เมื่อคนไทยพายเรือในอ่าง


เพิ่มเพื่อน    

          ที่ชุมนุมสกายวอล์ก เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา มีการผุดแคมเปญ ฟังดูแล้วน่าตกใจ!

            ไม่รับปริญญา

            เหตุผลของผู้ปราศรัยมีดังนี้

                "....สิ่งที่จะมาพูดวันนี้ ไม่อ้อมค้อม พูดตรงๆ จะมาเชิญให้บัณฑิตทุกคนไม่เข้ารับปริญญา การรับปริญญาเสียค่าใช้จ่ายเยอะมาก

                งานรับปริญญาคือการแสดงความสำเร็จของเราและครอบครัว ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปในหอประชุม ไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมพิธี เราไปงาน ถ่ายรูปกับครอบครัวกับเพื่อน

                ขอให้ทุกคนจงไปงาน แต่ไม่เข้าหอประชุม

                รับกับครู รับกับพ่อแม่ รับกับคนที่ส่งเราเรียน ดอกไม้ ของขวัญ ไม่ต้อง เอากระดาษเปล่ามาถ่ายรูปด้วยกัน เป็นสัญลักษณ์ว่าปีนี้เราจะไม่เข้ารับปริญญา

                อยากให้แคมเปญนี้ไม่ได้ทำแค่มหาวิทยาลัยแถวนี้เท่านั้น แต่อยากส่งต่อให้กับบัณฑิตทุกคนที่กำลังจะจบ ปีหน้าและปีต่อๆ ไป ไม่เข้ารับปริญญา ใครอยากรณรงค์แคมเปญนี้ต่อไป ฝากติดแฮชแท็ก #ไม่รับปริญญา...."

            ครับ...ใจความโดยสรุปคือ ไปงานรับปริญญา แต่ไม่เข้าร่วมงานพระราชทานปริญญาบัตร

            นี่คืออีกหนึ่งประเด็นที่ คนรุ่นใหม่กลุ่มนี้เคลื่อนไหว "ให้มันจบที่รุ่นเรา"

            ก่อนที่อะไรๆ จะลุกลามบานปลายไปมากกว่านี้ สังคมไทยคงต้องแก้ปัญหาร่วมกัน

            จะแยกคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ไม่ได้

            เพราะตราบที่ยังอยู่ในสังคมเดียวกัน ครอบครัวเดียวกัน หรือบ้านเดียวกัน จะปล่อยให้ปัญหาคาราคาซังไม่ได้

            เมื่อคนรุ่นใหม่เรียกร้องให้คนรุ่นเก่ารับฟัง คนรุ่นใหม่เองก็ต้องรับฟังคนรุ่นพ่อแม่ด้วย

            สิ่งที่คนรุ่นใหม่ต้องยอมรับคือ ปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่มีมานับแต่ประเทศไทยก่อร่างสร้างตัว ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งของรุ่นคน

            แต่เกิดโดยองค์รวมของประเทศ และประชาชนก็คือส่วนหนึ่งของปัญหางูกินหางนี้

            ไม่ได้เกิดหลังการรัฐประหาร ๒๕๕๗

            ไม่ได้เริ่มเกิดช่วงคนรุ่นใหม่ในยุคนี้ลืมตาดูโลก!

            เมื่อรู้ปัญหา ถัดไปคือการลำดับอะไรต้องทำก่อนหลัง

            จู่ๆ ลุกขึ้นมาหักด้ามพร้าด้วยเข่า คิดแต่จะล้มล้าง เพราะคิดว่าคนรุ่นตัวเองเจ๋งกว่าใคร ก็ขอเตือนว่า หากใช้วิธีนี้ประเทศจะตกอยู่ในวังวนของความขัดแย้งต่อเนื่องยาวนาน

            ที่หวังว่า "ให้มันจบที่รุ่นเรา" จะกลายเป็นแค่ฝันกลางวัน ส่งต่อความขัดแย้งต่อไปยังรุ่นลูกรุ่นหลาน

            มีข้อน่าสังเกต ในอดีตที่ผ่านมาประชาชนทุกสีเสื้อล้วนเรียกร้องประชาธิปไตย ให้รัฐบาลยุบสภา ลาออก ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยกันทั้งนั้น

            แค่ต่างกรรมต่างวาระ

            วันนี้เราก็ย้อนกลับไปสู่จุดเดิม

            ให้รัฐบาลยุบสภา ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ

            และวันข้างหน้าก็จะวนกลับมาสู่จุดนี้อีก

            ปัญหาที่แท้จริงของประเทศคืออะไรกันแน่

            ทุกฝ่ายลองกลับไปคิดให้ตกผลึก หรือไม่ก็ตั้งโต๊ะหารือกัน

            การที่ "ลุงตู่" เตรียมเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นของนักศึกษา นับเป็นโอกาสดีหากนักศึกษากลุ่มที่ชุมนุมอยู่พร้อมเปิดใจ ที่จะแก้ปัญหาร่วมกัน

            ในอดีตรัฐบาลอภิสิทธิ์ เคยเปิดเวทีหารือแกนนำเสื้อแดง เรื่องทำท่าจะจบลงด้วยดี เพราะทุกฝ่ายพร้อมที่จะแก้ปัญหาด้วยกัน

            แต่มีโทรศัพท์จากแดนไกลให้ล้มโต๊ะ สุดท้ายไฟท่วมกรุงเทพฯ

            หลายครั้งที่สงครามจบด้วยการเจรจา แต่มีบ้างที่จบด้วยการล้างเผ่าพันธุ์อีกฝ่าย

            แล้วเราจะเลือกแบบไหน?


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"