'บิ๊กป้อม'ในภารกิจ สยบคลื่นลม'พปชร.'


เพิ่มเพื่อน    

 

      ภาพ 12 แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ได้แก่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง

      นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และประธานวิปรัฐบาล นายอนุชา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท นายสุชาติ ชมกลิ่น ส.ส.ชลบุรี และประธาน ส.ส. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขานุการวิปรัฐบาล และ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จับมือคล้องแขนกันกลมเกลียวร่วมกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และประธานยุทธศาสตร์พรรค หลังจากไปเทียบเชิญให้มาเป็น “หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ” คนใหม่เรียบร้อย

      รวมถึงภาพการจับมือเคลียร์ใจกันระหว่าง “ร.อ.ธรรมนัส” กับ “วิรัช” คู่กรณีที่กินแหนงแคลงใจกันมา ดูเหมือนจะทำให้คลื่นลมในพรรคพลังประชารัฐสงบลง

      หากแต่หลายคนไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

      พรรคพลังประชารัฐถือเป็นพรรคที่มีกลุ่มก๊ก ส.ส.มากที่สุด สามารถจำแนกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้ “กลุ่มสามมิตร” ที่นำโดยนายสุริยะ นายสมศักดิ์ และนายอนุชา

      กลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส ที่ปัจจุบันกลายเป็นกลุ่มที่ให้การสนับสนุนนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.พลังงานต่อ แม้กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะไม่มี 4 กุมารแล้วก็ตาม

      นอกจากนี้ ยังพบว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวให้การสนับสนุนนายสนธิรัตน์อีกกลุ่มคือ กลุ่มของ “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ไปดึง 5 ส.ส.กทม.มาอยู่ด้วย

      กลุ่มอดีต กปปส.เก่า ที่นำโดยนายณัฏฐพล นายพุทธิพงษ์ นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายชัยวุฒิ และกลุ่มนายวิรัชกับนายสุชาติ ที่ในระยะหลังแพ็กกับกลุ่มเพชรบูรณ์ของนายสันติ

      โอกาสจะเกิดศึกรอบใหม่มีได้เสมอ โดยเฉพาะในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะมาถึง ซึ่งนอกจากเก้าอี้ รมว.พลังงาน ที่มีการเปิดฉากแย่งชิงกันระหว่างนายสนธิรัตน์ ที่ได้รับการหนุนหลังจาก ร.อ.ธรรมนัส กับนายสุริยะ แกนนำกลุ่มสามมิตร ซึ่งมีโอกาสจะทำให้อุณหภูมิกลับมาร้อนแรงอีกครั้งแล้ว กลุ่มคนที่คาดหวังว่าจะได้เป็นรัฐมนตรีในครั้งนี้ยังมีจำนวนมากกว่าจำนวนเก้าอี้

      ลำพังเฉพาะคนรอบตัว “บิ๊กป้อม” ที่เห็นกันประจำ ทั้งนายอนุชา นายสุชาติ หรือแม้แต่นางนฤมล ที่มีข่าวว่าจะได้ขึ้นแท่นเป็นรัฐมนตรีครั้งนี้ ก็ยังมีข่าวลือหนาหูว่าเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ทุกคนสมหวังได้

      ต่อให้ไม่มีกลุ่มของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ในการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งหน้า ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะง่าย

      ท่าทีของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ที่ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคารถึงเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี ก็เป็นสัญญาณที่ชัดว่า นายกฯ เองก็จำเป็นต้องมีโควตา หรือที่เรียกว่า “โควตากลาง” ไม่ใช่มาจาก ส.ส.ทั้งหมด

      “รัฐบาลยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจมาปีนี้ทั้งปี เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย มีรัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส. และรัฐมนตรีที่เหมาะสมที่นายกฯ จำเป็นต้องมีในส่วนตรงนี้ด้วย อันนี้เป็นการพูดคุยกันในเรื่องของการเมือง แต่ผมไม่อยากให้เอาการเมืองมาพันทั้งหมด หากบ้านเมืองเสียหายใครรับผิดชอบ ใครจะแก้ไหว”

      และหลังจากการปรับคณะรัฐมนตรี ก็อาจจะมีแรงกระเพื่อมอีกรอบ โดยเฉพาะคนที่ “ผิดหวัง” แน่นอนว่าย่อมต้องเกิดความไม่พอใจ

      เพียงแต่ว่าการได้ “บิ๊กป้อม” มานั่งอยู่หน้าฉากในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มันจะทำให้การแก้ปัญหาราบรื่นกว่าเมื่อก่อน

      แม้ “บิ๊กป้อม” จะไม่สามารถสลายกลุ่มก๊กต่างๆ ภายในพรรคได้ แต่อย่างน้อยก็ทำให้ ส.ส.ที่ไม่ได้เป็น “หัวโจก-แกนนำ” รู้ว่าทิศทางของพรรคจากนี้จะฟังจาก “บิ๊กป้อม” คนเดียว ไม่ได้สับสนเหมือนแต่ก่อนที่ไม่รู้จะเชื่อใคร เพราะแกนนำกลุ่มต่างๆ ต่างฝ่ายต่างแอบอ้างผู้เป็น “นาย”

      รวมไปถึงความบาดหมางระหว่างกลุ่ม ระหว่างบุคคล แม้ดูเหมือนจะได้รับการเคลียร์ใจแล้ว โดยมี “บิ๊กป้อม” เป็นตัวกลาง แต่ก็ไม่ได้ทำให้บาดแผลในใจระหว่างกันหายไปภายในไม่กี่วัน

      ทว่า สถานการณ์มันก็จะดีขึ้นกว่านี้ เพราะวันนี้มี “ผู้ใหญ่” ที่เป็นทั้งเจ้าของพรรคและเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงลงมาอยู่ข้างล่างเอง มากกว่าฟังการบอกเล่าจากคนนั้นทีคนนี้ที

      เรียกว่าการแบ่งเป็นกลุ่มเป็นก้อน และการวัดพลังกันเองจะยังไม่ได้หายไป เพราะ “บิ๊กป้อม” ไม่ใช่ผู้วิเศษ แต่จากนี้มันจะอยู่ใกล้สายตามากขึ้น 

      การมานั่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐของ “บิ๊กป้อม” คงแก้ปัญหาทุกอย่างที่เคยมีไม่ได้ แต่ต่อจากนี้หลังจากเกิดปัญหาทุกอย่างจะจบและสงบลงที่ “บิ๊กป้อม” ได้

      พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์อาจดูยี้ในสายตาคนภายนอก จนดูไม่เหมาะสมจะมาถือธงนำ แต่ในสถานการณ์ที่พรรคพลังประชารัฐระส่ำระสายจากลูกเสือลูกจระเข้ที่มาอยู่รวมกัน ตลอดจนต้องวางแผนและเตรียมสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าที่มีข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลุยต่อ ก็ไม่มีทางเลือกอื่น

        จำเป็นที่ “บิ๊กป้อม” ต้องลงมาดูด้วยตัวเอง แม้จะมีข่าวว่าไม่อยากมาก็ตาม.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"