จับหนุ่มแฮกเกอร์จบป.6 หลอกยืมเงินในไลน์กลุ่ม


เพิ่มเพื่อน    


    หัวหน้าชุดประสานความร่วมมือกับศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม จับหนุ่มแฮกเกอร์วัย 26 ปี จบการศึกษาเพียงแค่ ป.6 แต่ศึกษาและรักงานด้านไอที สร้างลิงก์หลอกเหยื่อโหวตภาพเด็ก ก่อนแฮ็กไลน์ยืมเงินเพื่อนกลุ่มไลน์ เหยื่อหลงเชื่อสูญเงินนับล้านบาท
    เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ ผู้บังคับการข่าวกรองยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบก.ขส.บช.ปส.) หัวหน้าชุดเทคนิคและสืบสวนชุดที่ 2 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจหแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเทคโนโลยี (รอง ผบก.ปอท.) ร่วมกันแถลงข่างการจับกุม นายสมพร สิงห์ห่วง อายุ 26 ปี ตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรีที่ จ.259/2563 ลงวันที่ 4 มิ.ย.69 พร้อมด้วยของกลางโทรศัพท์มือถือไอโฟน 2 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม
    พล.ต.ต.พันธนะ ผบก.ขส.บช.ปส. เปิดเผยว่า ศปอส.ตร., บก.ปอท. ได้รับแจ้งความจากผู้เสียหายว่า ได้มีคนร้ายแฮ็กไลน์ของผู้เสียหาย โดยหลอกให้กดลิงก์โหวตหลาน หลอกให้ผู้เสียหายกรอกข้อมูลส่วนตัวและรหัสไลน์ของตน จากนั้นคนร้ายได้ใช้ไลน์ของผู้เสียหายไปหลอกลวงให้บุคคลอื่นโอนเงินให้กับคนร้าย ทำให้มีผู้ได้รับความเสียหายจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายนับล้านบาท จากการสืบสวนทางเทคนิคจนสามารถพิสูจน์ทราบตัวคนร้ายคือนายสมพร อาศัยอยู่ห้องเช่าเลขที่ 17/5 ภายในหมู่บ้านทรัพย์ศิริ ม.8 ต.ท่าศาลา อ.เมืองลพบุรี จ.ลพบุรี เจ้าหน้าที่จึงขอหมายศาลเข้าทำการจับกุมตัวไว้ได้
    จากตรวจค้นภายในห้องพักพบอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อกล็อก รุ่น 19 สีดำ จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน จำนวน 10 นัดบรรจุอยู่ในแม็กกาซีน เมื่อสอบถามถึงเอกสารการครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน โดยให้การรับสารภาพว่าอาวุธปืนซื้อมาในราคา 40,000 บาท โดยไม่มีการโอนทะเบียนครอบครองแต่อย่างใด จึงทำการตรวจยึดอาวุธปืนดังกล่าวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองลพบุรี จากการตรวจสอบประวัติพบว่าเคยถูกจับมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ในคดีลักษณะเดียวกันอยู่ระหว่างการประกันตัวชั่วคราวก่อนมาก่อเหตุอีกครั้ง ส่วนตัวคนร้ายจบการศึกษาเพียงชั้น ป.6 ชื่นชอบการหาความรู้เรื่องไอทีจากอินเทอร์เน็ตก่อนจะนำความรู้ที่ได้มาก่อเหตุ มีผู้ตกเป็นเหยื่อหลายราย มูลค่าความเสียหายกว่า 1 ล้านบาท
    ด้าน น.ส.สุชีรา ท้าวคำหลง เจ้าของร้านอาหารชื่อดัง ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า อยากจะเตือนภัย เพราะปัจจุบันคนไทยใช้แอปพลิเคชันไลน์กันเยอะมาก โดยมีไลน์ส่งเข้ามาจากแม่เพื่อนให้ช่วยกดโหวตให้หลานที่เข้าประกวดร้องเพลง โดยข้อความดังกล่าวมีความน่าเชื่อถือ จากนั้นให้เรากดโหวตผ่านบัญชีเฟซบุ๊ก ซึ่งจะต้องกรอกชื่อผู้ใช้-และรหัสผ่านเฟซบุ๊ก แต่ตนใช้รหัสผ่านเฟซบุ๊กกับไลน์คนละรหัสกัน จากนั้นผ่านไปไม่นาน ไม่กี่ชั่วโมง เพื่อนๆ ก็ทักมาบอกว่า ตนส่งบาร์โค้ดให้ช่วยสแกนจ่ายเงินให้ โดยคนที่ปลอมเป็นตนอ้างว่าบัตรเต็มให้ช่วยโอนเงินให้ โดยให้สแกนเข้าร้านค้า เพื่อนๆ มีการโอนเงินไป 4 ครั้ง สูญเงินกว่า 4 แสนบาท จึงอยากฝากเตือนว่าหากมีการให้กดลิงก์โหวต ให้คิดให้ดีก่อนที่จะกดเข้าลิงก์ไป
    พล.ต.ต.พันธนะเผยต่อว่า ฝากถึงประชาชนทั่วไปที่ใช้งานแอปพลิเคชันต่างๆ ไม่ว่าไลน์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไม่ควรกดเข้าไปดูลิงก์ที่มีลักษณะผิดปกติ หรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ มิเช่นนั้นอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพในการขโมยข้อมูลส่วนตัวของตน ไม่ควรให้รายละเอียดข้อมูลส่วนตัวที่สำคัญในลิงก์ที่มีลักษณะผิดปกติ หรือมาจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าข้อมูลเกี่ยวบัญชีธนาคาร รหัสบัตรเอทีเอ็ม รหัสอีเมลแอดเดรส เพราะมิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลของท่านในการกระทำความผิด ควรตั้งค่าความปลอดภัยการเข้ารหัสสองชั้นในแอปพลิเคชันสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ ไม่ควรโอนเงินให้บุคคลอื่นไปยังบัญชีธนาคารที่ตนไม่รู้จัก หรือใช้ชื่อบัญชีธนาคารของคนอื่น ก่อนโอนเงินควรโทรสอบถามไปยังเพื่อนทางหมายเลขโทรศัพท์ที่มีการติดต่อได้จริงๆ ฝากถึงนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่มีความสนใจ มีความรู้ความสามารถทางด้านเทคโนโลยี อย่านำความรู้ความสามารถไปใช้ในทางที่ผิด
    เบื้องต้นแจ้งข้อหา “ฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น มาตรา 341 ประกอบมาตรา 342 (1) ตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ.2499, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน มาตรา 5, เข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน มาตรา 7, ทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ มาตรา 9 และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน หรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 14 (1) ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550”
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ น.ส.สุชีรา เป็นนักธุรกิจเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงทางสังคมและเป็นเพื่อนของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปราบอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผอ.ศปอส.ตร.).


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"