ทำงานการเมือง...เรื่องความจริงใจในการพัฒนา


เพิ่มเพื่อน    

            แม้ว่าจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหลังจากที่พรรคถูกยุบ อดีต ส.ส.ก็ยังคงต้องการมีบทบาททางการเมือง โดยตระเวนหาแนวร่วมในต่างจังหวัด เพื่อหวังจะได้ชัยชนะในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ หากฟังดูเนื้อหาในการหาเสียงว่าด้วยการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ก็อาจจะมองได้ว่ามีอุดมการณ์ทางการเมืองที่ใช้ได้ เพราะหลายคนคงเห็นด้วยว่าการพัฒนาประเทศควรจะต้องมีการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น เพราะการพัฒนาในแต่ละพื้นที่นั้นจะใช้อำนาจส่วนกลางไปกำหนดคงจะไม่เหมาะและไม่ถูกต้อง แต่ละพื้นที่ควรจะมีผู้คนในพื้นที่อาสาเข้ามาวางนโยบายและกำหนดโครงการต่างๆ ในการพัฒนาความเจริญของพื้นที่ และประชาชนในพื้นที่ควรจะต้องมีส่วนร่วมในการจัดการกับทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ในท้องถิ่น ถ้าหากพูดจาสนับสนุนการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยไม่มีเนื้อหาที่เป็นปัญหามาเจือปนอยู่คงได้รับความชื่นชม และคนที่เคยต่อต้านชิงชังก็คงพูดจาต่อว่าต่อขานด้วยความชิงชังต่อไปไม่ได้

               แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ “ความจริงใจ” ในการพูดจา เพราะหลายครั้งที่มีโอกาสได้พูด เขามักจะมีการพูดถึงเรื่องความเหลื่อมล้ำ ความไม่ทัดเทียมอยู่ด้วยเสมอ และเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องความเหลื่อมล้ำนั้นมักจะส่อไปทางจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ มีความพยายามที่จะสร้างวาทกรรมให้ประชาชนไม่พอใจการดำรงอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เป็นสถาบันสูงสุดของประเทศ เป็นสถาบันที่สำคัญ ดำรงอยู่คู่กับความเจริญและการพัฒนาของประเทศมาหลายร้อยปี ตั้งแต่ประเทศไทยมีกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี คนไทยที่กตัญญูรู้คุณแผ่นดินและพระมหากรุณาธิคุณของบูรพกษัตริย์ทุกพระองค์จนถึงปัจจุบัน ตระหนักดีว่าสถาบันพระมหากษัตริย์มีความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศไทยเพียงใด หลายคนคิดไม่ออก ไม่เข้าใจ ทำไมคนบางคนจึงมีความคิดต่อต้านสถาบันพระมหากษัตริย์ จนเกิดกลุ่มคนที่เรียกว่า “ล้มเจ้า” ขึ้นมาในประเทศไทย การที่คนส่วนใหญ่ยังไม่ทำตัวเป็นศัตรูกับคนเหล่านี้ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเห็นด้วย หรือยอมที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองให้เป็นไปตามที่คนพวกนี้ต้องการ

               ไม่ว่าใครก็ตามที่คิดจะเข้ามาใช้ความรู้ความสามารถในการพัฒนาประเทศชาติ จะต้องมีความจริงใจ และจะต้องทำงานการเมืองด้วยความจงรักภักดีและมุ่งมั่นที่จะดำรงสถาบันหลักของประเทศ ได้แก่ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้สถิตเสถียรสถาพรตลอดไป ไม่ควรที่จะมีความคิดที่จะทำลายสถาบันหลักของประเทศ หลายคนได้เห็นคลิปที่มีคนไทยสูงวัยคนหนึ่งคุยกับนักการเมืองรุ่นใหม่ (ที่ตอนนี้ต้องเว้นวรรคทางการเมือง) อย่างตรงไปตรงมา คุณลุงเห็นด้วยกับการที่ประเทศไทยจะมีนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์ในการพัฒนาประเทศ แต่คุณลุงก็พูดจาชัดเจนตรงไปตรงมา ว่า การเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่นั้นควรเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์และตรงไปตรงมา นักการเมืองรุ่นใหม่ไม่ควรเคลื่อนไหวในลักษณะที่สร้างความขัดแย้งและความแตกแยกให้กับสังคมไทยด้วยวาทกรรมต่างๆ เหมือนอย่างที่ผ่านๆ มาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณลุงยังพูดอย่างมีเหตุผลว่า การสร้างประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นต้องอาศัยความรักความสามัคคีของผู้คนในทุกภาคส่วนของสังคมไทย เราคงไม่สามารถพัฒนาประเทศได้ท่ามกลางความขัดแย้ง ความเป็นประชาธิปไตยนั้นคิดต่างได้ แต่ไม่ควรที่จะมีความแตกแยก ทุกภาคส่วนต้องให้ความร่วมมือเข้ามาสร้างประชาธิปไตยอย่างสันติ หากมีสันติภาพในหมู่ประชาชนแล้ว ประเทศไทยจะมีความเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนชาวไทยทั้งประเทศได้รับประโยชน์ร่วมกันอย่างแท้จริง และประเทศจะต้องมีการพัฒนาในทิศทางที่เป็นประโยชน์กับประชาชน

               สิ่งที่หลายๆ คนอยากเห็นก็คือการปรับเปลี่ยนแนวทางการการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนที่เรียกตนเองว่าเป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ใส่ใจประชาธิปไตย พวกเขาจะต้องสร้างวาทกรรมในลักษณะที่สร้างความรู้รักสามัคคีในหมู่ประชาชน พวกเขาต้องยุติการยัดเยียดแนวความคิดที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งและความแตกแยกทางความคิดในสังคมไทย และที่สำคัญที่สุดพวกเขาจะต้องไม่พูดจาสร้างอคติที่บิดเบือนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย ประเทศไทยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ผู้ใดนำเอาแนวคิดแบบสาธารณรัฐมาปลุกปั่นให้คนไทยคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่มีความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ การที่นักการเมืองรุ่นใหม่บางคนพยายามที่จะเปลี่ยนระบอบการปกครองของประเทศไทยอย่างที่พวกเขากำลังคิดอยู่ในตอนนี้ สิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นก็คือ ประเทศไทยที่เป็น “ราชอาณาจักร” จะต้องเผชิญกับความวุ่นวายและความรุนแรงที่เกิดจากความแตกแยกทางความคิดของคนไทยด้วยกันเองในที่สุด

               หากนักการเมืองรุ่นใหม่บางคนกลับใจหันมาส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยเพื่อให้มีการพัฒนาอย่างสันติ แทนการแสดงตนเป็นคนที่ฝักใฝ่การปฏิวัติที่ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ในฝรั่งเศสและรัสเซีย คนไทยจำนวนมากก็จะยินดีที่ประเทศไทยมีนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์ในการพัฒนาประเทศด้วยความจริงใจ ไม่มีวาระซ่อนเร้นเรื่องการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ และอาจจะมีหลายคนร่วมอุดมการณ์ และร่วมผลักดันให้ประเทศไทยมีการพัฒนาให้เป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง อีกทั้งอาจจะมีประชาชนมาช่วยกันป้องกันประเทศไม่ให้เกิด “ระบอบเผด็จการ” และช่วยกันกำจัด “ธนาธิปไตย” ที่นักการเมืองรุ่นเก่าหลายคนทำงานการเมืองด้วยเงิน คือใช้เงินซื้อเสียง เสนอโครงการเพื่อแสวงหาเงินทอนจากงบประมาณเพื่อถอนทุน การเมืองแบบเก่าที่ว่านี้ประชาชนเบื่อหน่ายเต็มที่ และอยากจะฝากความหวังไว้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์เรื่องการ “พัฒนา” ไม่ใช่เรื่อง “ผลประโยชน์”

               ขอให้นักการเมืองรุ่นใหม่มีความจริงใจ ที่จะสร้างสังคมประชาธิปไตยที่มีการกระจายอำนาจไปสู่ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง ประชาชนอยากได้ผู้แทนในรัฐสภาที่เป็นปากเป็นเสียงให้ประชาชน ไม่ใช่เป็นตัวแทนของ “นายทุนทางการเมือง” ที่ใช้เงินเข้ามาครอบงำการดำเนินงานของพรรค แต่สิ่งที่เราเห็นอยู่ในเวลานี้ก็คือ นักการเมืองรุ่นใหม่บางคนที่เข้ามาในแวดวงทางการเมืองยังคงรับใช้นายทุนทางการเมืองนี้อยู่ ยังร่วมมือนายทุนทางการเมืองที่ทำผิดกฎหมายของพรรคการเมือง ยังทำหน้าที่แก้ต่างให้กับนายทุนการเมืองที่ไม่เคารพกฎหมาย และมีแนวคิดที่จะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ คนไทยต้องการนักการเมืองหน้าใหม่ที่มีอุดมการณ์ คนไทยต้องการความเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง คนไทยอยากเห็นการพัฒนาเพื่อประโยชน์ของประชาชน แต่ประชาชนไม่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองที่ไร้สถาบันพระมหากษัตริย์ โปรดตระหนักรู้และสำเหนียกกันหน่อยนะ นักการเมืองรุ่นใหม่ทั้งหลาย.

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"