ลงดาบฟันอาญา “วิระชัย” ถอนรากปิดประตู “พิทักษ์ 1”


เพิ่มเพื่อน    

 

            ก่อนหน้าทุกสายตาเฝ้าจับจ้องไปที่ “ผบ.ตร." คนที่ 12 รับไม้ต่อจาก “บิ๊กแป๊ะ" พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ที่จะเกษียณอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถ้าโผไม่พลิกคงจะเป็นเพื่อนรักร่วมรุ่น นรต.36 “บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. ที่จะเกษียณปี 65 และ “บิ๊กนู" พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก นรต.38 รอง ผบ.ตร. ที่เกษียณอายุราชการปี 64 ซึ่งทั้ง 2 เป็นศิษย์สำนักเดียวกันอดีตนายเวร พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ อดีต ผบ.ตร.

            กรมปทุมวันสะเทือนอีกครั้ง เมื่อ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงนามคำสั่งที่ 219/2563 ลงวันที่ 23 ก.ค.63 ให้ "บิ๊กต้อย" พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.กลับไปปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติดังเดิม

            หลังจากก่อนหน้านั้น วันที่ 23 ม.ค.63 "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ เซ็นคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 22/2563 ให้ "บิ๊กต้อย" พล.ต.อ.วิระชัย ไปปฏิบัติราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่ 24/2563 ลงวันที่ 21 ม.ค.2563 ให้เป็นไปอย่างโปร่งใส มีความน่าเชื่อถือ และเพื่อให้เป็นที่ยอมรับแก่ประชาชน

            ชนวนเหตุจากความขัดแย้ง 2 "นายพล" หลังมีคลิปเสียงสนทนาระหว่าง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ระหว่างไปราชการที่ต่างประเทศ ต่อสายถึง พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร. ต้นสายไม่พอใจการวางตัวของ "บิ๊กต้อย" พล.ต.อ.วิระชัย ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับคดีคนร้ายลอบยิงรถ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต ผบช.สตม. และที่ปรึกษาพิเศษสำนักนายกรัฐมนตรี คู่ขัดแย้ง "บิ๊กแป๊ะ" ที่ออกมาแฉทุจริตการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องไบโอเมทริกซ์ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งเรื่องอยู่ที่ ป.ป.ช.แล้ว โดยเสียงการสนทนาถูกแอบบันทึกส่งต่อให้สื่อมวลชน สร้างรอยร้าวลึกของ 2 ผู้บริหารระดับ ตร.

            โดยคำสั่งที่ 22/2563 ที่นายกฯ สะบัดปากกาเซ็นเด้ง พล.ต.อ.วิระชัยไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรีครั้งนั้น ระบุสาเหตุ “พล.ต.อ.วิระชัยมีพฤติการณ์และการกระทำส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่การอำนวยความยุติธรรม กระทบต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง ใช้เวลากว่า 6 เดือนจึงแล้วเสร็จ ก่อนรายงานให้สำนักนายกรัฐมนตรีทราบ และมีคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

            ทันทีที่มีคำสั่งให้ "บิ๊กต้อย" พล.ต.อ.วิระชัย กลับมาทำงานที่ต้นสังกัด สร้างความฮือฮาเพราะเดือนสิงหาคมจะต้องได้ตัวว่าที่ "ผบ.ตร." การกลับมาของ "บิ๊กต้อย" พล.ต.อ.วิระชัยเวลานี้มีนัยอะไรหรือไม่ หรือจะเป็นแคนดิเดต "พิทักษ์ 1" คนต่อไป ด้วยที่มีกระแสข่าวลือฝั่งการเมืองที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนากยกรัฐมนตรี จะกลับมากำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดทางให้ “พล.ต.อ.” และอดีตตำรวจ “พล.ต.ท.” กลับมาผงาดอีกครั้ง

            อย่างไรก็ตาม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะโฆษก ตร. ได้ออกมาสยบข่าวลือ ชี้แจงกระบวนการไป-กลับของ พล.ต.อ.วิระชัยเป็นไปตามขั้นตอน เมื่อมีการร้องเรียนส่งผลกระทบต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายกฯ ได้มีคำสั่งให้ไปประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงทำงาน และเมื่อขั้นตอนการตรวจสอบเสร็จสิ้นก็ได้รายงานให้นายกฯ ทราบ และมีคำสั่งให้กลับมาปฏิบัติราชการที่ ตร.ตามเดิม

            แทงกั๊กยังไม่ทราบผลสอบ อยู่ระหว่างขั้นตอนธุรการ แต่ความจริงคือ “กลับมาเชือด” เมื่อ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร. ได้รับรายงานจากผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงของจเรตำรวจแห่งชาติ พบว่าทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติในฐานะนิติบุคคลได้รับความเสียหาย จึงได้ส่งเรื่องให้สำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กมค.) เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีกับ พล.ต.อ.วิระชัย

                ฐาน “ผิด พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2544 ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ฉบับที่ 21 เรื่องห้ามการดักฟังทางโทรศัพท์หรือข้อมูลสื่อสารอื่นใด ซึ่งมีฐานความผิดจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ” ไปก่อนที่จะมีคำสั่งให้ “บิ๊กต้อย” กลับมาเสียอีก

            พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช ผบก.ป. ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบคดี ลั่นคดีนี้ถึงแม้ผู้ถูกกล่าวหาจะเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ แต่ไม่หนักใจ ทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบ เพื่อความรอบคอบเป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้เสนอเรื่องไปยังกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ตั้งคณะสอบสวน โดยมีนายตำรวจระดับ รอง ผบช.ก.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน และเตรียมเรียกพยานบุคคลทั้งตำรวจและสื่อมวลชนเพื่อหาต้นตอที่มาของคลิปเสียง

            ขณะที่ “บิ๊กต้อย” ยังยิ้มสู้ กลับเข้าทำงานวันแรกที่ ตร.หลังมีคำสั่ง พูดคุยกับสื่อเพียงสั้นๆ “มีขวัญและกำลังใจดี พร้อมจะกลับมาทำหน้าที่ในตำแหน่งเดิมดูแลงานด้านกฎหมาย” แต่เมื่อสื่อถามได้มีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ผบ.ตร.แล้วหรือยัง “บิ๊กต้อย” ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถาม

            ศึกครั้งนี้เพิ่งเริ่มต้น “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย ถูกมองอยู่ฝั่งตรงข้าม และเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่จ้องล้มเก้าอี้ “ผบ.ตร.” โดยร่วมกับอดีตนายตำรวจยศ “พล.ต.ท.” ที่ถูกย้ายไปเป็นข้าราชการพลเรือน โดยอาศัยอำนาจฝากฝั่งการเมืองเปลี่ยนหัวองค์กร นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีเก้าอี้ “ผบ.ตร.” เป็นเดิมพัน คนที่ถูกเด้งก็จะกลับมาเป็นใหญ่ คนที่ถูกถอดชุดสีกากีก็จะได้กลับมาสวมเครื่องแบบอีกครั้ง

            แต่ทุกอย่างต้องชะงัก หลังสิ้นเสียงปืนลอบยิงรถ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ถูกมองว่าทุกอย่างเดินไปตามบท “บิ๊กต้อย” แอคชั่นลงไปกำกับดูแลคดี “บิ๊กโจ๊ก” ออกมาให้สัมภาษณ์โจมตีสาเหตุถูกลอบยิงมาจากความขัดแย้งกับผู้บริหารระดับสูงของ ตร.ในการทำเรื่องระงับการจัดซื้อเครื่องไบโอเมทริกซ์ของ สตม.กว่า 2,000 ล้านบาท จนมีผู้ได้รับความเสียหาย

            และบทสนทนาในคลิปเสียงช่วงหนึ่งระหว่าง “บิ๊กแป๊ะ” กับ “บิ๊กต้อย” ต้นสายระบุว่า “ดูออกเรื่องพวกนี้...รู้หมดไม่เคยพูด..ทุกอย่างเหมือนเตี๊ยมกันมา..นึกว่าจะมีวุฒิภาวะพอไม่ไปเอาเรื่องส่วนตัวของ 2 คนเข้ามาร่วมด้วย รู้ว่าต้อยและโจ๊กคิดอะไรอยู่ ให้ พล.ต.ท.มาสั่ง พล.ต.อ. อยู่คนละที่กัน เขาอยู่สำนักนายกฯ โน้น มันไม่ใช่”

            ศึกครั้งนี้จึงเป็นการ “เอาคืน” แบบถอนรากถอนโคน ในส่วนของคดีว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ต้องใช้เวลาสักระยะ แต่ที่ประตูสู่เก้าอี้ “พิทักษ์ 1” ถูกปิดตายแล้ว ถึงแม้ รอง ผบ.ตร.-จเรตำรวจ มีสิทธิ์ที่จะได้รับการพิจารณาตามระเบียบข้อกฎหมายในวาระการแต่งตั้ง “นายพล” ที่จะถึงนี้

            แต่ต้องจับตาดูหลัง “ผบ.แป๊ะ” เกษียณ ถอดหัวโขนแล้วผลคดีจะออกมาอย่างไร วงการสีกากีไม่มีอะไรที่แน่นอน.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"