ต้องยังงี้...ถึงจะเรียกว่าปฏิรูป


เพิ่มเพื่อน    

        ซุ่มเงียบอยู่นาน...แต่บทจะโผล่ขึ้นมา ก็ยังคงเป็น พันตำรวจโท พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ เจ้าเก่า เจ้าเดิม อย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง คือยังคง แซ่บ กระด้อกระเดี้ยหลาย เล่นเอาบรรดาแควนๆ ซู้ดๆ ซ้าดๆ ปานประดุจได้รับประทานลาบเป็ดอุดร สาขาเริ่มแรก ทั้งพริก ทั้งข่า ตะไคร้ ทั้งกลิ่นหอมของข้าวคั่ว ยวนยั่วให้อยากจะติดตามภาคสอง ภาคสาม และภาคพิสดาร ไปจนกว่าลานวัดจะสะอาดสะอ้าน ยอยกพระศาสนาได้เสร็จสิ้นสมประสงค์จำนงหมายด้วยเทอญญ์ญ์ญ์...

                                 -------------------------------------------------

        คือถ้าเทียบกันแล้ว...ระหว่าง ปฏิรูปพระ กับ ปฏิรูปตำรวจ ซึ่งต่างก็ ยากซ์ซ์ซ์ฉิบหาย ไปด้วยกันทั้งคู่ แต่ระหว่างที่ตำรวจออกไปทางจืดๆ จางๆ กร่อยซะยิ่งกว่าน้ำล้างหัวล้าน จนใครต่อใครห่อเหี่ยวกันไปทั้งบ้าน ทั้งเมือง อดีตตำรวจอย่างพันตำรวจโท พงศ์พร ก็ช่วยกระตุ้นความมีชีวิต ชีวา ความหวัง ความปรารถนา ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปในทางบวก ให้พอเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ขึ้นมาได้มั่ง และงานนี้...ก็คงไม่ใช่เพราะ โชคช่วย ล้วนๆ ส่วนจะเป็นเพราะใคร หรืออะไรช่วย คงต้องเก็บไปคิดกันเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...งานนี้ แนวโน้มของความเป็น องค์อุปถัมภก-ยอยกพระศาสนา ได้ปรากฏให้เห็นอย่างค่อนข้างชัดเจน เหมือนอย่างครั้งที่ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรีท่านได้ทรงปรารภไว้ในพระราชนิพนธ์นั่นแล...

                              ---------------------------------------------------

        เฉพาะแค่ ภาคหนึ่ง ที่ปรากฏให้เห็นจากกรณีทุจริตเงินทอนวัด...บรรดาวัดแต่ละวัดที่อยู่ในข่าย ผู้ต้องหา ก็ต้องเรียกว่าเบ้อเร่อเท่อ เบ้อเริ่มเทิ่ม ไปด้วยกันทั้งสิ้น ถ้าหากไม่อาศัยพลังลมปราณระดับบรรลุขั้นที่ 8 ขั้นที่ 9 กันจริงๆ แล้ว โอกาสที่จะตกม้าตาย หรือลมปราณแตกซ่าน ย่อมเป็นไปได้สูงเอามากๆ ระดับวัดสระเกศยังงี้ วัดสามพระยายังงี้ วัดสัมพันธวงศ์ยังงี้ แถมแต่ละพระท่านยังผนวกตำแหน่งกรรมการเถรสมาคมเอาไว้แบบครบวงจร ถ้าหาก ไม่แน่จริง แล้วดัน ควักปืนออกมายิง ไม่เพียงแค่กระสุนด้านเท่านั้น เผลอๆ...ลำกล้องระเบิด แตกใส่ผู้ยิงเอาง่ายๆ...

                               -----------------------------------------------

        แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยการซุ่มเงียบ ค่อยๆ เก็บรวบรวมหลักฐานชนิดหนาเตอะปาเข้าไปเกือบ 2,000 หน้า ข้อกล่าวหาของผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาคราวนี้ คงไม่ใช่เรื่อง ล้อเหล้นน์น์น์ อยู่แล้วแน่ๆ ส่วนอะไรผิด-อะไรถูก อะไรจริง-อะไรเท็จ ถือเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกระบวนการยุติธรรมตามกฎหมายบ้านเมืองว่ากันไปตามสภาพ แต่กระบวนการตามกฎของสงฆ์นั้น คงต้องปล่อยให้ พระ ท่านว่าของท่านกันไปเอง และภายใต้สมเด็จพระสังฆราชที่ถือเป็น พระแท้ ระดับจะเรียกว่า อริยสงฆ์ ก็ย่อมได้ ซึ่งไม่ได้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งเพราะ โชคช่วย เช่นกัน ก็คงไม่มีอะไรต้องไปห่วง ไปกังวล มากมายเกินไปนัก...

                                  -------------------------------------------------

        อย่างไรก็ตาม...สำหรับ ตำรวจ นั้น คงต้องพักชมโฆษณาอีกซักครู่ เพราะหลังจากที่ พระอาจารย์บุญสร้าง ท่านบุพเพสันนิวาสมาร่วม 8 เดือน 9 เดือน โกษาเหล็ก ก็ยังทนมือ ทนตีน ไม่ได้ถูกจับไปหวด ไปเฆี่ยน อะไรมากมายนัก ซึ่งจะไปโทษ พระอาจารย์บุญสร้าง รายเดียวคงไม่ได้ แม้ว่าท่านจะตรงไป-ตรงมา อดทน อดกลั้น มุ่งมั่นเพียรพยายามอย่างถึงที่สุด แต่เมื่อเจอเข้ากับลูกตื๊อ ลูกดื้อ แบบชนิดเม็ดต่อเม็ด ด้วยความเป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ ที่ค่อนข้างจะเกรงใจใครต่อใครไปซะหมด มันเลยต้องออกไปทางรูดไป-รูดมา หรือลูบไป-ลูบมา ด้วยประการฉะนี้...

                                 ------------------------------------------------------

        พูดง่ายๆ ว่า...ถ้าจะให้บรรลุเป้าหมาย ระดับพอได้เห็นเนื้อ เห็นหนัง ขึ้นมามั่ง คงต้องอาศัยกรรมวิธีเดียวกันกับ ปฏิรูปพระ นั่นแหละ คือต้องมี กำลังภายใน ต้อง ผนึกลมปราณ กันอย่างเป็นระบบ จะรอให้ โชคช่วย เพียงอย่างเดียวคงมิได้ เพราะขนาดพันตำรวจโท พงศ์พร นั้น หวิดๆ...จะตกม้าตายมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ด้วยเหตุที่ ธรรมะย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม จึงหลุดรอดปากเหยี่ยว ปากกา มาได้จนถึงบัดนี้ ดังนั้น...ถ้าอาศัยเพียงแค่ พระอาจารย์บุญสร้าง รายเดียวล้วนๆ ยังไงๆ...มันคงได้อย่างเท่าที่เห็นๆ กันอยู่นั่นแหละทั่น...

                               --------------------------------------------------

        แม้จะสไลด์ลูกไปเข้าเท้าของ อาจารย์มีชัย แต่ถ้าหากไม่ถ่ายทอดกำลังภายใน ไม่แผ่พลังลมปราณชั้นที่ 9 สอดแทรกตามไปด้วย อาจารย์มีชัย...ท่านก็แก่แล้ว!!! จะให้ท่านไปออกเรี่ยว ออกแรง ทำอะไรต่อมิอะไรมากไปกว่างานช่างไม้ที่ท่านถนัด คงลำบาก แม้ว่าท่านจะมี ปาฏิหาริย์ทางกฎหมาย กักตุนเอาไว้เยอะแยะ แต่ในตอนจะควักออกมาใช้ ยังไงๆ...มันคงต้องอาศัยกำลังภายใน และพลังลมปราณไม่น้อยทีเดียว มันถึงจะพอเปลี่ยนรูป เปลี่ยนทรง หรือ ปฏิรูป กันในระดับโครงสร้างได้จริงๆ ไม่งั้น...คงต้องลูบๆ คลำๆ ไปจนกว่ารัฐบาลหน้า หรือเผลอๆ ถึงชาติหน้าเอาเลยก็ไม่แน่!!!

                               ----------------------------------------------------

        แต่ก็เอาเถอะ...ถ้าอะไรต่อมิอะไรมันดีๆ ขึ้นมามั่ง แม้ไม่ถึงขั้น ทุกวันต้องดีขึ้น ฉัน ก็คงพอรอๆ ได้ต่อไป ไม่ว่ามันจะไกลหรอกหนา หรือไม่ไกลหรอกหนา ก็ตามที โดยไม่คิดจะไปสนใจ หรือไปถือสาหาความ ว่า เธอ จะไปเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมือง พรรคไหนต่อพรรคไหน เพราะถ้าหาก เธอ ได้ทำตาม สัญญา ที่เคยให้เอาไว้ บรรดา กองหนุน ทั้งหลาย ก็คงมาเองนั่นแล...

                             --------------------------------------------------

        ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Mike Murdock... “You will only remembered for two things : the problems you solve or the one you create.- มีสองสิ่งเท่านั้น ที่จะทำให้เราเป็นที่จดจำ นั่นคือปัญหาที่เราแก้ไขได้สำเร็จ กับปัญหาที่เราสร้างขึ้น...”

                               --------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"