ยึดแนวกลางๆเข้าไว้นั่นแหละดี


เพิ่มเพื่อน    

      เห็นข่าวแวบๆ...ว่าชักจะยุ่งๆ ขึ้นมาอีกซะแล้ว สำหรับเมืองจีน จุดเริ่มแรกของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส COVID-19 ที่แม้ว่าจะสามารถ เอาอยู่ ได้อย่างน่าทึ่ง น่าประทับใจมิใช่น้อย แต่จะด้วยเหตุเพราะ การ์ดตก หรือลืม สวมหมวกกันน็อก อีท่าไหน อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ ช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา เลยต้องปิดตลาดค้าเนื้อสัตว์ ปิดชุมชนอีกถึง 11 แห่ง เลื่อนการเปิดภาคเรียนของนักเรียนชั้นประถม ฯลฯ ด้วยเหตุเพราะเชื้อ COVID ท่านย้อนกลับมาโผล่ให้ต้องขนหัวลุกรอบใหม่กันอีกจนได้...

                                                                  -------------------------------------------------------

      คือถึงขั้นต้องเรียกระดมบรรดาผู้ที่ไปๆ-มาๆ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจการตลาดค้าเนื้อสัตว์ ที่เรียกๆ กันว่า ซินฟาตี ในกรุงปักกิ่ง จำนวนถึง 10,000 ราย มาตรวจเชื้อ หาเชื้อกันอีกรอบ เพราะเท่าที่ตรวจไปแล้วประมาณ 517 คน พบว่ามีผู้ติดเชื้อ แต่ไม่แสดงอาการ จำนวนถึง 45 คน และแค่ 40 กว่าคน หรือจะกี่สิบ กี่ร้อยคน ก็แล้วแต่ ถ้าดัน การ์ดตก หรือดันลืม สวมหมวกกันน็อก ขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่พรวดเดียว!!!...จะกลายเป็นพันคน หมื่นคน ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น...ตามสไตล์แบบจีนๆ หรือแบบ ประชาธิปไตยรวมศูนย์ เขาเลยต้องถือเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องคอขาดบาดตาย ชนิดต้อง เข้ม ต้องหันกลับไปปิดโน่น ปิดนี่ เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องเกิด การระบาดระลอกสอง ขึ้นมาให้จงได้...

                                                                      ------------------------------------------------------

      ส่วนประเภทที่ออกไปทาง หย่อนแล้ว-หย่อนอีก มาโดยตลอด ตามสไตล์ ประชาธิปไตยเสรี อย่างคุณพ่ออเมริกา...คงแทบไม่ต้องเสียเวลาไปพูดถึง เพราะการคว้าตำแหน่ง และดำรง รักษาตำแหน่ง จ้าวโรค อย่างชนิดต่อเนื่อง ยาวนาน มาจนถึงบัดนี้ ย่อมถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงความเละตุ้มเป๊ะ เละเป็นขี้ เละเป็นโจ๊ก ของสังคมอเมริกัน และรัฐบาลอเมริกัน ได้เป็นอย่างดี ยิ่งมีปัญหาเรื่องการเหยียดผิว เหยียดเผ่าพันธุ์ เข้ามาสอดแทรก จนผู้คนอดรนทนไม่ได้ ต้องแห่ออกมารวมมือ รวมตีน รวมพลัง โดยไม่คิดจะ เว้นระยะห่างทางสังคม อีกต่อไป ก็ยิ่งทำให้โอกาสทิ้งห่างคู่แข่ง ชนิดไม่เห็นฝุ่น เห็นหาง หรือยิ่งต้องคว้าตำแหน่ง จ้าวโรค ไปครองอีกตราบนานเท่านาน ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ...

                                                                       ---------------------------------------------------

      คือการจะ หย่อน หรือจะ เข้ม นั้น...คงต้องยอมรับว่า ออกจะเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อนเอามากๆ เพราะถ้าหากเข้มเกินไป ข้นเกินไป แม้ว่าอาจไม่ตายเพราะเชื้อโรค แต่โอกาสที่ต้อง อดตาย ก็พอจะเห็นๆ กันอยู่ในอีกไม่ใกล้-ไม่ไกล ไม่ว่าภายใน 150 วัน ภายในปีหน้า ปีโน้น หรือยาวไกลไปอีก 2-3 ปีก็แล้วแต่ แต่ถ้าดันมาหย่อนในแบบไม่ถูกที่ ไม่ถูกจังหวะ และเวลา ไม่เพียงแต่โอกาสที่ต้องตายเพราะเชื้อโรค ซึ่งสามารถหวนกลับมาใหม่ได้แบบสิงคะปง สิงคโปร์ แต่อะไรที่เคยทำดีๆ เอาไว้ ที่เคยสามารถสร้างความน่าทึ่ง น่าประทับใจ มิใช่น้อย ก็คงหนีไม่พ้นต้องพังทลาย ล่มสลาย อย่างน่าเสียดายเอามากๆ...

                                                                         ------------------------------------------------------

      ด้วยเหตุนี้...สำหรับประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮา ทั้งหลาย จะในฐานะเมืองพุทธ สังคมพุทธ หรือจะสังคมอะไรก็แล้วแต่ คงหนีไม่พ้นต้องออกไปในแนว กลางๆ หรือคงต้องพยายามยึดแนว มัชฌิมาปฏิปทา เอาไว้นั่นแหละ น่าจะเข้าท่าที่สุด จะไปเข้มข้น เข้มคลั่ก เกินไป...ก็คงลำบาก!!! เพราะโดยตัวเลขจีดีพีที่น่าจะหล่นลงไป หรือลบไปถึงลบ 8 ลบ 9 ไม่ได้สามารถโต 1 โต 2 เหมือนอย่างจีนเขา คงต้องปิดๆ เปิดๆ ลักกะปิด ลักกะเปิด กันไปตามสภาพ แต่จะไปหย่อนๆ ยานๆ ไปลดการ์ด ไปถอดหมวกกันน็อ กแบบอเมริกา ก็ยิ่งมีแต่ตาย...กับ...ตาย หนักขึ้นไปใหญ่ แม้ว่าบรรดาพวกนักประชาธิปไตยเสรีทั้งหลาย เขาจะกดดัน เรียกร้อง เพรียกหา เสรีภาพในการตาย กันเพียงใดก็แล้วแต่...

                                                                        -----------------------------------------------------------

      พูดง่ายๆ ว่า...ตราบใดที่ยังไม่มีการประดิษฐ์ คิดค้น วัคซีน และการผลิตที่สามารถสนองตอบความต้องการของประเทศต่างๆ ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ยังไม่มีการค้นพบ ตัวยา รักษา ที่ได้ผลเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นเอกภาพ เอกฉันท์ ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใดๆ ตามมา สถานการณ์ในห้วงระยะเวลาที่ว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นกี่วัน กี่เดือน หรือกี่ปี ล้วนแล้วแต่ต้องถือเป็น สถานการณ์ฉุกเฉิน ไปด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะในแง่ เนื้อหา ส่วนจะดัดแปลงให้เป็นไปใน รูปแบบ ใดๆ ก็ตามที เพราะอย่างน้อย...ก็น่าจะพอช่วยให้เกิดการ ชั่งน้ำหนัก ระหว่าง การ อดตาย กับการ เป็นโรคตาย ได้อย่างคล่องเนื้อ คล่องตัว เพิ่มยิ่งๆ ขึ้นไป...

                                                                      ------------------------------------------------------------

      ส่วนใครก็ตาม...ที่พยายามสร้างแรงกด แรงบีบ สร้างแรงกดดัน ไม่ว่าเพราะ กลัวอดตาย หรือ กลัวเป็นโรคตาย เพื่อให้เกิดการ สวิง ไปในด้านใด ด้านหนึ่ง เอาไป-เอามาแล้ว...คงอาศัยแค่ อารมณ์-ความรู้สึก ไปด้วยกันทั้งสิ้น ส่วน ข้อมูล และ ข้อเท็จจริง จะเป็นเช่นไรนั้น อันนี้...ย่อมขึ้นอยู่กับผู้ซึ่งมีอำนาจ-หน้าที่-และความรับผิดชอบ จะต้องชั่งน้ำหนักกันไปเป็นระยะๆ ว่าควรจะ หย่อน กันช่วงไหน เมื่อไหร่ หรือควรจะ เข้ม ควรจะ ตึง กันในระดับไหน อย่างไร เพราะ ความรับผิดชอบ ภายใต้ฉากสถานการณ์ COVID-19 และหลังจากนั้น ต้องเรียกว่า...เป็นอะไรที่หนักหนา สาหัส เอามากๆ หนักในระดับที่สามารถพลิกฟ้า-คว่ำดิน เปลี่ยนโลก หรือล้างโลก ได้เสมอ!!!

                                                                          --------------------------------------------------------

      ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Japanese proverbs ... The wise man does not speak of all he does, but he does nothing that he cannot speak of. – คนฉลาดจะไม่พูดถึงทุกสิ่งที่เขาทำ แต่เขาจะไม่ทำอะไรที่เขาพูดถึงไม่ได้...

                                                                        ----------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"