ทหารไทย6นายติดโควิด ‘ระยอง’โล่ง!14วันไร้เชื้อ


เพิ่มเพื่อน    

  ศบค.โล่งปิดเคสระยองกักตัวครบ 14 วันปลอดเชื้อทุกราย พบทหารไทยติดโควิด 6 นาย หลังกลับจากฝึกร่วมสหรัฐ  สั่ง ศธ.-สธ.หามาตรการช่วย 4,532 รร.กลับมาเรียนปกติ จ่อทบทวนเปิด 91 จุดผ่านแดน ปลื้่มบลูมเบิร์กยกไทยติดอันดับ 4 จัดการโควิดได้ดี ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติชี้ ศก.ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ใช้เวลาฟื้นตัว 2 ปี

    ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เวลา 11.30 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สรุปกรณีของจังหวัดระยองที่ครบ 14 วัน โดยผู้สัมผัสที่มีความเสี่ยงสูง 12 ราย อยู่ในสถานที่กักตัวของรัฐครบ 14 วัน มีการตรวจซ้ำครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ทุกรายผลการตรวจล่าสุดไม่พบเชื้อทั้งหมด และเมื่อครบเวลา 15.00 น. ของวันที่ 24 ก.ค. ทุกคนจะครบ 14 วันเต็ม และให้ออกจากสถานที่กักตัวของรัฐในวันที่ 25 ก.ค. ทั้งนี้ ทุกคนสุขภาพแข็งแรงดี ส่วนกว่า 7,000 รายที่เป็นผู้สัมผัสมีความเสี่ยงน้อย ผลไม่พบเชื้อทุกรายเช่นกัน ดังนั้น จ.ระยองกลับมาเป็นปกติ ไม่ใช่เป็นวิกฤติของการระบาด สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงวิกฤติในเชิงของงานการข่าวที่หน่วยงานต้องสื่อสารกับประชาชนที่ต้องวางแผนให้ดียิ่งขึ้น
    สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 10 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,279 ราย หายป่วยสะสม 3,107 ราย ผู้ป่วยรักษาในโรงพยาบาล 114 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่รายที่ 1 หญิงไทยอายุ 23 ปี เป็นนักศึกษา กลับจากซูดาน เดินทางถึงไทยวันที่ 10 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 21 ก.ค., รายที่ 2 จากปากีสถาน เป็นนักเรียนหญิงไทย อายุ 18 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 12 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ กรุงเทพฯ ตรวจพบเชื้อวันที่ 21 ก.ค., รายที่ 3 จากเยอรมนี เป็นนักเรียนชายไทยอายุ 18 ปี เดินทางถึงไทยวันที่ 16 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ผลตรวจพบเชื้อวันที่ 22 ก.ค., รายที่ 4 จากเนเธอร์แลนด์ เป็นหญิงไทยอายุ 37 ปี อาชีพค้าขาย เดินทางถึงไทยวันที่ 18 ก.ค. เข้าพักในสถานที่กักตัวของรัฐ จ.ชลบุรี ตรวจพบเชื้อวันที่ 22 ก.ค.
    ส่วนรายที่ 5-10 ทั้งหมดเป็นทหารชายไทย อายุระหว่าง 20-32 ปี กลับจากฝึกทหารที่ฐานทัพฮาวาย เดินทางถึงไทยวันที่ 22 ก.ค. โดยผ่านการคัดกรอง ณ ด่านควบคุมโรค พบว่ามีอาการเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค (pui) ไข้ ไอ มีน้ำมูก ถ่ายเหลว จึงตรวจหาเชื้อวันที่ 22 ก.ค. ผลตรวจพบเชื้อ ขณะนี้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
    ส่วนสถานการณ์โลกยอดผู้ติดเชื้อเพิ่ม 278,295 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อรวม 15,651,911 ราย รักษาหายแล้ว 9,535,342 ราย เสียชีวิต 636,470 ราย ทั้งนี้ ประเทศไทยวันนี้ปรับอันดับลงมาอยู่อันดับที่ 104 จำนวนผู้ติดเชื้อ 3,279 ราย สำหรับเที่ยวบินเข้าประเทศวันเดียวกันนี้ 582 ราย ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าคนที่อยู่ในสถานที่กักตัวมีเพศสัมพันธ์กัน เกิดการใกล้ชิดกันและถ่ายทอดเชื้อ ทำให้ตัวเลขการแพร่เชื้อขึ้นมาใหม่อีกรอบ นำเรียนว่าเราไม่ได้กล่าวหาอะไรกับใคร แต่ศึกษาจากสิ่งที่เป็นไปของโลกนี้ การจะเกิดติดเชื้อขึ้นมาในรูปแบบใดก็แล้วแต่ เราเรียนรู้เสร็จแล้วจะมาป้องกันตรงนี้ได้อย่างไร
ติดอันดับ 4 ปราบโควิดดีสุด
    นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ขอบคุณองค์การอนามัยโลก (WHO) เลือกประเทศไทยเป็น 1 ใน 2 ประเทศในการถ่ายทำสารคดี โดยอีกประเทศหนึ่งคือนิวซีแลนด์ เป็นการถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับการจัดการโควิด-19 ซึ่งจะเผยแพร่ไปทั่วโลกที่เรามีอะไรดีๆ มากมาย คนต่างชาติ องค์กรระหว่างประเทศจะชื่นชมกับเรา ซึ่งที่สำคัญคือประชาชนที่ให้ความร่วมมือจนถึงทุกวันนี้ นอกจากนี้ยังมีการชื่นชมผ่านสำนักข่าวบลูมเบิร์กจัดอันดับให้ไทยจัดการโควิดได้ดีที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลกในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจกำลังพัฒนา จาก 75 ประเทศ โดยอันดับที่ 1 เป็นของไต้หวัน 2.บอตสวานา 3.เกาหลีใต้ 4.ไทย และ 5.จีน ทั้งนี้ การจัดอันดับโดยใช้ตัวชี้วัดคืออัตราผู้เสียชีวิตเปรียบเทียบกับการดำเนินกิจกรรมของประชาชนเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงก่อนโควิด และการดำเนินนโยบายของภาครัฐในการลดความเสียหายที่เกิดขึ้น
    อีกข่าวหนึ่งในบางประเทศที่มีข่าวเรื่องความใกล้ชิดการมีเพศสัมพันธ์อันเป็นเหตุของการแพร่เชื้อ ซึ่งญี่ปุ่นก็มีเหตุนี้ด้วย จึงต้องให้ผู้ให้คำปรึกษาด้านสาธารณสุขตั้งกฎเกี่ยวกับสถานบันเทิงและบาร์ที่เป็นหนึ่งในสถานที่ระบาดในกลุ่มอายุ 20-30 ปี กฎนั้นคือไม่มีการจูบ จะจูบได้เฉพาะแฟนของตัวเองเท่านั้น รวมถึงหลีกเลี่ยงการจูบอย่างลึกซึ้งด้วย ต่อจากนี้รัฐบาลจะตรวจสอบธุรกิจสถานบันเทิงยามค่ำคืนเข้มงวดขึ้น แต่ทั้งนี้ของเรายังไม่เกิดเหตุอะไรขึ้นในภาคธุรกิจด้านบันเทิง ต้องขอบคุณผู้ประกอบการที่ทำดี และให้ทำดีต่อไป ไม่ให้เกิดการระบาดมาจากกลุ่มนี้
    เมื่อถามว่า ขณะนี้ไม่มีผู้ติดเชื้อภายในประเทศนานแล้ว เมื่อไหร่นักเรียนจะสามารถไปโรงเรียนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ โฆษก ศบค. กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่รัฐให้ความห่วงใย รับทราบว่าโรงเรียนหลายหมื่นแห่งเปิดร้อยเปอร์เซ็นต์ไปหมดแล้ว แต่มี 4,532  โรงเรียนที่สลับกันเรียน เพราะพื้นที่เล็กและมีจำนวนเด็กมาก ยังไม่สามารถใช้วิธีปกติได้ ซึ่งที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กได้มอบกระทรวงศึกษาธิการและสาธารณสุขเจาะลงไปว่ามีมาตรการใดหรือมีปัจจัยอื่นมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ดีกว่านี้หรือไม่ เพราะปลอดเชื้อมาพอสมควร จะมีวิธีการอย่างไรให้กลับมาเรียนปกติ และให้เสนอกลับมาที่ ศบค.ชุดเล็กโดยด่วน เพื่อที่จะได้ผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ให้เด็กนักเรียนและคุณครู
    ส่วนการเสนอให้เปิดจุดผ่านแดนถาวรและจุดผ่อนปรนทุกจุดของประเทศ โดยให้เริ่มตั้งแต่เดือน ส.ค.นั้น หน่วยงานที่จะพิจารณาอนุญาตเป็นหน่วยงานใด แล้วต้องผ่านความเห็นชอบศบค.หรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ศบค.ต้องเป็นผู้อนุญาต แต่หน่วยงานประสานและนำเสนอมาตรการข้อปฏิบัติคือกระทรวงมหาดไทย ในที่ประชุมได้มีการหารือประเด็นนี้ และมอบให้กระทรวงมหาดไทยไปดูความเหมาะสม สถานที่ ปริมาณ จำนวนคน กำลังเจ้าหน้าที่ โดยมี 91 จุดจะถูกทบทวนในมาตรการและข้อปฏิบัติ เพื่อนำมาสู่ข้อเสนอมาตรการเชิงปฏิบัติ โดย ศบค.จะต้องมองรอบด้าน รวมทั้งมุมของสาธารณสุข แรงงาน และอีกหลายๆ มุมด้วย
    เมื่อถามถึงกรณีนายจ้างที่เตรียมรับแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ยืนยันมีความพร้อมสำหรับสถานที่กักตัวแรงงาน และจากนี้จะต้องขออนุญาตหน่วยงานใดบ้าง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า การหาพื้นที่กักตัวของนายจ้าง จะเป็นพื้นที่ที่หน่วยงานของภาครัฐหรือเอกชนจัดขึ้นมา เพื่อให้คนที่จะเดินทางเข้ามาจากต่างประเทศมาอยู่รวมกัน วัตถุประสงค์คือควบคุมโรค ลดค่าใช้จ่ายในการกักตัว 14 วัน ซึ่งพบว่าแรงงานถูกกฎหมายกลับมากว่า 60,000 ราย และยังรอการเข้ามาอีกกว่า 40,000 ราย  
    ด้าน พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กองทัพบก (ศบค.ทบ.) กล่าวว่า ทหารไทย 6 รายที่กลับจากการฝึกในสหรัฐอเมริกาที่ติดเชื้อโควิด-19 ยืนยันไม่มีปอดอักเสบ อาการไม่หนัก ไม่ได้ออกนอกค่าย แต่จากการสอบสวนโรคคาดว่าน่าจะเกิดจากการฝึกในพื้นที่บางแห่งที่ไม่ปลอดเชื้อ โดยมี 4 นายแยกไปฝึกในสถานที่เสี่ยง ทำให้เพื่อนอีก 2 นายที่ใกล้ชิดติดไปด้วย แต่ไม่วางใจและจะมีการสอบสวนโรคอย่างละเอียดกับกำลังพลทั้งหมด
สั่งสอบที่มาทหารติดเชื้อ
    หลังจากนี้ สำหรับทหาร 5 นายที่เหลือที่เข้าตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า จะส่งไปกักตัวพื้นที่กักกันโรคที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ซิตี้ จอมเทียน พัทยา โดยในวันที่ 25 ก.ค. จะมีการตรวจสวอปทหารทั้งหมดที่กลับจากสหรัฐอีกครั้ง และเมื่อครบการกักตัว 14 วันแล้วจะมีการสวอปอีกครั้งในวันที่ 3 ส.ค. ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกทราบเรื่องแล้ว และแสดงความห่วงใย พร้อมทั้งให้สอบสวนที่มาของการติดเชื้อว่าเกิดจากจุดใด และที่สำคัญคือให้รักษากำลังพลที่ติดเชื้อให้หายขาด อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถยกเลิกการส่งทหารไปฝึกในต่างประเทศได้ เพราะเป็นไปตามข้อตกลงระหว่างกองทัพบกไทย-สหรัฐ
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีการทุ่มงบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท โดยมอบให้ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร อดีต รมว.สาธารณสุข ไปเจรจาขอซื้อวัคซีนโควิด-19 จากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดว่า รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณ 3,500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสนับสนุนในเรื่องวัคซีน ตั้งแต่การค้นคว้า วิจัย พัฒนา และลงทุนในประเทศ โดยมอบหมายให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติเป็นผู้ดูแล ดังนั้นการใช้งบประมาณจำนวน 600 ล้านบาท ในการจองวัคซีนโควิด-19 ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่ประเทศไทยต้องทำ ซึ่ง นพ.ปิยะสกลเป็นผู้เสนอ และนายกรัฐมนตรีเห็นชอบ  กระทรวงสาธารณสุขจึงรับมาดำเนินการ ทั้งนี้ นอกจากวัคซีนของมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ไทยต้องดูว่ายังมีวัคซีนโควิด-19 ที่มีความเป็นไปได้และใกล้เคียงที่สุดตัวอื่นๆ อีกหรือไม่ รวมถึงดูวัคซีนที่ไทยได้ทำเอ็มโอยูไว้ด้วย
    วันเดียวกัน ศบค.จัดเสวนา "หยุดโควิด แต่ไม่หยุดเศรษฐกิจไทย" โดย พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า การประชุม ศบค.วันนี้ เป็นการผ่อนคลายให้นำชาวต่างชาติเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว รวมถึงกองถ่ายทำภาพยนตร์และแรงงานต่างด้าว เพื่อการสร้างงานและนำรายได้เข้าสู่ต่างประเทศ  แต่ต้องเข้ามาโดยมีระบบที่เข้มข้น ไม่นำเชื้อจากภายนอกนำสู่ไทย เชื่อว่าเรามีการวางมาตรการที่เข้มข้นพอสมควร ซึ่งในการผ่อนคลายตั้งแต่ระยะแรกจนถึงปัจจุบัน มั่นใจว่าไม่มีการติดเชื้อจากการผ่อนมาตรการดังกล่าว เข้าใจดีว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ แต่เศรษฐกิจก็สำคัญเช่นกัน
    อย่างไรก็ตาม การท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ ขณะนี้ได้ทำการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ โดยมีการเสนอนายกรัฐมนตรีว่าต้องทำการท่องเที่ยวแบบ Medical and wellness program plus คือการท่องเที่ยวเพื่อการเสริมสวยหรือรักษาโรค ยกเว้นรักษาโรคโควิด-19  มารักษาพยาบาลในประเทศไทย 14 วัน ซึ่งจะถูกกักตัวในโรงพยาบาลที่รับการรักษา หลังจากนั้นก็จะมีโปรแกรมการท่องเที่ยวพร้อมผู้ติดตามจำนวน 3 คน แม้ปริมาณนักท่องเที่ยวจะไม่ได้มาก แต่คุณภาพและเม็ดเงินที่จะเข้ามาจะมีความใกล้เคียงกัน
    ด้านนายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า คิดว่าเศรษฐกิจไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ถ้าไม่มีการระบาดรุนแรงกลับมาใหม่ โดยช่วงไตรมาสที่ 2 เศรษฐกิจลงไปต่ำสุด เพราะหลายอย่างชะงักงันไปหมด โควิดกระแทกทุกคนแรงมาก ส่วนเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อไหร่นั้น คิดว่านับจากนี้ไปน่าจะใช้เวลาเกือบๆ 2 ปี เพราะเราต้องยอมรับความจริงว่าสถานการณ์โควิดจะอยู่กับเราไปอีกระยะหนึ่ง อีกทั้งหลายๆ ประเทศที่เป็นคู่ค้ากับเราก็ยังมีการระบาดอยู่จึงต้องใช้เวลา ดังนั้นสถานการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจึงค่อยเป็นค่อยไป และใช้เวลา และอีกด้านหนึ่งของเศรษฐกิจไทยเราพึ่งพิงต่างประเทศค่อนข้างมาก.
   


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"