ใครแอบหลังม็อบ...เพื่อ?


เพิ่มเพื่อน    

 

      ม็อบ “เยาวชนปลดแอก” กำลังเป็นดาวกระจายไปทุกภาคของประเทศ ทั้งระดับอุดมศึกษาและมัธยมศึกษา การเติบโตอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ยากที่เราจะคิดว่าม็อบเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หลายคนพยายามที่จะเชื่อว่านิสิตนักศึกษาและนักเรียนที่ออกมาชุมนุมนั้นเป็นพลังบริสุทธิ์ที่ต้องการเสรีภาพ เป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ด้านความเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง อุดมการณ์ดังกล่าวนี้ อาจจะเกิดจากการที่บรรดาเยาวชนที่ออกมาชุมนุมนั้นรู้สึกว่าพวกเขาถูกกดขี่คุกคามจากรัฐบาล ที่พวกเขามองว่าเป็นรัฐบาลเผด็จการที่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย และพวกเขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว พวกเขาจึงต้องออกมาชุมนุมขับไล่รัฐบาล แต่เมื่อเราอ่านป้ายที่พวกเขาถือ และฟังคำปราศรัยบนเวที เราก็อาจจะพูดได้ว่าเป็นม็อบที่ไม่ตรงปก ข้อเรียกร้อง 3 ข้อของพวกเขา ได้แก่ การยุบสภา การเลิกคุกคามประชาชน และการแก้ไขรัฐธรรมนูญกลับไม่ใช่เนื้อหาสำคัญของการเขียนป้ายและปราศรัย สิ่งที่เราได้เห็นและได้ยินกลับเป็นเรื่องของการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไม่มีความเกรงกลัวอาญาแผ่นดิน รวมทั้งไม่เกรงใจคนไทยที่จงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อพฤติกรรมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกเป็นเช่นนี้ จะให้คนเขาเชื่อได้อย่างไรว่าไม่มีอีแอบอยู่หลังม็อบ ทั้งนี้เพราะข้อความในป้ายและเนื้อหาของคำปราศรัยมันตรงกับการเขียน การให้สัมภาษณ์ การอภิปราย และการแสดงปาฐกถาของกลุ่มคนที่มีลักษณะชังชาติ และต้องการเปลี่ยนแปลงการปกครองของประเทศไทยด้วยการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์

               หลายคนก็พยายามบอกกับนิสิตนักศึกษาและนักเรียนที่ออกมาชุมนุมปลดแอกว่าไม่มีใครต่อต้านการชุมนุม ไม่มีใครต่อต้านการคิดต่าง ไม่มีใครต่อต้านถ้าหากพวกเขาจะไม่พอใจรัฐบาล จะด่ารัฐบาล หรือจะไล่รัฐบาล มันเป็นสิทธิ์ของพวกเขาที่จะมีความคิด มีทัศนคติที่หลากหลาย จริงอยู่ที่พวกเราบางคนอาจจะมองว่ามีคนบางคนในคณะรัฐมนตรีที่พวกเราคิดว่าไม่ใช่ ไม่เหมาะสมที่จะได้รับตำแหน่ง และพวกเราอาจจะมองว่านักการเมืองบางคนก็เป็นนักการเมืองน้ำเน่าที่ไร้คุณภาพ และพวกเราก็อาจจะเบื่อหน่ายรัฐมนตรีที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งและนักการเมืองน้ำเน่าที่ “เล่น” การเมืองมากกว่า “ทำงาน” การเมือง แต่การที่มีปรากฏการณ์เหล่านี้อยู่ในเวลานี้ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกว่าเรามี “แอก” ที่จะต้องแบกแต่อย่างใด เราไม่ได้รู้สึกถูกคุกคามจากคนที่เป็นรัฐบาล เราไม่ได้รู้สึกว่าเราถูกลิดรอนเสรีภาพในการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้แต่อย่างใด น้องๆ เยาวชนที่ออกมาชุมนุมอาจจะรู้สึกว่าตนเองต้องอยู่ภายใต้กรอบข้อกำหนดของพ่อแม่ที่บ้าน ครูที่สถานศึกษา และกฎหมายบางฉบับ แล้วก็มาพาลว่าชีวิตไร้เสรีภาพและถูกคุกคามโดยรัฐบาลหรือเปล่า

               การที่เยาวชนปลดแอกคิดว่าถูกคุกคามและเสรีภาพถูกลิดรอนนั้น เป็นเพราะมีใครคอยป้อนข้อมูลที่ผิดบิดเบี้ยว พูดความจริงไม่ครบ ตีความประวัติศาสตร์อย่างบิดเบือน สร้างวาทกรรมให้น้องๆ รู้สึกว่าถูกตีกรอบ โดยทำให้น้องๆ มองว่ากฎระเบียบกติกาต่างๆ ที่มีการกำหนดขึ้นมาเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของสังคมนั้น เป็น “แอก” ที่พวกเขาต้องแบก และที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ คนที่คอยชักจูงและครอบงำความคิดของน้องๆ นั้น พยายามที่จะโยงว่าการถูกลิดรอนเสรีภาพ หรือการถูกคุกคาม (ทั้งๆ ที่ไม่มีการคุกคาม) นั้น มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันสูงสุดของประเทศ การใส่ความคิดนี้ไปในสมองของเยาวชนเป็นการกระทำที่ต่อเนื่อง มีความถี่สูง กระจายไปทั่วบนพื้นที่ social media เมื่อพวกเขาแอบปลุกปั่นยุยงเยาวชนได้สำเร็จแล้ว เขาก็พยายามปลุกเร้าให้เยาวชนเหล่านี้ให้มี “ความแค้น” ที่จะต้องออกมาต่อสู้ และจะต้องทำให้เยาวชนเหล่านี้มี “ความหวัง” ว่าการต่อสู้ที่มีความแค้นเป็นพลังนั้น จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ

               ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ คงจะห้ามไม่ให้ประชาชนที่ติดตามดูความเคลื่อนไหวของเยาวชน คิดว่าการชุมนุมของพวกเขามี “อีแอบ” ให้การสนับสนุนไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเงิน สิ่งของ และความคิดที่จะนำมาใช้เขียนป้าย และกำหนดเนื้อหาในการปราศรัยบนเวทีของการชุมนุม พฤติกรรมหลายๆ อย่างของเยาวชนที่ออกมาชุมนุมเพื่อปลดแอกนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย แต่ทางรัฐบาลก็ได้แต่เพียงแสดงความห่วงใยและเตือนเยาวชนทั้งหลายว่าอาจจะทำให้ตัวเองเดือดร้อน และอาจจะทำให้พ่อแม่เดือดร้อนด้วย คำพูดเช่นนี้ไม่ใช่คำขู่ แต่เป็นการแสดงความห่วงใย เพราะหากพวกเขาล้ำเส้นมากๆ ทำผิดกฎหมาย จะให้เจ้าหน้าที่ละเว้นการจับกุมคงไม่ได้ ถึงเวลานั้นก็คงจะมีวาทกรรมเรื่อง “รัฐบาลคุกคามประชาชนผู้คิดต่าง” ออกมาอีก การคิดต่างไม่ผิดกฎหมาย และข้อความที่เขียนบนป้ายและเนื้อหาคำปราศรัยต่างหากที่ผิดกฎหมาย เวลานี้รัฐบาลใช้ไม้นวมในการจัดการ จนทำให้ประชาชนผู้รักชาติและจงรักภักดีต่อสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ตำหนิรัฐบาลว่าทำอะไรอยู่ ถึงได้ปล่อยให้เยาวชนปลดแอกทำอะไรที่ล้ำเส้นได้มากขนาดนี้

               ในขณะที่เยาวชนออกมามายืนอยู่ข้างหน้าและเสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย อีแอบทั้งหลายอยู่ที่ไหน ทำไมไม่ออกมาเสี่ยงกับเยาวชนบ้าง เยาวชนถูกจับ อีแอบคงไม่โดนจับ เยาวชนพวกนั้นเขาจะรู้สถานการณ์ดังกล่าวนี้หรือไม่ สิ่งที่พวกน้องๆ ทำเมื่อลามปามล้ำเส้นไปเรื่อยๆ อาจจะเลยจุดของการใช้สิทธิเกินกว่าบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ เมื่อนั้นน้องๆ ก็จะต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาต่างๆ นานา แต่อีแอบทั้งหลายก็คงจะลอยนวล ตอนนี้พวกเขากำลังรอวันที่น้องๆ ที่ออกมาชุมนุมนั้นช่วยให้พวกเขาบรรลุเป้าหมาย

               อยากจะบอกกับเยาวชนปลดแอกว่า เรื่องราวประวัติศาสตร์ที่อีแอบทั้งหลายป้อนให้น้องๆ นั้น เป็นประวัติศาสตร์ที่บิดเบี้ยว บิดเบือน ดังนั้นน้องๆ ควรจะคิดอ่านหาข้อมูลที่เป็นความจริง อย่าอ่านเฉพาะข้อมูลบนพื้นที่ Social media ที่มาจากกลุ่มอีแอบ น้องๆ เชื่อ Google มากไม่ใช่หรือ ลองเปิดค้นเรื่องที่เคยได้ยินจากพวกอีแอบใน Google ดูบ้างก็ได้ รับรองว่าจะเจอเนื้อหาที่ต่างจากการยุยง ปลุกปั่น ของพวกอีแอบที่มักพูดความจริงแบบครึ่งๆ กลางๆ ตามที่พวกเขาต้องการใช้ในการครอบงำเยาวชนให้คล้อยตามทัศนคติเชิงลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของพวกเขา เพื่อให้น้องๆ มีทัศนคติเชิงลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ (ตั้งใจล้มเจ้า) ต่อประเทศไทย (อาการชังชาติ) รัฐบาล (ต้องการเป็นใหญ่) ในตอนเป็นรัฐบาลอีแอบพวกนี้ก็ไม่ใช่ “ฝ่ายค้าน” แต่เป็น “ฝ่ายแค้น” ที่เมาหมัดความพ่ายแพ้ สังเกตได้ว่า ไม่ว่าพวกเขาจะพูดอะไรก็ตาม พวกเขาก็จะต้องจบลงด้วยการออกปากไล่ว่านายกรัฐมนตรีจะต้องลาออก และพยายามทำให้เยาวชนเชื่อว่ารัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลเผด็จการ ทั้งๆ ที่รัฐบาลนี้มาจากการเลือกตั้งตามครรลองประชาธิปไตย อีแอบพวกนี้แอบหลังเยาวชนเพื่ออะไร เมื่อพวกเรารู้แล้ว รู้สึกใจหายและห่วงใยประเทศชาติเอามากๆ เลยทีเดียว ต้องช่วยทำให้เยาวชนเข้าใจอะไรให้ถูกต้องกันหน่อยเถิด.

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"