนของเราให้ดีที่สุด    
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ตัวแทนกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เสนอหลักการการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด โดยจะพิจารณาจากประเทศหรือเมืองที่ดูแลพื้นที่ภายในของตัวเองได้เป็นอย่างดี อาทิ จีน ฮ่องกง มาเก๊า เวียดนาม ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ลาว เมียนมา ตะวันออกกลางบางประเทศ ซึ่งการเดินทางระหว่างกันต้องเข้มงวด ต้องมีการประกันสุขภาพด้านสาธารณสุข และที่เป็นประเด็นที่ต้องพิจารณา คือ เมื่อให้เขาเข้ามาแล้วต้องกักตัวหรือไม่ เราจึงต้องทำให้มั่นใจที่สุด และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาต้องเป็นลักษณะนักท่องเที่ยวแบบเจาะจง เข้ามาแล้วเราควบคุมได้ เช่น การเข้ามาเพื่อเล่นกอล์ฟที่เข้ามาแล้วมีที่อยู่ชัดเจน และสามารถติดตามบุคคลที่เขาไปสัมผัสได้ รวมถึงอาจจะเป็นการจำกัดบางพื้นที่ บางแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
    สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่วางไว้เบื้องต้น คือ กลุ่มนักธุรกิจและกลุ่มที่เข้ามารับบริการตรวจรักษาทางการแพทย์ เพราะเป็นกลุ่มมีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงและติดตามตัวได้ ทั้งนี้ ผอ.ศบค.ได้เห็นชอบในหลักการ แต่ในส่วนของรายละเอียดให้มีตั้งคณะกรรมการชุดย่อย เพื่อดูมาตรการและวิธีการ ดำเนินมาตรการโดยเร็ว แม้วิธีการนี้จะทำให้เกิดรายได้ แต่ต้องควบคุมโรคด้วย
15 มิ.ย.เลิกเคอร์ฟิว    
    โฆษก ศบค.กล่าวว่า สำหรับมาตรการผ่อนคลายระยะที่ 4 ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย. โดยมีการยกเลิกห้ามออกนอกเคหสถาน แต่ยังคงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกประเทศทั้งทางบก น้ำและอากาศ ส่วนการผ่อนคลาย ได้แก่ 1.การผ่อนผันการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนหรือสถานศึกษานั้น การเรียนการสอนของโรงเรียนนานาชาติ หรือสถาบันการศึกษาหลักสูตรนานาชาติ โรงเรียนนอกระบบและโรงเรียนกวดวิชาสามารถดำเนินการได้ รวมถึงการเรียนการสอนของโรงเรียนในระบบที่มีนักเรียนไม่เกิน 120 คน รวมถึงโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ถ้ามีการจัดเตรียมได้เร็วสามารถเปิดได้ในสัปดาห์หน้า และการใช้อาคารสถานที่ของหน่วยงานราชการและหน่วยงานในกำกับของรัฐจัดอบรม สัมมนา หลักสูตรที่หน่วยงานนั้นจัดขึ้น
    2.กิจกรรมด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิต แบ่งเป็น 5 ส่วนคือ การจัดประชุม อบรม สัมมนา จัดนิทรรศการ งานพิธี จัดเลี้ยง แสดงดนตรี หรือการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโรงแรม โรงมหรสพ ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า หรือสถานที่อื่นๆ อนุญาตให้มีการดำเนินการ แต่กำหนดว่าต้องมีหลักเกณฑ์จัดพื้นที่ 4 ตารางเมตรต่อ 1 คน รวมถึงงานจัดเลี้ยง งานอีเวนต์ การเปิดตัวสินค้า การประกวด แข่งขันกีฬา ให้ยืน-นั่งห่างกัน 1 เมตร และงานดนตรี คอนเสิร์ต อนุญาตให้มีการดำเนินการ แต่ให้ใช้หลักเกณฑ์พื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อ 1 คน รวมถึงการบริโภคสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในภัตตาคาร สวนอาหาร โรงแรม และร้านอาหาร และสถานที่ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย และได้รับการผ่อนคลายก่อนหน้านี้ ยกเว้นในส่วนของสถานบริการ สถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ โรงเบียร์ ยังไม่อนุญาตให้ดำเนินการ    
    ส่วนสถานพัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เด็กก่อนวัยเรียน ศูนย์เด็กพิเศษ และสถานดูแลผู้สูงอายุรายวัน สถานที่ดูแล สถานที่พำนักอาศัยหรือสถานสงเคราะห์อื่นที่จัดสวัสดิการให้กับเด็กหรือผู้สูงอายุ อนุญาตให้ดำเนินการ แต่มีหลักเกณฑ์เด็กเล็กต้องมีพื้นที่ 2 ตารางเมตรต่อคน ผู้สูงวัยต้องฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ คัดกรองไข้ สำหรับศูนย์วิจัยเพื่อการศึกษาอุทยานวิทยาศาสตร์ ศูนย์วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรม เปิดให้บริการเป็นรอบ ในส่วนของกิจการถ่ายภาพยนตร์ วีดิทัศน์ และรายการโทรทัศน์ ทีมงานไม่เกิน 150 คน และผู้เข้าชมไม่เกิน 50 คน
    3.กิจกรรมด้านการออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพ และสันทนาการ ที่ได้รับการผ่อนคลายคือ การอบตัว อบสมุนไพร อบไอน้ำแบบรวมในสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ สปา หรือสถานประกอบการนวดแผนไทย แต่เน้นให้บริการแบบแยกห้องเดี่ยว หากเป็นห้องรวมให้ควบคุมผู้ใช้บริการ จำกัดจำนวนผู้ใช้บริการต่อรอบ คิดเกณฑ์ 5 ตารางเมตรต่อคน ยกเว้นในส่วนของสถานบริการกิจการอาบน้ำ สถานประกอบกิจการอาบอบนวดยังไม่อนุญาตให้เปิดดำเนินการ     
    ขณะที่การออกกำลังแบบกลุ่มในสวนสาธารณะ ลานกิจกรรม พื้นที่กิจกรรมสาธารณะหรือลานกีฬากลางแจ้ง จำกัดการรวมกลุ่มกำหนดพื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อคน และรวมกันไม่เกิน 50 คน สวนน้ำ สนามเด็กเล่น สวนสนุก ยกเว้นการใช้เครื่องเล่นในลักษณะติดตั้งชั่วคราวและมีพื้นที่สัมผัสมาก เช่น บ้านบอล บ้านลม ในส่วนของสวนน้ำ คิดหลักเกณฑ์ 4 ตารางเมตรต่อคน สนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย หรือลานกีฬาเพื่อการเรียนการสอนในทุกประเภทการกีฬา สามารถจัดการแข่งขันและถ่ายทอดการแข่งขันได้ แต่ต้องไม่มีผู้ชมอยู่ในสนามแข่งขัน และผู้จัดการแข่งขันต้องดำเนินการตามขั้นตอนที่ราชการกำหนด รวมถึงให้เปิดตู้เกม เครื่องเล่นหยอดเหรียญ ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย เฉพาะในห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า และศูนย์คอมมูนิตีมอลล์ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับการขนส่งข้ามจังหวัดนั้น เครื่องบินสามารถดำเนินการได้โดยให้มีผู้โดยสารเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะการเดินทางในประเทศใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง แต่ความเสี่ยงติดเชื้อต้องนั่งติดกันถึง 2 ชั่วโมง และต้องใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา ในส่วนของรถโดยสารนั้น ให้มีผู้โดยสาร 70 เปอร์เซ็นต์ ทุกมาตรการต้องยึดหลักการเฝ้าระวัง ป้องกันการแพร่ระบาด
เชื่อ ปชช.รายได้ดีขึ้น    
    ส่วนที่มีคำถามว่า การติดเชื้อภายในประเทศน้อยลงเรายังจำเป็นต้องลงทะเบียนในแอปพลิเคชันไทยชนะหรือไม่ ตอนนี้ไม่มีที่ใดในโลกปลอดภัย แม้ประเทศไทยจะแพร่เชื้อภายในเป็นศูนย์มา 18 วันแล้ว แต่ถ้าเราเปิดการเดินทางโอกาสเสี่ยงก็จะสูงขึ้น แอปพลิเคชันไทยชนะจึงยังมีความสำคัญ และนายกฯ เน้นย้ำให้ใช้ อีกทั้งวันนี้โทรศัพท์ระบบปฏิบัติการไอโอเอสสามารถดาวน์โหลดแอปดังกล่าวแล้วได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนอยากฝากวันนี้ คือ มาตรการควบคุมหลัก คือ อยู่ห่างไว้ ใส่แมสก์กัน หมั่นล้างมือ ถือหลักรักสะอาด ปราศจากแออัด และที่เพิ่มเข้ามาคือจัดไปไทยชนะ
    ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า วันนี้มีการผ่อนผันและผ่อนคลายมาตรการใน 25 กิจการ และประเทศไทย จากที่มีผู้ติดเชื้ออันดับ 2 ของผู้ที่ติดเชื้อมากที่สุดในโลก ถึงวันนี้อยู่ที่อันดับ 86 ของโลก เป็นผลจากการบริหารจัดการที่ดี การทำหน้าที่ได้ดีของบุคลากรทางการแพทย์ และด้วยความร่วมมือกับฝ่ายความมั่นคงและประชาชนทุกคน ทั้งนี้ไม่ได้มุ่งหมายที่จะบังคับใคร แต่บางครั้งจำเป็นต้องมีกฎหมายพิเศษออกมา ส่วนตัวทราบดีถึงความเดือดร้อนของประชาชน จึงทยอยผ่อนปรนมาตรการ
      “หากผ่อนคลายเร็วกว่านี้ สถานการณ์อาจไม่ใช่แบบนี้ ผมเห็นใจผู้มีรายได้น้อย และเชื่อว่าหลังจากวันที่ 15 มิถุนายนที่มีการผ่อนคลายแล้ว ก็จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพราะรัฐบาลไม่สามารถที่จะหาเงินมาดูแลประชาชนได้ตลอดไป ดังนั้น จึงต้องให้กิจการต่างๆ กลับมาเปิดทำกิจกรรมได้ตามปกติ แต่ต้องระมัดระวังด้านสาธารณสุข โดยรับฟังความเห็นที่มีคุณค่าจากบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข ขอขอบคุณทุกฝ่ายอีกครั้งที่ร่วมกันแก้ไขปัญหานี้” พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
    นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า​ ที่ประชุม ศบค.ยังไม่ได้ข้อสรุปวันหยุดชดเชยสงกรานต์ที่ผ่านมา จากเดิมที่จะให้หยุดติดต่อกัน 3 วันในเดือน ​ก.ค. จะพิจารณามาทยอยให้วันหยุดทีละวัน ให้ติดกับวันหยุดของแต่ละเดือนจนครบ 3 ครั้ง เพื่อไม่ให้หยุดยาวทีเดียวพร้อมกัน 6 วัน โดยยังมีเวลาถึงเดือน ธ.ค. เช่น หากเดือนหน้ามีวันหยุดยาว 3 วัน อาจจะพิจารณานำวันหยุดจากสงกรานต์มาบวกเพิ่มให้อีก 1 วัน รวม เป็น 4 วัน
    ทั้งนี้ ก่อนการประชุม ศบค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงการเปิดการบินระหว่างประเทศว่า เรื่องนี้ขอให้ใจเย็นๆ ขณะนี้มีความคิดที่จะให้มีการจับคู่เดินทางระหว่างประเทศ โดยจะไปดูประเทศที่มีมาตรฐานในการควบคุมกลุ่มโรคที่อยู่ระดับเดียวกัน หรือประเทศที่สามารถควบคุมการติดเชื้อได้ดี ลดการแพร่ระบาดไปได้มาก เป็นลักษณะทำความตกลงจับคู่กัน โดยประเทศทั้งสองฝ่ายจะต้องทำมาตรการในการคัดกรองผู้ที่จะเดินทางเข้าประเทศของตัวเอง ซึ่งวันเดียวกันนี้จะเสนอรูปแบบดังกล่าวให้ที่ประชุม ศบค.และนายกรัฐมนตรีพิจารณา
    เมื่อถามว่า จะเป็นลักษณะของแนวทางการเปิดประเทศเพื่อการท่องเที่ยวอย่างจำกัด หรือ Travel Bubble หรือไม่ นายอนุทิน ยอมรับว่า มีแนวคิดเช่นนั้น แต่ขอย้ำว่าไม่ใช่การเปิดเดินทางโดยเสรี เพราะทั้งสองประเทศต้องมานั่งหารือกันถึงมาตรการคัดกรองบุคคลที่จะเดินทางเข้ามายังประเทศ ขณะนี้เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ ได้เสนอเรื่องนี้เข้ามา และตอบรับแนวคิดดังกล่าวด้วยเช่นกัน จะนำเสนอให้ที่ประชุม ศบค.พิจารณา ถ้าที่ประชุมให้ความเห็นชอบเราก็จะเดินหน้าเปิดเจรจากับประเทศต่างๆ ต่อไป โดยอาจจะเริ่มต้นโดยให้ธุรกิจเข้ามาก่อน ส่วนนักท่องเที่ยวยังคงต้องรอขั้นตอนต่อไป
ปรับกำลังรับคลายเฟส 4
    ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า จากการที่รัฐบาลประกาศยกเลิกเคอร์ฟิว โดยเริ่มมีผลในวันที่ 15 มิ.ย.นี้ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะปรับกำลังตำรวจให้มาปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมเหมือนเมื่อก่อน คือมีการตั้งด่านป้องกันอาชญากรรม และด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ผู้ขับขี่ตามปกติ ลดด่านตรวจเคอร์ฟิวให้มาปฏิบัติหน้าที่สายตรวจ เพื่อดูแลความปลอดภัยในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นการปรับกำลังตามสถานการณ์การผ่อนคลายปลดล็อกในแต่ละเฟส ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ
    พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เปิดเผยว่า หากมีการประกาศยกเลิกเคอร์ฟิวแล้ว บช.น.พร้อมจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจลงพื้นที่ เพื่อป้องปรามเหตุอาชญากรรมต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงการละเมิดพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) สำหรับการคลายล็อกในเฟสที่ 4 บช.น.จะร่วมกับทางสำนักงานเขตในแต่ละพื้นที่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบร้านอาหารและสถานประกอบการต่างๆ ที่ได้รับการคลายล็อก ซึ่งจะมีการจำหน่ายสุราให้ดื่มภายในร้านได้ แต่ยังห้ามการเล่นดนตรีสด หรือการเต้นรำภายในร้าน เพราะอาจเป็นการเข้าข่ายสถานบันเทิง ซึ่งจะเป็นการละเมิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากเจ้าหน้าที่ตำรวจพบการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนจะเข้าไปดำเนินการตักเตือนก่อนในช่วงแรกและทำประวัติไว้ แต่หากพบว่าเป็นการตั้งใจหรือฝ่าฝืนซ้ำ จะดำเนินคดีตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินทันที
    ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ แถลงว่า ได้ปรับรูปแบบการให้บริการด้านสาธารณสุขรูปแบบใหม่ รวมถึงบริการการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ด้วย โดยเฉพาะ 3 กลุ่มสำคัญคือ 1.กลุ่มโรคสำคัญคือหลอดเลือดสมองตีบ หรือแตก สมองบาดเจ็บ ไขสันหลังบาดเจ็บ ซึ่งกระทบอาจจะทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้ 2.กลุ่มผู้พิการที่ต้องได้รับเครื่องช่วยพิการเพื่อช่วยการดำรงชีวิตประจำวัน และ 3.กลุ่มผู้สูงอายุ
    ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้เน้นย้ำ 7 มาตรการฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วย คือ 1.คัดกรองก่อนมาถึงสถานพยาบาล ถ้าเสี่ยงต้องรับการตรวจเชื้อก่อน ถ้าไม่เสี่ยงสามารถมา รพ.ได้ เมื่อมาถึงก็ต้องคัดกรองอีกครั้ง 2.จัดลำดับ จำแนกประเภทผู้ป่วย คือ กลุ่มที่ต้องได้รับการฟื้นฟูที่สถานพยาบาล โรคหลอดเลือดสมอง ช่วงการฟื้นฟูที่ดีที่สุดตั้งแต่เริ่มป่วย 6 เดือนแรก เพราะกล้ามเนื้อ เส้นประสาทที่เสียไปสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ดี และที่ต้องได้รับบริการเร่งด่วน อาทิ ปวดรุนแรง หรือมีภาวะแทรกซ้อน กลุ่มเหล่านี้ต้องเข้ารับมาที่รพ.ก่อน และกลุ่มที่ไม่จำเป็นต้องมาสถานพยาบาล อาทิ ผู้สูงอายุ โรคกระดูกและกล้ามเนื้อที่อาการไม่เปลี่ยนแปลง
     3.เมื่อผ่านการคัดกรองแล้ว แม้ว่าไม่มีความเสี่ยง แต่มีบางหัตถการที่ผู้ป่วยมีโอกาสเป็นพาหะแพร่เชื้อโดยไม่มีอาการ คือผู้ป่วยที่ต้องฝึกการกลืน ฝึกการพูด เคาะฟังปอด ดังนั้นกลุ่มนี้จะต้องส่งตรวจก่อน เพื่อสร้างความปลอดภัยทั้งสองฝ่าย 4.จัดการฟื้นฟูแบบมีระยะห่าง 1-2 เมตร หรืออาจจะฟื้นฟูในที่โล่ง ระบายอากาศได้ดีนอกอาคาร การทำความสะอาด ล้างเครื่องมือเป็นระยะ 5.นัดหมายล่วงหน้า 6.จัดระบบการฟื้นฟูทางไกล ในรายที่มีอาการคงที่ ไม่อันตรายแล้ว และ 7.สร้างระบบส่งต่อผู้ป่วยที่จำเป็นในเครือข่าย ทั้ง 7 มาตรการนี้ รพ.จะค่อยๆ ทยอยทำตามศักยภาพของตัวเอง
ปลดล็อกสนามบินภูเก็ต
    นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ออกประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เรื่องเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยาน (ฉบับที่ 5) ให้เพิ่มท่าอากาศยานภูเก็ตในรายชื่อท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ ตั้งแต่วันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2563 เวลา 00.01 น. เป็นต้นไป 
    ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนที่มีความประสงค์จะใช้เส้นทางทางอากาศ ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย โดยคำแนะนำของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อาศัยอำนาจตามความในข้อ 2 (3) ของข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 5) ประกอบกับมาตรา 15/10 (6) แห่งพระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. 2497 ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติการเดินอากาศ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2562 ออกประกาศกำหนดเงื่อนไขและเงื่อนเวลาในการใช้ท่าอากาศยานเพื่อการขึ้นลงของอากาศยานเป็นการเพิ่มเติม
    สำหรับท่าอากาศยานที่เปิดให้อากาศยานขึ้นลงได้ที่ให้บริการเฉพาะการบินภายในประเทศ ได้แก่ ขอนแก่น ชุมพร ตาก ตราด ตรัง นครพนม นครราชสีมานครศรีธรรมราช น่านนคร นราธิวาส บุรีรัมย์ ปาย พิษณุโลก เพชรบูรณ์ แพร่ แม่สอด แม่ฮ่องสอน ระนอง ร้อยเอ็ด เลย ลำปาง สกลนคร สุโขทัย อุดรธานี อุบลราชธานี และท่าอากาศยานที่ให้บริการทั้งการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ได้แก่ กระบี่ เชียงใหม่ ดอนเมือง ภูเก็ต แม่ฟ้าหลวงเชียงราย สมุย สุวรรณภูมิ สุราษฎร์ธานี หาดใหญ่ หัวหิน อู่ตะเภา
    ที่สำนักงานเขตสาทร นายวัลลภ สุวรรณดี ประธานที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมผู้บริหารเขตกลุ่มเขตกรุงเทพใต้ ถึงความพร้อมโรงเรียนสังกัดกลุ่มเขตกรุงเทพใต้ การบริหารจัดการเรียนการสอนในสถานการณ์โควิด-19 เตรียมแผนการสอนรูปแบบปกติและสลับวันเรียนให้เหมาะสมตามขนาดจำนวนนักเรียนและพื้นที่ก่อนเปิดเทอม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"