'อาจารย์หมอ'โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึง ศบค. โปรดทบทวนมาตรการรับผู้ป่วยต่างชาติมารักษาในไทย


เพิ่มเพื่อน    

23 มิ.ย.63-  รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์จดหมายเปิดผนึกถึง ศบค. และหน่วยงานความมั่นคง ผ่านเฟซบุ๊กมีรายละเอียดดังนี้ 

เรียน ศบค. และหน่วยงานความมั่นคง

โปรดทบทวนมาตรการรับผู้ป่วยต่างชาติมารักษาในประเทศเถิดครับ

ความจริงที่เราควรคำนึงถึง

1. โรคยังระบาดทั่วโลกกว่า 9 ล้านคน เพิ่มวันละแสนกว่า สัปดาห์ละล้านคน ความเสี่ยงจากต่างประเทศจึงมากเกินกว่าจะรับได้

2. ผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่ได้มาคนเดียว มักต้องมีสมาชิกในครอบครัวเข้ามาด้วยไม่มากก็น้อย นั่นแปลว่าความเสี่ยงย่อมเพิ่มขึ้นมาก และเป็นมาตรการเลี่ยงบาลีของการเปิดประตูประเทศนั่นเอง

3. ไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองใดที่จะการันตีความปลอดภัยได้ 100% และแต่ละวิธีที่เรามีอยู่นั้นมีความไวและความจำเพาะที่แตกต่างกันไปในแต่ละระยะของการติดเชื้อ โอกาสหลุดรอดของเคสที่ติดเชื้อจึงมีสูงขึ้นมากแน่ๆ หากเปิดรับตามมาตรการที่จะชงเข้าสู่ศบค.ตามที่ออกข่าวทางสื่อมวลชน

4. การเอาโรงพยาบาลของไทยมุ่งช่วยเศรษฐกิจประเทศด้วยการนำเข้าต่างชาติเข้ามารักษานั้น หากมีกรณีติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์และต้องปิดโรงพยาบาลดังที่เราเห็นในประเทศเพื่อนบ้านเร็วๆ นี้ จะก่อให้เกิดผลกระทบตามมาต่อการดูแลรักษาประชาชนไทยจำนวนมาก และยิ่งทำให้ช่องว่างทางสังคมกว้างขึ้น และบ่งถึงความไม่เป็นธรรมด้านสุขภาพต่อสังคมไทยโดยรวม นำความเสี่ยงของคนทั้งประเทศมาแลกกับรายได้ที่มีโอกาสสูงที่จะเป็นลักษณะ "ได้ไม่คุ้มเสีย"

5. จำนวนบุคลากรทางการแพทย์ทั้งแพทย์ พยาบาล ทันตแพทย์ เภสัชกร และอื่น มีจำกัดมาก การสร้างมาตรการที่นำความเสี่ยงมาสู่พวกเค้าเหล่านั้น อาจนำมาซึ่งความสูญเสียชีวิต การขาดแคลนบุคลากรที่จะเตรียมรับมือการระบาดระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้นได้

จะมีอยู่แค่กรณีเดียวที่เราควรนำเข้าผู้ป่วยต่างชาติมารักษาในประเทศ นั่นคือ กรณีช่วยเหลือเชิงมนุษยธรรมและตามจริยธรรมทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ประเทศเค้ารักษาไม่ได้แล้ว และประเทศเรารักษาได้ ทั้งนี้ต้องเป็นโรคที่คุกคามชีวิตหากไม่รักษาโดยเร็ว หากจะเป็นกรณีดังกล่าวก็มีน้อยมากจริงๆ

กราบท่านนายกรัฐมนตรี ศบค. และหน่วยงานความมั่นคง โปรดไตร่ตรองให้ดี

สิ่งที่ควรตัดสินใจทำในช่วง 1 กรกฎาคมคือ การปลดล็อคกิจการเสี่ยงสูงตามที่วางแผนไว้ ได้แก่ โรงเรียน ผับ บาร์ อาบอบนวด

การเปิดประตูแง้มให้ต่างชาติเข้ามานั้น ควรเป็นไปในลักษณะที่ทำเท่าที่จำเป็นจริง

"อย่าสู้ศึกหลายด้าน"...ไม่ควรทรนงว่าเราชนะโควิดแล้ว เพราะประเทศที่ประกาศชัยชนะทั้งหลาย ล้วนกลับมาแพ้จนกำลังเมาหมัดอยู่ตอนนี้

ต่างชาติที่เราจะแง้มให้เดินทางเข้ามานั้น ตามที่ตกลงหารือกันคือ กลุ่มที่ลงทะเบียนไว้ราว 23,000 คน ประกอบด้วย

หนึ่ง นักธุรกิจ นักลงทุน 670 คน

สอง ผู้เชี่ยวชาญ แรงงานฝีมือที่จำเป็น 22,000 คน

และสาม คนต่างชาติที่ได้รับสิทธิพำนักในประเทศไทย เช่น คนที่แต่งงานกับคนไทย อีกจำนวนหนึ่ง

ทั้งนี้ทั้งสามกลุ่มข้างต้น ควรได้รับการตรวจคัดกรองตามมาตรฐานสากล เน้นความปลอดภัยทั้งต่อตัวเค้า และคนไทยทั้งชาติ

ไม่ควรเล่นแร่แปรธาตุตามการชงแบบมั่วซั่ว และนำความเสี่ยงที่เกินกว่าจะรับได้เข้ามา

การหาเงินมีหลายทาง สถานการณ์ปัจจุบันต้องหาเงินอย่างปลอดภัย อดทน อดออม อดกลั้น

และโปรดระลึกถึงปรัชญา"เศรษฐกิจพอเพียง"เอาไว้ในใจเสมอ

นี่คือคาถาอันศักดิ์สิทธิ์ที่จะปกป้องพวกเราทั้งประเทศจากภยันอันตรายครับ

ด้วยความรักและปรารถนาดีต่อทุกคน.
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"