ป้อมพร้อมคุมซ่อมปากนํ้า จตุพรชี้อย่าเหลิงส.ส.พรึ่บ


เพิ่มเพื่อน    

  บิ๊กป้อมไม่กดกันเลือกตั้งซ่อมสมุทรปราการ ชี้แล้วแต่ประชาชน ขณะที่เพื่อไทยเคาะสลิลทิพย์ลงสนามสู้ ด้าน "จตุพร" ซัดนักการเมืองยังเริงร่าตัวเลข ส.ส.ในมือ ทั้งที่ประเทศมาถึงจุดขุดดินก้นเหวมุดลงอีก

    เมื่อวันศุกร์ เมื่อเวลา? 10.00? น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เพื่อถวายเครื่องสักการะเนื่องในเทศกาลเข้าพรรษา ประจำปี 2563 ว่า “สมเด็จพระสังฆราชประทานพรให้ขาผมดีๆ  และประทานพรให้ทุกคน ”
    วันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สมุทรปราการ เขต 5 กดดันหรือไม่ ว่ากดดันเรื่องอะไร ก็ว่าไป แล้วแต่ประชาชน เมื่อถามว่าครั้งที่ผ่านมาชนะฉิวเฉียด ครั้งนี้น่าจะซื้อใจประชาชนได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ผมชนะหมื่นนึง ก็แล้วแต่ประชาชน ต้องให้เกียรติประชาชน”
     เมื่อถามถึงโครงสร้างพรรค พปชร.เรียบร้อยดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า เรียบร้อย เมื่อถามว่าในพรรคมีความพยายามเลื่อยขานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี อยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มีหรอก
    นายภูมิธรรม เวชยชัย สมาชิกพรรคเพื่อไทย ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคมีมติเห็นชอบให้นางสลิลทิพย์ สุขวัฒน์ อดีตส.ส.สมุทรปราการ เป็นตัวแทนพรรคในการลงสมัครครั้งนี้
    วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เฟซบุ๊กไลฟ์ตอนหนึ่งว่า ในทางการเมือง สิ่งที่น่ากลัวคือสว่างจนมองไม่เห็น  สถานการณ์ของไทยขณะนี้เดินไปถึงจุดสว่างจนมองไม่เห็น เนื่องจากในทางการเมืองมีคนจำนวนหนึ่งพยายามเสนอทางออกให้ชาติบ้านเมือง เพราะเชื่อว่าถ้าคิดและเล่นการเมืองแบบเดิม ไม่มีวันพาประเทศข้ามพ้นวิกฤติไปได้
    "ขณะเดียวกันยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับสถานการณ์ของไทยที่กำลังเดินไปสู่ต่ำสุดในช่วงชีวิต อีกทั้งกลุ่มคนไม่ว่าฝ่ายใดที่เกี่ยวข้องกับความรับผิดชอบประเทศ ยังมองไม่เห็นภัย ซึ่งอันตราย โดยหลายคนยังไม่รู้สึกถึงอันตราย แต่เข้าใจเอาเองว่าเป็นแสงสว่าง ทั้งที่เป็นแสงจ้าบาดตาตัวเองจนมองไม่เห็น ราวกับเป็นแสงสว่างบังตา ซึ่งน่ากลัวกว่าความมืดบังตาอย่างที่สุด การปลดเลิกจ้างพนักงานเกือบพันคนขององค์กรคุรุสภาที่เคยยิ่งใหญ่และแข็งแรงที่สุดในอดีต แต่ต้องมาพังเป็นองค์กรแรกอย่างไม่น่าเชื่อ" นายจตุพรระบุ
    ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองนั้น นายจตุพรระบุว่า คาดว่าจะปรับ ครม.ประมาณกลางเดือนสิงหาคม เมื่อถึงตอนนั้นเชื่อว่าสภาพเศรษฐกิจจะวิกฤติไปอย่างคาดไม่ถึง ดังนั้นจึงไม่รู้จะปรับครม.กันได้หรือไม่ ในทางการเมืองวันนี้ยังมีเริงร่า มีความสุขกับส.ส.จำนวนมาก แต่ตนเองเห็นว่าจำนวน ส.ส.มากไม่ได้ทำให้การเมืองแข็งแรง เมื่อเราอยู่ในจุดความเป็นจริงแล้ว
    "สถานการณ์ประเทศในวันนี้ ถ้าไม่ระดมศักยภาพของคนทุกฝ่าย หรือไม่มองข้ามความแตกต่างกันแล้ว เชื่อได้เลยว่าประเทศพังเละแน่ การมองว่าประเทศกำลังแข็งแรง กำลังฟื้นจากจุดต่ำสุดแล้ว นั่นคือการอธิบายถึงสถานการณ์ไปอยู่ก้นเหว และกำลังขุดดินก้นเหวมุดลงไปอีก ดังนั้นความต้องการพาประเทศให้มาถึงปากเหวไม่ใช่เรื่องง่าย และยากที่สุด" นายจตุพรระบุ.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"