22 ก.ค.2563 รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ 10 แห่ง คือ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBANK), ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (SCB), ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BBL), ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) (KTB), ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMB), ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) (CIMBT), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY), ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (KKP), บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (TISCO) และบริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LHFG) มีกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2 ปี 2563 รวมอยู่ที่ 30,386 ล้านบาท ลดลง 41.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ปี 2562 อยู่ที่ 51,579 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีแรกปี 2563 อยู่ที่ 77,224 ล้านบาท ลดลง 26.9% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกปี 2562 อยู่ที่ 105,632 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 ปี 2563 ธนาคารที่มีผลกำไรสุทธิสูงสุด 3 อันดับแรก คือ SCB อยู่ที่ 8,360 ล้านบาท, BAY อยู่ที่ 6,508 ล้านบาท และ KTB อยู่ที่ 3,829 ล้านบาท ส่วนธนาคารที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมีจำนวน 2 แห่ง คือ TMB อยู่ที่ 3,095 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.4% และ CIMBT อยู่ที่ 306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.4% ขณะที่ ครึ่งปีแรก ธนาคารที่มีผลกำไรสุทธิสูงสุด 3 อันดับแรก คือ SCB อยู่ที่ 17,611 ล้านบาท, BAY อยู่ที่ 13,540 ล้านบาท และ BBL อยู่ที่ 10,765 ล้านบาท ส่วนธนาคารที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมีจำนวน 2 แห่ง คือ TMB อยู่ที่ 7,258 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 107.6% และ CIMBT อยู่ที่ 1,386 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.6%

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานกรรมการบริหาร SCB เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2 ที่กำไรสุทธิลดลงส่วนใหญ่มาจากการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น ธนาคารได้ตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญรวมจำนวน 9,734 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64.7% จากปีก่อน เพื่อเสริมสร้างอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพของธนาคาร ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิมีจำนวน 23,777 ล้านบาท ลดลง  6.9% จากปีก่อน ตามการลดลงอย่างมากของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุนภายหลังที่ธนาคารได้ขายหุ้นของบริษัทไทยพาณิชย์ประกันชีวิต รวมทั้งการลดลงของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้ง 

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุว่า คาดผลดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์จะเริ่มดีขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเบื้องต้นคาดว่ารายได้ค่าธรรมเนียมฟื้นขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าตามยอดจับจ่ายและรายได้ Bancassurance ที่ดีขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายตั้งสำรองเริ่มผ่อนคลายลงตามภาพรวมเศรษฐกิจ อีกทั้งไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการล้มละลายของบริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) เข้ามากดดันเหมือนในไตรมาส 2 และสินเชื่อเช่าซื้อและสินเชื่อรายย่อยคาดเริ่มมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2563 รวมอยู่ที่ 155,063 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับปี 2562