นายกฯไม่สนใครอยากออกเชิญ


เพิ่มเพื่อน    

   "บิ๊กตู่" ไม่สน "สมชัย" ไขก๊อก ลั่น! ใครอยากออกให้ลาออกไปเลย ขณะที่ "อภิศักดิ์" เตรียมชงชื่อปลัดคลังคนใหม่ 17 เม.ย. ยังตอบไม่ได้คนนอกคนใน พร้อมโยกซี 10 ล็อตใหญ่ ส่วนเพื่อไทยไปไกล อ้างถูกย้ายเพราะไม่สนองนโยบายที่สับสนของรัฐบาลที่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนรายใหญ่เหมือนเป็นการผูกขาดประเทศ ชี้ขวัญกำลังใจข้าราชการวูบ ความเชื่อมั่นในรัฐบาลต่ำ เศรษฐกิจกำลังพัง
    ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ารดน้ำขอพร พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์  ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ถึงกรณีที่นายสมชัย สัจจพงษ์ อดีตปลัดกระทรวงการคลัง ประกาศจะลาออกจากตำแหน่ง ภายหลัง ครม.มีมติปรับย้ายไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) แทนนายปรเมธี วิมลศิริ ที่ไปเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่า “ยังไม่เห็นเลย” 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า จะระงับยับยั้งการลาออกของนายสมชัยหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า “ระงับเรื่องอะไร ทำไมล่ะ” เมื่อถามว่าอดีตปลัดกระทรวงการคลังไม่พอใจที่ถูกโยกไปเป็นเลขาธิการ สศช. พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า ไม่พอใจใคร เป็นข้าราชการไม่พอใจได้หรือ อย่างนี้ก็เป็นข้าราชการไม่ได้
    ต่อข้อถามว่า แล้วนายกฯ จะดำเนินการต่อไปอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์แจงว่า มันมีระเบียบอยู่แล้ว มีระบบ ถ้าลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัวก็ลาออกไป 
    ซักว่าจะไม่มีการยับยั้งการลาออกของนายสมชัยใช่หรือไม่ นายกฯ ตอบอย่างมีอารมณ์ว่า “จะยับยั้งเรื่องอะไรล่ะ ก็เขาลาออก จะยับยั้งเรื่องอะไร ต้องมีเหตุมีผล อย่าหาเรื่อง” 
    ถามว่า จะเกิดเป็นรอยร้าวในการทำงานของข้าราชการหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์หันมาตะโกนตอบว่า “ไม่มีร้าว ผมหนักแน่นพอ ใครอยากออก ให้ลาออกไปเลย” 
    เมื่อถามว่า จะเกิดปัญหาบานปลายหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบเพียงว่า “ไม่มี จะบานเพราะพวกเรา (สื่อ) นั่นแหละ” ก่อนจะก้าวขึ้นรถไปทันที
    นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.การคลัง เปิดเผยว่า จะเสนอชื่อปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่ให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะแต่งตั้งใครขึ้นมารับตำแหน่งดังกล่าว จะมาจากคนในหรือนอกกระทรวงการคลังก็ยังไม่ทราบ เพราะวันที่ 12 เม.ย. ก็เป็นวันหยุดทำงานแล้ว
     "ปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่จะเป็นคนในคนนอกยังไม่รู้ ตอนนี้ก็ลือกันสนุกเลย ส่วนที่นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อุ้มพระเข้าหารองนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และลือกันว่าจะได้เป็นปลัดกระทรวงการคลังคนใหม่นั้น ก็ต้องถามว่าพระที่อุ้มไปนั้นศักดิ์สิทธิ์ไหม" นายอภิศักดิ์กล่าว
จับตาโยกซี 10 ล็อตใหญ่
    นายอภิศักดิ์กล่าวอีกว่า ยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับนายสมชัย ซึ่งก่อนที่ ครม.จะเห็นชอบเรื่องดังกล่าว ก็ได้แจ้งกับปลัดกระทรวงการคลังว่ามีคนขอให้ไปนั่งเป็นเลขาธิการ สศช. ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ต้องดูแลขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของประเทศ โดยปลัดกระทรวงการคลังก็นั่งฟังเงียบๆ ไม่ได้คัดค้าน ไม่ได้ว่าหรือมีความเห็นอะไร
    วันเดียวกันนี้ นายสมชัยได้เขียนข้อความในกลุ่มไลน์นักข่าวและพีอาร์ของกระทรวงการคลังว่า "พี่อู้ขอขอบคุณน้องๆ ทุกคนที่ทำให้ชีวิตการรับราชการพี่มีความสุขตลอด 28 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่น้องๆ ได้สะท้อนต่อสาธารณะทำให้กระทรวงการคลังมีบทบาทต่อชีวิตของคนไทยทั้งชาติ ดีใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้ร่วมทำงานกับน้องๆ ซึ่งหลายคนในราชการไม่เคยได้มีโอกาสอย่างพี่ พี่มีความสุขครับ และจะจำความสุขนี้ในใจตลอดไป ขอบคุณในมิตรภาพที่ดีที่มีต่อพี่ครับ รักครับ พี่อู้"
    นอกจากนี้ ปลัดกระทรวงการคลังยังได้เขียนข้อความในกลุ่มไลน์ข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงการคลังว่า “มีความสุขมากที่ได้ร่วมกันทำงานกันมาเกือบ 3 ปี หากที่ผ่านมามีอะไรทำให้เดือดร้อนหรือไม่สบายใจ ก็ขอยกโทษให้ด้วย”
    แหล่งข่าวจากกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่หน้าห้องของนายสมชัยได้เก็บของในห้องทำงานของปลัดกระทรวงการคลังตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งปลัดกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพักร้อนกับครอบครัวในต่างประเทศ ซึ่งเป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้าก่อนการโยกย้ายอยู่แล้ว และจะเดินทางกลับถึงไทยหลังเทศกาลสงกรานต์ และคาดว่าจะไม่เข้ามาทำงานที่กระทรวงการคลังแล้ว เนื่องจากได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นข้าราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
    สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรวงการคลัง ซึ่งนายอภิศักดิ์เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาในวันที่ 17 เม.ย.นี้ คาดว่าจะมีการเสนอโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ครั้งใหญ่หลายตำแหน่ง โดยนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร จะถูกเสนอชื่อขึ้นเป็นปลัดกระทรวงการคลัง แทนนายสมชัย และจะมีการโยกย้ายนายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร มานั่งเก้าอี้อธิบดีกรมสรรพากรแทน พร้อมเสนอให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) มาเป็นอธิบดีกรมศุลกากร
    นอกจากนี้ยังมีตำแหน่งที่ต้องจับตาคือ รองปลัดกระทรวงการคลัง และผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง มีโอกาสโยกย้ายขึ้นมารับตำแหน่งผู้อำนวยการ สคร.ด้วย ขณะที่คาดว่าจะมีการเสนอชื่อนายทศพร ศิริสัมพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. ให้มารับตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์อีกด้วย
ข้าราชการช็อก
    สำหรับบรรยากาศภายในกระทรวงการคลังหลังจากนายสมชัยประกาศยื่นหนังสือลาออก พบว่าข้าราชการส่วนใหญ่รู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะไม่เคยมีข่าวมาก่อน และรู้สึกเสียดายที่นายสมชัยต้องลาออก เนื่องจากนายสมชัยถือเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ และได้รับการยอมรับจากข้าราชการชั้นผู้น้อยจำนวนมาก ขณะที่ข้าราชการระดับสูงต่างรู้สึกตกใจ พร้อมงดแสดงความเห็นในช่วงนี้ โดยบอกว่าอยู่ในช่วงที่กระทรวงการคลังกำลังมีคลื่นพายุแรง
    ด้าน พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นไปตามกลไกของการปรับเปลี่ยนผู้บริหารว่าใครเหมาะสมกับตำแหน่งใด ซึ่งตนไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกรณีดังกล่าว  อย่างไรก็ตาม การลาออกของนายสมชัยไม่มีผลต่อมติ ครม.ที่แต่งตั้งนายปรเมธี เพราะ ครม.มีมติอนุมัติการแต่งตั้งนายปรเมธีแล้ว คิดว่า ครม.คงไม่กลับไปกลับมา เมื่อแต่งตั้งแล้วก็ตั้งไป
    เมื่อถามว่า ได้มีการพูดคุยกับนายสมชัยและนายปรเมธีก่อนที่จะมีมติ ครม.ออกมาหรือไม่ พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า เขาพูดคุยกันก่อนแล้ว ทุกคนเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น คงไม่ใช่อยู่ๆ จะมีมติออกมาได้เลย กรณีของนายสมชัยคงเป็นดุลยพินิจของนายสมชัยเอง ซึ่งตนไม่ทราบ เพราะเขาย้ายไป สศช. ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตน       
    รมว.การพัฒนาสังคมฯ กล่าวอีกว่า กรณีของนายปรเมธีนั้น ทำได้แน่นอน ไม่ถูกโดดเดี่ยวอยู่แล้ว เขาสนิทกับตน รู้จักกันดี เขาเป็นคนเก่งและทำงานเต็มที่ จึงน่าจะเข้ามาทำให้งานด้านสังคมมีความก้าวหน้ารวดเร็วขึ้นมาก ขณะเดียวกัน งานของ สศช.ทำเรื่องของเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้เดินไปด้วยกันอยู่แล้ว แม้นายปรเมธีเคยเน้นงานด้านเศรษฐกิจมาก่อน แต่ตอนนี้ก็สามารถมาช่วยงานด้านสังคมบ้าง เพราะตอนนี้งานด้านสังคมเป็นสิ่งที่น่าห่วงใย ทั้งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ งานด้านความมั่นคงอยู่ในความรับผิดชอบของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ขณะที่งานการเมืองเป็นเรื่องของรัฐบาล ดังนั้นทั้ง 3 เสานี้เป็นสิ่งสำคัญ 
    พล.อ.อนันตพรกล่าวว่า การนำคนนอกกระทรวงมาเป็นปลัด พม.นั้น ตนได้พูดคุยกับคณะผู้บริหารกระทรวงแล้วว่า แม้จะมีผลต่อขวัญกำลังใจต่อคนในกระทรวงบ้าง แต่ในช่วงนี้จำเป็นต้องทำแบบนั้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ส่วนข้าราชการในกระทรวง ตอนนี้ต้องทำใจเล็กน้อย ซึ่งเรามั่นใจว่าคนไหนที่มีความบริสุทธิ์ ไม่ถูกลงโทษ ก็สามารถทำงานต่อได้ ทุกอย่างอยู่ที่ความเหมาะสม ยืนยันว่าจะดูแลข้าราชการกระทรวงให้ดี ถ้าเป็นไปได้ในอนาคตจะผลักดันให้คนในกระทรวงได้เลื่อนตำแหน่งโดยเร็วที่สุด
15 ปีพม.อยู่ระหว่างปรับตัว
    “อยากให้ประชาชนและสื่อมวลชนเข้าใจว่ากระบวนการสอบสวนมีความจริงจัง เป็นขั้นตอน ขอฝากว่ายุคใหม่ของ พม. วันที่ 1 พ.ค. ทุกคนจะได้เห็นความเปลี่ยนแปลง ทั้งเรื่องความโปร่งใสในการทำงานในการจ่ายเงินอุดหนุนผ่านระบบ-อีเพย์เมนต์ เช็คเงินสด การปรับปรุงวัฒนธรรมองค์กรให้ทุกคนทำงานอย่างโปร่งใส มีจิตสาธารณะ เราพยายามปรับปรุงพัฒนาองค์กรให้ดีขึ้น ขอให้ทุกคนช่วยให้กำลังใจแก่คนของ พม.ที่ตั้งใจทำงาน เราจะทำให้ทุกคนเชื่อถือกระทรวง พม.ได้โดยเร็วที่สุด"
    พล.อ.อนันตพรยืนยันว่า จะเป็นตัวอย่างที่ดีของข้าราชการ พม.ยุคใหม่ ใสสะอาด ทำงานด้วยจิตสาธารณะ กระทรวงนี้ถือเป็นกระทรวงที่ตั้งมา 15 ปี ยังอยู่ระหว่างการปรับตัว 
    รมว.พม.ยังกล่าวถึงการออกคำสั่งให้ผู้ตรวจราชการกระทรวง พม.ออกจากราชการไว้ก่อนจากปัญหาการทุจริตงบประมาณอุดหนุนคนไร้ที่พึ่งว่า ผู้ตรวจราชการกระทรวงคนดังกล่าวคือนายธีรพงษ์ ศรีสุคนธ์ ในฐานะอดีตรองอธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ (พส.) เนื่องจากถูกคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงระบุว่าข้อกล่าวหาที่ว่านายธีรพงษ์มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้นมีมูล จึงต้องถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ดังนั้นตนต้องทำตามขั้นตอน ด้วยการให้นายธีรพงษ์ออกจากราชการไว้ก่อน ยังไม่ถือว่าเป็นผู้กระทำผิดร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นการทำตามหลักการและมติ ครม. ทั้งนี้ หากผลการสอบสวนสุดท้ายพบว่านายธีรพงษ์ไม่มีความผิด ก็สามารถกลับมารับราชการได้
    ด้าน พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การตั้งนายปรเมธีมาเป็นปลัด พม. เพื่อเข้ามาสะสางปัญหาที่ พม. เรื่องนี้ตนอยากเห็นคนข้างนอกเข้าไปทำงาน นายปรเมธีเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เข้าไปช่วยเหลือกระทรวง พม.ได้
    เมื่อถามว่า นอกจาก 3 คนที่ถูกให้ออกจากราชการแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า กระทรวง พม.กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งตนได้สั่งการไปเพิ่มเติมว่า นอกจากศูนย์พักพิงคนไร้ที่พึ่งแล้ว ยังสั่งให้ตรวจสอบนิคมสร้างตนเอง ศูนย์พัฒนาราษฎรบนพื้นที่สูงและศูนย์ประสานงานโครงการหมู่บ้าน รวมจำนวน 62 แห่ง ที่ก่อนหน้านี้มีการร้องเรียนและมีหลักฐานว่าอาจจะมีการทุจริตในบางแห่ง จึงให้ตรวจสอบเพื่อให้เกิดความโปร่งใส โดยหลังวันสงกรานต์จะให้ พม.และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ามีความผิดจริงก็จะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่อไป
    นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน กล่าวว่า แสดงถึงว่านายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจเลือกใช้คนไม่ถูกกับงาน หรืออาจจะไม่พอใจการทำงานของทั้งสองคนที่ไม่สนองนโยบายที่สับสนของรัฐบาลอยู่ในปัจจุบัน ที่มีการเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนรายใหญ่ เหมือนเป็นการผูกขาดประเทศในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ยังลำบากกันมาก โดยทั้งสองคนนี้ถือเป็นบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจที่หาได้ยากในปัจจุบัน 
เพื่อไทยมโนไปไกล
    เขากล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วยังเชื่อว่านายสมชัย และนายปรเมธีมีความรู้ความสามารถทางเศรษฐกิจมากกว่าคณะรัฐมนตรีในสายนายสมคิดทุกคน การโยกนายสมชัยไปเป็นเลขาฯ สภาพัฒน์เท่ากับเป็นการลดตำแหน่งลง จึงทำให้ต้องตัดสินใจลาออก ส่วนเลขาฯ สภาพัฒน์ที่มีหน้าที่ดูแลภาพใหญ่ของประเทศกลับส่งให้ไปเป็นปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็เป็นการลดตำแหน่งเช่นกัน เพราะให้มาทำเรื่องเล็กๆ แถมยังต้องมาแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันครั้งมโหฬารแทบทุกจังหวัด การโยกย้ายครั้งนี้ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ใช้คนตามความรู้ความสามารถ แต่จะใช้คนเฉพาะที่เป็นพรรคพวกของตนเท่านั้น 
    "จะเป็นการทำลายขวัญและกำลังใจของข้าราชการที่มีความรู้ความสามารถในทุกกระทรวง อีกทั้งยิ่งจะทำให้ความนิยมของรัฐบาลที่ลดต่ำอยู่แล้วยิ่งลดต่ำลงไปอีก"
    นายพิชัยเชื่อว่าการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้อาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คาด เพราะการลงทุนในไตรมาสแรกลดลงอย่างมาก โดยยอดการตั้งโรงงานลดลง 26.96% และการลงทุนจริงวูบลงถึง 25,700 ล้านบาท และหากมีสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน การเติบโตของไทยจะลดลงไปอีก หาก ครม. เศรษฐกิจไม่เก่งพอ และยังโยกย้ายคนเก่งออกไปอีก จะยิ่งทำให้เศรษฐกิจแย่ลง ประชาชนจะยิ่งลำบาก 
    นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต ว่าตนได้แจ้งให้คณะกรรมการฯ รับทราบถึงสภาพและการทุจริตเงินกองทุนเสมาฯ โดยเชิญนายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ ศธ. ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงมาให้ข้อมูล เพื่อให้ทราบถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ยังได้แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบว่าเงินต้นของกองทุนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล รวมจำนวน 600 ล้านบาทนั้น ยังอยู่ในบัญชีธนาคาร พร้อมดอกเบี้ยอีกจำนวน 49 ล้านบาท ยืนยันว่าเงินไม่ได้หายไปไหน
        ขณะเดียวกัน คณะกรรมการฯ ยังให้วิเคราะห์สาเหตุและการทุจริตที่เกิดขึ้นว่าจะทำอย่างไร ทั้งในส่วนของการบริหารโครงการ ส่วนของการเบิกจ่ายเงินทั้งหมด โดยคณะกรรมการฯ เสนอให้ชะลอการเบิกจ่ายเงินในช่วงนี้ไปก่อน และให้ไปสร้างแนวปฏิบัติขึ้นใหม่ก่อน แล้วค่อยดำเนินการต่อไป ส่วนการเยียวยาให้กับครูในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ โรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ จำนวน 52 ราย และนักเรียนวิทยาลัยพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ยังไม่ได้รับเงินจากกองทุนเสมาฯ นั้น ในส่วนของนักเรียนพยาบาลในเบื้องต้นแจ้งว่ายังไม่ได้รับทุนตามสิทธิ์ จำนวน 198 ราย เป็นเงิน 11 ล้านบาท แต่ตัวเลขยังไม่นิ่ง จะต้องรอการตรวจสอบตัวเลขจากทางจังหวัดต่างๆ ขณะนี้เหลืออีก 10 จังหวัดที่ยังไม่ได้แจ้งมา ก็ให้เร่งแจ้งมาโดยเร็ว
         นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้หารือว่าเงินจำนวน 49 ล้านบาท จะสามารถนำมาใช้ในการเยียวยาได้หรือไม่ ดังนั้น เพื่อให้เกิดความรอบคอบถูกต้อง จึงให้ขอความเห็นจากกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ก่อนว่าสามารถใช้เงินดังกล่าวได้หรือไม่ โดยจากนี้รวมถึงจะต้องปรับปรุงแก้ไขระเบียบที่จำเป็น สร้างแนวทางในการปฏิบัติ โดยนำบทเรียนที่ค้นพบ รวมถึงความก้าวหน้าของสังคม ในเรื่องการพัฒนาระบบของกองทุนให้เกิดความรวดเร็ว ฉับไว ถูกต้อง เชื่อถือได้ ทั้งนี้คาดว่าไม่เกินเดือน มิ.ย.จะแล้วเสร็จ ก่อนให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณาต่อไป
         "ส่วนข้าราชการ ศธ.ที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นั้น เบื้องต้นเตรียมจะใช้มาตรการป้องกันและปราบการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ย้ายข้าราชการสังกัด สป. ออกจากหน้าที่เดิมก่อน จำนวน 6 ราย ส่วนข้าราชการระดับ 8 อีก 2 รายนั้น เป็นข้าราชการสังกัดอื่น จะต้องเสนอให้ต้นสังกัดเป็นผู้ดำเนินการ โดยคาดว่าจะออกคำสั่งได้ภายในสัปดาห์หน้า" นายการุณกล่าว
    ที่กระทรวงศึกษาธิการ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างนำซองเอกสาร จ่าหน้าถึงผู้สื่อข่าวทุกสำนัก มาส่งยังห้องสื่อมวลชน ศธ. โดยพบว่า เป็นจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ของนางรจนา สินที อดีตข้าราชการที่ถูกไล่ออกจากราชการ กรณีทุจริตกองทุนเงินเสมาพัฒนาชีวิต ผู้สื่อข่าวได้สอบถามผู้ขี่จักรยานยนต์ดังกล่าว บอกเพียงว่ามีผู้ว่าจ้างจากเมืองทองธานีให้นำเอกสารดังกล่าวมาส่งที่ห้องสื่อมวลชน ศธ. โดยไม่รู้รายละเอียดอื่นๆ 
    เนื้อความในจดหมายเปิดผนึกฉบับที่ 2 ระบุส่งถึงพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่ทำหน้าที่ในกรณีนี้ ก็ส่อพฤติกรรมมีข้อสงสัยให้ข้อมูลคลาดเคลื่อน และยังลุแก่อำนาจในบางประการ เช่น นายอรรถพล ตรึกตรอง ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง โปรดอย่าพูดปด เอาดีใส่ตัว ชั่วให้คนอื่น"
    "ด้วยความเคารพต่ออดีตผู้บังคับบัญชา ดิฉันกล้ารับถูก รับผิด ถ้าเรากระทำจริง แต่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่บางคนที่เข้ามาเกี่ยวกับการรักษาผลประโยชน์รัฐและพิทักษ์ความเป็นธรรมแล้วมีพฤติกรรมดังกล่าวที่ว่า  บุคคลใดกล่าววาจาเป็นเท็จ นอกจากจะไม่สุจริตแล้ว จะหาความเที่ยงธรรมก็ลำบากเหลือประดา"
    จดหมายที่อ้างเป็นของนางรจนายังระบุว่า จะไม่หนี จะสู้ตามกระบวนการยุติธรรมของไทย. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"