‘สมศักดิ์’ตั้งเป้ายึดทรัพย์ แก๊งค้ายาเพิ่มขึ้น10เท่า!


เพิ่มเพื่อน    

  "บิ๊กตู่" วิดีโอคอนเฟอเรนซ์มอบนโยบายยาเสพติด สั่งขยายผลจับกุมเครือข่ายรายใหญ่ พร้อมถอนรากถอนโคนยึดทรัพย์นายทุนเพิ่มขึ้น "รมว.ยธ." ลั่นไม่ยอมเสียชื่อ ตั้งเป้ายึดทรัพย์พ่อค้ายามากกว่าเดิม 10 เท่า แตะ 6-7 พันล้านบาท

    ที่โรงแรมฮอไรซัน วิลเลจ แอนด์ รีสอร์ท จ.เชียงใหม่ วันที่ 17 ก.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) เป็นประธานเปิดการอบรมเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่ปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่ชายแดน หลักสูตร “การเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติหน้าที่เจ้าพนักงาน ป.ป.ส.” โดยมีนายนิยม เติมศรีสุข เลขาธิการ ป.ป.ส., นายวิชัย ไชยมงคล ที่ปรึกษาการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด, พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร., พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, นายดุลยพิชัย มหาวีระ อธิบดีอัยการสำนักงานคดียาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด, พล.ท.เศรษฐพล เกตุเต็ม รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ (ศอ.บส.ชน.), นายรัฐพล นราดิศร รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่, พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด, พล.ต.บุญยืน อินกว่าง รองแม่ทัพน้อยภาคที่ 3 และรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการบริหารการแก้ไขปัญหายาเสพติดชายแดนภาคเหนือ และ พล.ต.ต.วันชัย สุวรรณศิริเขต รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เข้าร่วมประชุม
    ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากทำเนียบรัฐบาลมาที่ห้องประชุม เพื่อมอบนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์และตัดวงจรยาเสพติด โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องส่วนใหญ่เป็นการจับกุมผู้ค้ารายย่อย ซึ่งมีการขยายผลไปสู่การจับกุมยึดทรัพย์สินนายทุนและเครือข่ายยาเสพติดยังน้อยอยู่ ส่งผลให้ยังคงมีปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดปรากฏอยู่ เพราะแหล่งเงินสนับสนุนไม่ได้ถูกทำลายอย่างถอนรากถอนโคน
    "ทุกหน่วยงานจะต้องตั้งเป้าหมาย กำหนดตัวชี้วัดเพื่อเป็นหลักใช้ในการทำงานอยู่เสมอ นอกจากนี้ ในระดับปฏิบัติก็จะต้องมีความเข้าใจปัญหายาเสพติดในบริบทของพื้นที่ที่รับผิดชอบของตนเองอย่างถ่องแท้ ให้สามารถแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง รวมถึงวิเคราะห์เครือข่ายยาเสพติดอย่างรู้เท่าทัน เนื่องจากเครือข่ายยาเสพติดมีพัฒนาการรูปแบบการทำธุรกรรมทางการเงินที่ทันสมัย ทันยุคดิจิทัล เช่น การซื้อขายออนไลน์ การโอนเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัล ผ่านแอปพลิเคชัน หรือการฟอกเงินในรูปแบบที่เราอาจไม่รู้จักมาก่อน ซึ่งในปีหน้าและปีต่อๆ ไปก็อาจจะมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการเงินที่ซับซ้อนมากขึ้น โดยเจ้าหน้าที่รัฐจำเป็นต้องพัฒนาตนเองอยู่เสมอ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    นายกฯ กล่าวว่า ขอมอบหลักการสำคัญ 3 ประการ เพื่อเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จในภารกิจครั้งนี้ คือ 1.หลักกฎหมาย โดยขอให้กระทรวงยุติธรรม ป.ป.ส. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดปรับปรุงมาตรการทางกฎหมาย และแนวทางปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น 2.หลักการบริหารจัดการแบบบูรณาการ โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัด ได้มีการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานทั้งฝ่ายตำรวจ ทหาร อัยการ สรรพากร และหน่วยงานด้านการปราบปราม ในการดำเนินการตามนโยบายการขยายผลยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด โดยสำหรับจังหวัดที่อยู่บริเวณชายแดน ก็ขอให้มีการประสานงานกับธนาคารในพื้นที่ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการโอนเงิน และเกิดการซื้อขายยาเสพติดข้ามประเทศเพื่อนบ้านด้วย
    นอกจากนี้ หลักการที่ 3 คือหลักการทำงานเชิงรุกและคิดเชิงระบบ โดยให้แต่ละจังหวัดมีการตั้งเป้าการยึดทรัพย์สิน รวมถึงมีแผนงานรองรับ รวมทั้งมีการจัดทำแผนผังความเชื่อมโยงของเครือข่าย และเส้นทางการเงินของนักค้ายาเสพติด เพื่อนำไปสู่การใช้มาตรการด้านการฟอกเงินและมาตรการทางภาษี รวมทั้งขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ยึดถือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ และต้องรู้เท่าทันเครือข่ายยาเสพติด
    จากนั้นนายสมศักดิ์กล่าวมอบนโยบาย “ทําอย่างไรจึงจะยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติดได้ 6,000 ล้านบาทในปี 2564” ตอนหนึ่งว่า มูลค่าของยาเสพติดในแต่ละปีมีมากถึง 1.8 ล้านล้านบาท แต่ปีหนึ่งๆ เรายึดมาได้เพียง 600-700 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเมื่อมีมูลค่าสูงขนาดนี้ หากเราปล่อยไว้จะเป็นปัญหาที่ใหญ่มาก เราต้องการให้ลูกหลานของเรามีความสุข เราเป็นคนไทย อยู่ใต้ร่มพระบารมี ต้องทำให้ปัญหาเหล่านี้หมดไปจากประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาข้าราชการระดับผู้ใหญ่ต่างๆ ได้ให้ความสนใจและให้คำแนะนำต่างๆ ที่เป็นประโยชน์มาก
    "ตัวเลขวันนี้เราสามารถยึดทรัพย์ได้ถึง 1,000 ล้านบาทแล้ว ซึ่งผมบอกว่าจะเอาให้ได้ 2 เท่าจากปีที่แล้วที่ทำได้ 600-700 ล้านบาท ก็ประมาณ 1,400 ล้านบาท ขณะนี้ถือว่าใกล้แค่เอื้อม และแนวทางใหม่ของการยึดทรัพย์ ผมตั้งเป้าให้ได้มากกว่าเดิม 10 เท่า โดยกลุ่มเป้าหมายคือ 1.ดูจากเครือข่ายยาเสพติดที่เราไปจับมา หรือจังหวัดต่างๆ ผู้ว่าฯ คงจะรู้แล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง 2.เครือข่ายที่ได้รับข้อมูลธุรกรรมที่น่าสงสัยจาก ปปง. นี่คือส่วนสำคัญที่เราจะไปถึง 10 เท่าได้ ซึ่งเราคงจะมีการเพิ่มเครื่องไม้เครื่องมืออีกเล็กน้อย และส่วนสุดท้ายคือเครือข่ายที่หนีหมายจับ หรือคดียังไม่สิ้นสุด เราสามารถใช้เครื่องมือที่มีอยู่ไปตรวจสอบได้" นายสมศักดิ์กล่าว  
    รมว.ยธ.กล่าวว่า สำหรับวิธีดำเนินการนั้น 1.ตั้งทีมสอบสวนโดยใช้เครื่องมือพิเศษเชื่อมโยงกับทุกๆ คดี 2.ตั้งหัวหน้าผู้รับผิดชอบที่ได้รับการฝึกอบรมแล้วมาดูแล 3.การประเมินยาเสพติดตามมูลค่าจริง และตามยึดทรัพย์ในส่วนของมูลค่าที่เหลือจากการจับกุม ในส่วนเป้าหมายของการดำเนินการ คือแจ้งข้อหากับผู้ร่วมขบวนการให้การช่วยเหลือให้ได้ทุกคดีจากเดิมที่แจ้งดำเนินคดีได้เพียง 10% และยังต้องแจ้งข้อหาการฟอกเงิน ข้อหาฟอกเงินหลีกเลี่ยงภาษี เลี่ยงภาษีตามประมวลรัษฎากร และแจ้งอายัดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้ไม่น้อยกว่า 10 เท่าของปีที่ผ่านมา หรือ 6-7 พันล้านบาท
    "ผมเชื่อว่าหากเราดำเนินการตามแนวทางนี้เราทำได้แน่นอนและอาจจะถึงหมื่นล้าน ซึ่งเราก็ตั้งเป้าว่าแต่ละจังหวัดจะยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดได้ประมาณจังหวัดละ 100 ล้านบาท ซึ่งบางจังหวัดอาจจะได้เกินเป้าไปเยอะก็ได้ นอกจากนี้ยังมีเรื่องรางวัลนำจับ ซึ่งหากเราจับได้เยอะเงินรางวัลก็จะเยอะตามไปด้วย ถือเป็นสิ่งที่ดีที่จะมีจูงใจให้ทุกคนช่วยกันแจ้งเบาะแส ผมเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวง ทำผลงานสำเร็จมาหลายอย่าง ซึ่งการมาอยู่กระทรวงยุติธรรมก็ต้องทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ ไม่ยอมเอาชื่อเสียงมาทิ้งไว้แน่ๆ" รมว.ยธ.กล่าว
    วันเดียวกัน พ.ต.อ.ภาคภูมิ ปราบศรีภูมิ ผกก.สภ.เมืองพิษณุโลก แถลงข่าวการจับกุมนายภาสกร  เพชรนาจักร อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 555/36 หมู่ 10 ต.หัวรอ อ.เมืองฯ จ.พิษณุโลก พร้อมของกลางยาบ้า 537,164 เม็ด, กระสุนปืนลูกซอง 20 นัด, โทรศัพท์ไอโฟน 1 เครื่อง และรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ทะเบียน ขธค 987 พิษณุโลก
    นายภาสกรรับสารภาพว่า ยาบ้าทั้งหมดมีผู้ที่ติดต่อกันทางไลน์จ้างให้เก็บยาบ้าไว้ เมื่อนำยาบ้าไปวางไว้ตามจุดจะได้รับค่าจ้างมัดละ 1,500 บาท ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนำส่งนำส่ง ร.ต.อ.สมเกียรติ บุญมีจิว รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก เพื่อสอบสวนดำเนินคดีในข้อหาจำหน่ายและมียาเสพยาให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และข้อหามีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ พร้อมทั้งจะได้ทำการขยายผลหาขบวนการค้ายาบ้ารายนี้ต่อไป.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"