กมธ.ตำรวจ สบช่องรื้อคดี 'บอส อยู่วิทยา' เตรียมพบญาติดาบวิเชียรถูกต่อค่าเยียวยาเหลือแค่ 3 ล้าน


เพิ่มเพื่อน    

30 ก.ค.63 - ที่รัฐสภาฯ มีการประชุมคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมาธิการฯ โดยได้เชิญ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี มาให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการตำรวจ กรณีตำรวจ ไม่มีคำสั่งแย้งอัยการที่ไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส ทายาทกระทิงแดง กรณีขับรถชนตำรวจสน.ทองหล่อ เมื่อปี 2555

นายนิโรธ เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า กรรมาธิการตำรวจ ได้มีการสอบถามตำรวจในหลายกรณี ประกอบด้วยกรณีไม่สามารถเอาผิดข้อหาเมาแล้วขับนายวรยุทธ เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุได้ทันที เพราะผู้ต้องหาขับรถหลบหนีเข้าบ้าน ตำรวจทำได้เพียงล้อมบ้านไว้ กว่าจะได้หมายศาลไปตรวจค้นบ้าน นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจแอลกอฮอล์ ก็เป็นเวลา 16.00 น. ซึ่งทิ้งเวลาจากตอนเกิดเหตุไปถึง 10 ชั่วโมง

มีประเด็นทางข้อกฎหมายระบุว่า การจะนำตัวขึ้นสู่ศาลได้ ต้องมีการตรวจวัดทันทีหลังเกิดเหตุ จึงไม่สามารถเอาผิดเรื่องเมาแล้วขับได้ ส่วนเรื่องความเร็วรถยนต์นั้น ตำรวจให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการว่า มีหน่วยงานที่ตรวจสอบความเร็ว 3 หน่วย ได้แก่ 1.สำนักงานจราจร ใช้หลักฟิสิกส์ ดูหลักการปะทะว่าจะมีความเร็ว ความแรงแค่ไหน ผลออกมาในเบื้องต้นว่า น่าจะมีความเร็วเกิน 80 กม.ต่อชั่วโมง 2.อาจารย์จากมหาวิทยาลัยพระจอมเกล้า พระนครเหนือ ใช้หลักวิศวกรคำนวณจากกล้องวงจรปิด พบว่า ความเร็วอยู่ที่ 80 กม.ต่อชั่วโมง 3.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้หลักวิศวกร คำนวณจากกล้องวงจรปิดเช่นกัน พบความเร็ว 177กม.ต่อชั่วโมง

เมื่อข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญความเร็วมีความต่างกัน อัยการจึงเชิญกองพิสูจน์หลักฐานและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาให้ข้อมูลอีกครั้ง ทั้ง 2 หน่วยงาน ยอมรับว่า น่าจะคำนวณความเร็วผิดพลาด เพราะไม่ได้หักลบจากค่าเลนส์ที่กล้อง ทำให้อัยการมีความเห็นว่า ควรไปหาประจักษ์พยานเพิ่มเติม เป็นเหตุให้ มีพยานมาเพิ่มอีก 2 ปาก คือ 1.นายจารุชาติ มาดทอง ซึ่งเป็นพยานที่อยู่ในสำนวนแต่แรกอยู่แล้ว และได้ยืนยันว่า ผู้ต้องหาขับรถไม่น่าจะเร็ว

2.พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร ซึ่งเป็นพยานที่อัยการ ขอให้ตำรวจไปสอบเพิ่มเติม เพราะก่อนหน้านี้ ฝ่ายผู้ต้องหา เคยขอให้ตำรวจสอบปากคำพยานรายนี้ แต่ตำรวจบอกว่า ทำสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว  ถ้าจะให้สอบเพิ่มเติม ต้องไปร้องขอความเป็นธรรมจากอัยการ เพื่อให้มีคำสั่งให้ตำรวจสั่งสอบพยานรายนี้เพิ่มเติม ในที่สุด อัยการก็สั่งให้มีการสอบปากคำพยานรายนี้เพิ่มเติม จนกลายเป็นประเด็นข่าวอย่างที่ออกมา

"กรรมาธิการตำรวจมองว่า คดีนี้ไม่น่าจะถูกต้อง ไม่น่าจะชอบธรรม จึงได้ตั้งข้อสังเกตไปยังตำรวจ ให้มีการตรวจสอบรายละเอียดที่ขาดตกบกพร่องอยู่ ช่องโหว่ที่กรรมาธิการพบคือ การตั้ง 5 ข้อหาแต่ละข้อต่างกัน เมื่อไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหามาฟ้องคดีได้ทัน เพราะหลบหนีไปต่างประเทศ ทำให้บางข้อหาหมดอายุความลงไป ถือเป็นช่องโหว่ทางกฎหมาย"นายนิโรธกล่าว

นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ โฆษกคณะกรรมาธิการตำรวจ และส.ส.สงขลา พรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องสารเสพติด โคเคนที่พบในตัวผู้ต้องหา ทางพนักงานสอบสวนให้การว่า ได้รับการยืนยันจากหมอฟันว่า สารที่ตรวจพบในร่างกายนายวรยุทธ์ เป็นยาที่ให้กับผู้ต้องหา ในการรักษาฟันที่มีส่วนผสมของสารโคเคนอยู่ เป็นเหตุให้ไม่มีการสั่งฟ้องผู้ต้องหาของสารเสพติด

"สำหรับช่องทางในการรื้อฟื้นคดีใหม่นั้น เราทราบมาว่า ทางผู้ตาย มีภรรยาแต่ได้หย่า ไม่มีบุตร มีเพียงญาติพี่น้องที่ดูน่าจะเกี่ยวข้อง 5 คน ซึ่งตอนแรกมีการตกลงจะให้ค่าเยียวยา 6 ล้านบาท ต่อมามีการต่อรองเหลือเพียง 3 ล้านบาทนั้น ต้องไปดูด้วยว่า มีการถูกขู่บังคับอะไร ในการไม่ให้ติดใจเอาความหรือไม่ หลังจากนี้ เราจะไปพบญาติ เพื่อไปสอบถามว่า ยังติดใจในคดีหรือไม่ พร้อมทั้งจะบอกถึงช่องทางในการรื้อฟื้นคดีได้ ถ้ามีหลักฐานใหม่"นายณัฏฐ์ชนน กล่าว

ส่วนปริมาณแอลกอฮอล์ที่ตรวจพบในตัวผู้ต้องหาหลังก่อเหตุไปแล้ว 10 ชั่วโมง ที่ยังมีปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 60 มิลลิกรัม ทางตำรวจชี้แจงว่า ผู้ต้องหา ยืนยันว่า ไม่ได้ขับรถระหว่างเมาสุรา แต่ที่ตรวจพบเป็นการดื่มหลังจากเกิดเหตุแล้ว เนื่องจากเพราะมีความเครียด อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการฯยังติดใจ ช่วงเวลาที่ห่างกัน 10 ชั่วโมง ผู้ต้องหาไปกินอาหารหรืออะไรบางอย่าง เพื่อให้ปริมาณแอลกอฮอล์ลดลงหรือไม่

มีรายงานว่า เหตุที่ทางตำรวจยอมให้ข้อมูลกระจ่างชัด ทั้งที่เป็นชุดเดิมจากการที่มาชี้แจงในกรรมาธิการกฎหมายฯ เนื่องจากครั้งนี้ ได้เชิญเพียงฝ่ายตำรวจมาให้ข้อมูล ไม่ได้เชิญอัยการมาด้วย รวมทั้งการให้ข้อมูลเพียงเฉพาะกรรมาธิการเท่านั้น โดยที่ไม่มีบุคคลภายนอกเข้าร่วมรับฟัง  


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"