เคาะแผนฟื้นฟูจากพิษโควิด เริ่มกลุ่ม "ศก.ฐานราก" ก่อน


เพิ่มเพื่อน    

          หลังไทยผ่านช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จนนำมาซึ่งมาตรการที่เข้มงวด และเริ่มผ่อนคลายไปตามลำดับ จากระยะที่ 1-4 กระทั่งปัจจุบันเข้าสู่การผ่อนคลายในระยะที่ 5 และตามมาด้วยมาตรการฟื้นฟูทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ภายใต้ พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อแก้ปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2563

                ทั้งนี้ ก่อนเข้าสู่ช่วงการฟื้นฟูที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้มีการหารือกับทีมเศรษฐกิจมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ยังได้เดินสายรับฟังปัญหาจากภาคส่วนต่างๆ ด้วยตนเองมาบ้างแล้ว ทำให้ได้ข้อมูลเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด ทำให้การฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด-19 ระยะแรก เลือกเน้นหนักไปที่เศรษฐกิจฐานรากอย่างภาคการเกษตรก่อน เพื่อหวังเป็นการสร้างความเข้มแข็งในภาคประชาชน

                ล่าสุดในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 8 ก.ค. ได้เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ ที่ได้มีการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการ เพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานหรือโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 รวมถึงมอบหมายให้หน่วยงานรับผิดชอบแผนงาน โครงการดำเนินการ ตามความเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมของคณะกรรมการกลั่นกรองอย่างเคร่งครัด

​​                ทั้งนี้ จากรายงานของ​​สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ถึงการพิจารณากลั่นกรองแผนงานหรือโครงการเพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนงานฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ วงเงินไม่เกิน 400,000 ล้านบาท วันที่ 30 มิ.ย.63 มีหน่วยงานของรัฐได้จัดส่งข้อเสนอโครงการเบื้องต้น ให้พิจารณาถึง 46,411 โครงการ วงเงินประมาณ 1.45 ล้านล้านบาท

                "​​แต่ทั้งนี้กรอบแนวคิดในการดำเนินแผนงาน และโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของประเทศในรอบที่ 1 จะยึดการดำเนินการในระดับพื้นที่เป็นหลัก และเน้นการฟื้นฟูและสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยให้ความสำคัญต่อสาขาเศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงมีความได้เปรียบ และต่างประเทศยังมีความต้องการ เน้นกิจกรรมที่ก่อให้เกิดการสร้างงานและสร้างอาชีพ สามารถรองรับแรงงานส่วนเกินที่อพยพกลับท้องถิ่นและชุมชน เน้นการบูรณาการระหว่างหน่วยงานทั้งในด้านกำลังคน แผนงานโครงการและการลงทุน รวมถึงเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในพื้นที่และภาคส่วนอื่นๆ"

                ซึ่งจากการพิจารณากลั่นกรองข้อเสนอโครงการเบื้องต้น พบว่ามีข้อเสนอโครงการของหน่วยงานที่มีความสอดคล้องกับกรอบแนวคิดในรอบที่ 1 จำนวน 186 โครงการ กรอบวงเงินเบื้องต้นประมาณ 92,400 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 3 แผนงาน ได้แก่ 1.แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก 2.แผนงานสร้างความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน และ 3.แผนงานการกระตุ้นการอุปโภคบริโภคและกระตุ้นการท่องเที่ยว ​​ทำให้ได้ผลสรุปการพิจารณากลั่นกรองแผนงานหรือโครงการ เพื่อขอใช้จ่ายเงินกู้ภายใต้แผนฟื้นฟูฯ รอบที่ 1 จำนวน 5 โครงการ จาก 4 กระทรวง

                โดยมีโครงการภายใต้ "แผนงานสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก" จำนวน 2 โครงการ 1.โครงการ "1 ตำบล 1 กลุ่ม เกษตรทฤษฎีใหม่" ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน 9,805 ล้านบาท ระยะเวลา กรกฎาคม 2563 - กันยายน 2564 การดำเนินการคือ ฝึกอบรมเกษตรกรเกี่ยวกับเกษตรทฤษฎีใหม่ เพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำสำหรับทำการเกษตร ซึ่งประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับคือ เพิ่มรายได้เกษตรกร 44,099 ราย เพิ่มการจ้างงานเกษตรกร 8,018 ราย มีพื้นที่กักเก็บน้ำสำหรับทำการเกษตรในฤดูแล้ง

                2.โครงการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักทฤษฎีใหม่ประยุกต์สู่ “โคก หนอง นา โมเดล” ของกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย วงเงิน 4,787 ล้านบาท ระยะเวลา กรกฎาคม 2563 – กันยายน 2564 เป็นการดำเนินการพัฒนาพื้นที่เรียนรู้ชุมชน ฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชนผ่านการสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร แรงงานบัณฑิตจบใหม่ กลุ่มแรงงานที่อพยพกลับท้องถิ่น ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับ ได้แก่ การเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรและประชาชน 25,179 ครัวเรือน เพิ่มการจ้างงานเกษตรกร 6,492 ราย เพิ่มพื้นที่ปลูกป่าไม่น้อยกว่า 25,759 ไร่

                ขณะที่โครงการภายใต้ "แผนงานสร้างความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน" มีจำนวน 3 โครงการ คือ 1.โครงการพัฒนาธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน ของกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน 169 ล้านบาท ระยะเวลา สิงหาคม 2563 – กันยายน 2564 การดำเนินการฝึกอบรมสมาชิกศูนย์จัดการดินปุ๋ยชุมชนให้มีองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการตรวจวิเคราะห์ดินและใช้ปุ๋ย รวมทั้งขยายผลไปยังพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับคือ เพิ่มการจ้างงานในธุรกิจบริการดินและปุ๋ยเพื่อชุมชน ประมาณ 2,364 คน ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ยเคมีในพืชเศรษฐกิจต่างๆ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 หรือประมาณ 18,000 ตัน

                2.โครงการพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว ของกรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วงเงิน 15 ล้านบาท ระยะเวลา กรกฎาคม-ธันวาคม 2563 เป็นการดำเนินการสร้างต้นแบบพื้นที่ท่องเที่ยวให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยว 5 พื้นที่ ได้แก่ ย่านเมืองเก่าน่าน หาดบางแสน ชลบุรี เอเชียทีค ชุมชนบ้านไร่กองขิง เชียงใหม่ และเยาวราช รวมถึงฝึกอบรมเรื่องความปลอดภัยและสุขอนามัยให้ผู้ประกอบการและร้านค้าต่างๆ ส่วนประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับนั้น คือประเทศไทยจะมีพื้นที่ท่องเที่ยวต้นแบบสำหรับเป็นตัวอย่างให้พื้นที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ทำให้มีรายได้กระจายสู่เศรษฐกิจ

                และ 3.โครงการพัฒนาศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้ด้านสัตว์ป่า ของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม วงเงิน 741 ล้านบาท ระยะเวลา สิงหาคม 2563 – สิงหาคม 2564 เป็นการดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน และสิ่งอำนวยความสะดวกให้ได้มาตรฐาน จ้างงานในชุมชนท้องถิ่นรอบพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่า 1,250 คน เพื่อให้ความรู้ในแหล่งท่องเที่ยว พัฒนามาตรฐานกิจกรรมดูนกและเดินป่าในพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ป่า ซึ่งจะช่วยยกระดับแหล่งท่องเที่ยวเชิงคุณภาพเพื่อการเรียนรู้ด้านสัตว์ป่า เกิดการจ้างงานและสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่นโดยรอบ เช่น ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยวหรือมัคคุเทศก์ 1,250 คน ผู้ประกอบการก่อสร้างในท้องถิ่น จำนวน 125 ราย

                อย่างไรก็ตาม โครงการและงบประมาณที่ผ่าน ครม.ในรอบนี้ 5 โครงการ รวม 15,520 ล้านบาท ส่วนอีกกว่าร้อยโครงการที่มีการเสนอเข้ามา "พล.อ.ประยุทธ์" จะพิจารณาในการประชุม ครม.ครั้งถัดไป ซึ่งคาดว่าจะเรียบร้อยทุกโครงการโดยเร็วที่สุด.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"