มุ่งทำงาน...ไม่เล่นการเมือง '6 ดาวฤกษ์' รุดแก้เขื่อนทรุด


เพิ่มเพื่อน    

   ชาวบ้านย่านหนองจอกทุกข์หนัก เนื่องจากเขื่อนริมคลองแสนแสบสร้างผลกระทบหนัก เกิดดินริมตลิ่งสองข้างคลองถล่ม ทำบ้านเรือน มัสยิด โรงเรียนริมคลองทรุดตัว ขณะที่เขื่อนเพิ่งสร้างเสร็จพังทลายหลายจุด ทนทุกข์มา 3 ปี ไร้คนมาเยียวยาแก้ไขปัญหา

                เมื่อต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา 6 ส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ, นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.เขตหนองจอก, นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.เขตคลองเตย-วัฒนา, นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.เขตราชเทวี-พญาไท-จตุจักร, นางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส.เขตบางกะปิ-วังทองหลาง และนางสาวธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส.เขตดุสิต-บางซื่อ ลงพื้นที่รับฟังปัญหาดังกล่าว

                สำหรับโครงการก่อสร้างเขื่อนริมคลองแสนแสบสองฝั่ง ที่สำนักการระบายน้ำ กทม.กำลังก่อสร้างช่วงต่อจากคลอง 13 เข้ามาในพื้นที่เขตหนองจอก ระยะทางประมาณ 10 กม. เพื่อกั้นน้ำไม่ให้เข้าพื้นที่กรุงเทพฯ แล้วให้ไหลไปลงแม่น้ำบางปะกง ขณะที่งานก่อสร้างไปแล้ว 70%

                อิหม่าม สุนันท์ มูฮำหมัดเย็ง แห่งมัสยิดนูรุ้ลยะกีน กล่าวว่า นับแต่โครงการได้เริ่มการก่อสร้าง ได้สร้างผลกระทบต่อมัสยิดอย่างหนัก โดยศูนย์พัฒนาเด็กเล็กของทางมัสยิดที่ตั้งอยู่ริมคลองแสนแสบเกิดการทรุดตัว จนส่วนที่เป็นครัว ห้องน้ำ ดินทรุดจนพัง ขณะที่ตัวพื้นของอาคารศูนย์ฯ แตกร้าวหลายจุด

                “เราเป็นห่วงนักเรียนของเราที่เป็นเด็กเล็กจะเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งจะเกิดตอนไหนก็ได้ เพราะอาคารศูนย์ฯ จะถล่มมาตอนไหนก็ไม่รู้ ท่านผู้ว่าฯ กทม. (พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม.) เคยมาตรวจเมื่อวันที่ 21 ม.ค. และบอกให้ผู้รับเหมาแก้ไข แต่พอท่านผู้ว่าฯ กลับไปทุกอย่างก็ยังไม่ได้รับการแก้ไข”   

                อิหม่ามสุนันท์บอกว่า จริงๆ แล้วชาวบ้านไม่ได้อยากได้เขื่อนอยู่แล้ว เพราะมันขัดต่อวิถีชาวบ้านริมคลองแถวนี้ ที่ยังใช้น้ำในลำคลองทำการเกษตร ยกยอจับปลาอยู่ แต่ยอมเพราะไม่อยากขัดกับการพัฒนาของบ้านเมือง แต่เขื่อนมาสร้างผลกระทบอย่างหนัก

                นางวารี กบิลคาม วัย 75 ปี ชาวบ้านริมคลองอีกคน เปิดเผยว่า ตัวบ้านได้รับผลทรุดหนักตอนผู้รับเหมาตอกเสาเข็มมีฝุ่นเข้าบ้าน นอนไม่หลับ นอกจากนี้ยังมีสัตว์พวกตะขาบเยอะมาก

                นางสุกานดา โฆษิตพานิชยกุล ผู้ค้าในตลาด 100 ปีหนองจอก กล่าวว่า ขณะนี้พวกเราชาวตลาด 100 ปีหนองจอกได้รวมตัวกันต่อต้านโครงการนี้อย่างมาก เนื่องจากการสร้างเขื่อนต้องมาเอาส่วนหนึ่งของตัวตลาด ซึ่งตลาดนี้มีประวัติศาสตร์นับร้อยปี เป็นอัตลักษณ์ของชาวหนองจอก ทรงคุณค่าแก่การอนุรักษ์ไว้

                “เรามองเห็นสภาพหลังการก่อสร้างเขื่อนเสร็จ ทำให้เกิดผลกระทบมากมาย ด้วยดินริมตลิ่งสองฝั่งคลองเกิดการแลนด์สไลด์ อาคารที่อยู่ริมคลองเกิดการทรุดตัว บางจุดเกิดช่องห่างระหว่างตัวเขื่อนกับทางเดินจนคนสามารถตกไปได้ และยังเกิดการขังตัวของน้ำจนเหม็นคลุ้งไปหมด ทั้งที่ก่อนหน้าที่จะสร้างเขื่อนไม่เกิดปัญหานี้”

                “อีกทั้งทางเดินริมเขื่อน ก็ไม่ทราบว่าออกแบบอย่างไรให้ไม่เหมือนกัน ส่วนใหญ่จะทำเป็นทางเดินโล่งให้จับ เหมือนทางเดินเขื่อนริมคลองทั่วไป แต่บางจุดกลับสร้างเป็นกำแพงคอนกรีตกั้นระหว่างทางเดินกับตัวบ้าน ซึ่งทำให้บังแดดบังลมหมด” นางสุกานดากล่าว

                ด้าน “นางสาววทันยา วงษ์โอภาสี” ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า จากการรับฟังปัญหาที่ประชาชนหลายคนมีความเป็นห่วงว่าโครงการสร้างเขื่อนกั้นน้ำมีการเจาะหน้าดินทำให้น้ำกัดเซาะทำให้ดินทรุด ที่อยู่อาศัยทรุดหนัก ขณะที่บริเวณมัสยิด เขื่อนเอียง และมีรอยแตกร้าวผ่ากลางมัสยิสไปถึงด้านบนของตัวมัสยิด ต้องนำเสามาค้ำไว้ รวมทั้งตลาด 100 ปีหนองจอก เขื่อนสร้างไม่สมบูรณ์ระหว่างเขื่อนกับพื้นทางเดินเท้าไม่แนบชิดมีช่องตรงกลางเป็นแนวยาว ทำให้การสัญจรของชาวบ้านไม่สะดวกและอาจเป็นอันตรายได้ ฯลฯ

                นอกจากนี้ยังมีการทำลายวิถีชีวิตชุมชนและทัศนียภาพริมคลอง ที่รักษามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทำให้เกิดความขัดแย้งกันของประชาชนในพื้นที่ ที่มีทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้นพวกเรากลุ่ม ส.ส. 6 ดาวฤกษ์ จึงต้องฟังความเห็นของทั้ง 2 ฝ่าย แล้วเมื่อได้รับข้อมูลจนตกผนึก จะใช้สิทธิ์ของความเป็น ส.ส.ฝั่งรัฐบาล ประสานไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และทำงานร่วมกับชุมชนที่อยู่อาศัยโดยรอบ พร้อมนำปัญหาไปสู่การปฏิบัติขับเคลื่อนต่อไปเพื่อให้ประชาชนทุกคนได้รับการแก้ไขปัญหาและเยียวยาอย่างรวดเร็วที่สุด

                ขณะที่ “นายศิริพงษ์ รัสมี” ส.ส.เขตหนองจอก พรรค พปชร. เปิดเผยว่า สาเหตุที่ดินริมฝั่งเกิดการทรุดตัวนั้น ชาวบ้านตั้งข้อสังเกตเพราะว่าบริษัทรับเหมาก่อสร้างขุดดินโดยไม่สร้างกำแพงกั้นดินป้องกันการทรุดตัวของดินแน่นหนาพอ เราก็ไม่รู้ว่ามีการขุดดินจำนวนมากไปขายหรือไม่

                “ที่ผ่านมาเราชาวบ้านร้องเรียนไปหลายที ทั้งผู้รับเหมา สำนักการระบายน้ำ ผู้บริหาร กทม. แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต้องทนทุกข์กันไป เงินเยียวยาที่บอกว่าจะมาให้ก็ไม่มี ไม่แก้ไขปัญหา นี่ยังไม่นับคุณค่าทางจิตใจที่คนหนองจอกเสียไป เพราะคนหนองจอกเป็นคนวิถีริมคลอง”

                 ส.ส.ศิริพงษ์กล่าวต่อว่า นับจากนี้ไปหากทางคณะผู้บริหาร กทม.ไม่แก้ไขปัญหา ก็จะใช้กระบวนการตามรัฐสภา โดยการตั้งกระทู้ถามในกรรมาธิการ ป.ป.ช.ของสภาฯ หรือตั้งกระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือไม่ก็สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน 

                “โครงการนี้ใช้เงินภาษีของประชาชนนับพันล้านบาท ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จก็พังทลายแล้ว เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินมาก” ส.ส.กทม.เขตหนองจอก พปชร.กล่าวทิ้งท้าย.

 “สิงห์หนองจอก”


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"