ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป


เพิ่มเพื่อน    

 

            “อนิจจาโลกา ณ ครานี้/ ช่างเหลือที่ทรหวนปั่นป่วนคลั่ง/ ทรมาพยาบาทอาฆาตชัง/ กระทบกระทั่งขัดแย้งระแวงใจ/ ช่างทารุณกรุ่นกรึงด้วยขึ้งโกรธ/ ไม่สิ้นสุดหฤโหดหรือไฉน/ วิถีทางโลกาน่าเศร้าใจ/ ด้วยบ่วงใยโกงคดกบฏกัน/ อีกบ่วงโลภแลสลับสุดซับซ้อน/ ทั้งยุ่งเหยิงยอกย้อนกระไรนั่น/ ปวงสัตว์ส่ำพร่ำวอนพระองค์พลัน/ โปรดทรงผันกลับส่อพระวรกาย...”

           ----------------------------------------------

            นี่...คงต้องขออนุญาตขึ้นต้นด้วยส่วนหนึ่งของบทกลอนชื่อว่า แด่พระพุทธองค์ ที่ถอดความ แปลความ พากษ์เป็นภาษาไทย โดยอาจารย์ เรืองอุไร กุศลาสัย จากบทกวี To The Buddha ของท่าน รพินทรนาถ ฐากูร เมื่อหลายต่อหลายสิบปีมาแล้ว แต่ก็ยังคงเป็นอะไรที่ค่อนข้างสอดคล้องกับความเป็นไปของโลก หรือแม้กระทั่งประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลาย ในช่วงระหว่างนี้เป็นอย่างยิ่ง ที่ออกไปทางทั้งป่วน ทั้งคลั่ง ทั้งทรมาพยาบาทอาฆาตชัง ระหว่างกันและกันหนักยิ่งเข้าไปทุกที...

                       -----------------------------------------------

            สำหรับโลกนั้น...ไม่ใช่แค่เฉพาะการไล่ล่า ล้างผลาญ ระหว่างเชื้อโคโรนาไวรัส COVID-19 กับบรรดามวลมนุษยชาติทั้งหลาย ที่ยังหาจุดจบ มุมจบ หาแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ยังไม่เจอ แต่การหันมาไล่เตะ ไล่ถีบ ไล่บด ไล่บี้ ระหว่างมวลมนุษย์ด้วยกันเอง โดยเฉพาะระหว่างคุณพ่ออเมริกากับคุณพี่จีนในช่วงนี้ ต้องเรียกว่า...ช่างเป็นอะไรที่สุดจะทรหวนปั่นป่วนคลั่ง สุดจะอาฆาตพยาบาทและชิงชัง ทั้งขึ้งโกรธ ทั้งหฤโหด ซะเหลือเกิน จนทำให้สงครามการค้า สงครามเทคโนโลยี ค่อยๆ พัฒนากลายมาเป็น สงครามเย็นยุคใหม่ อย่างเห็นได้โดยชัดเจน และเผลอๆ...อาจกลายเป็น สงครามร้อน หรือแม้แต่ สงครามนิวเคลียร์ กันในตอนไหน เมื่อไหร่ ก็ยังมิอาจคาดคะเนได้...

                     -----------------------------------------------

            ส่วนประเทศไทยแลนด์ แดนสยาม ของหมู่เฮาทั้งหลายนั้น...แค่โผล่ๆ เฉียดๆ เข้าไปในโลกเสมือนจริง หรือแม้แต่โลกแห่งความเป็นจริง ก็ต้องเรียกว่า...สุดแสนจะร้อน สุดแสนจะกระทบกระทั่ง เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความระแวงแคลงใจ อย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้ ขณะที่ฝ่ายหนึ่งนัดแนะ โพสต์ และแชร์ ให้ 10 ส.ค.เจอกันหน้าสภาฯ ต่อต้านม็อบจาบจ้วง อีกฝ่ายก็พร้อมที่จะนัดแนะ โพสต์ และแชร์ ให้ 16 ส.ค.เจอกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยไม่คิดจะลด-ละ-เลิก แถมทำท่าว่าคิดจะ ยกระดับ กันซะอีกต่างหาก หรือทำท่าว่าอาจไปไกลเกินกว่ายุบสภาฯ-แก้รัฐธรรมนูญ ไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหนก็มิอาจสรุปได้...

          ---------------------------------------------------

            เล่นเอาบรรดาผู้ที่ไม่มีฝ่ายทั้งหลาย หรือผู้ที่ออกไปในแนวกลางๆ แนว มัชฌิมาปฏิปทา อดที่จะมึนหัว ปวดเฮด ขึ้นมามิได้ แถมมิอาจคว้ายา บวดหาย เอามาช่วยบรรเทา เบาบาง อาการ บวดหัว ได้เลยแม้แต่น้อย เพราะความกระทบกระทั่ง ขัดแย้งระแวงใจ และความทารุณกรุ่นกรึงด้วยขึ้งโกรธ ระหว่างแต่ละฝ่าย ไม่ว่าจะอาศัยตัวยาใดๆ ก็คง เอาไม่อยู่ ไปด้วยกันทั้งสิ้น ด้วยเหตุเพราะมันได้เกี่ยวกับสรีระ ร่างกาย เส้นโลหิต เส้นประสาท หรือไขมันในเส้นเลือด ฯลฯ แต่อย่างใด แต่หนักไปทางเรื่องของ อารมณ์-ความรู้สึก ล้วนๆ...

                     ---------------------------------------------------

            ด้วยเหตุนี้...ก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎ อิทัปปัจจยตา-ปฏิจจสมุปบาท นั่นแหละทั่น คือ ด้วยเหตุเพราะสิ่งนี้-สิ่งนี้...สิ่งนี้จึงเป็นไป หรือด้วยเหตุเพราะ กิริยา ชนิดหนึ่ง จึงนำไปสู่ ปฏิกิริยา อีกชนิดหนึ่ง ส่วนเมื่อ กิริยา และ ปฏิกิริยา กระทำปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน มันจะนำไปสู่สิ่งใดต่อไป สู่ 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภาทมิฬ ฯลฯ หรืออะไรต่อมิอะไรที่ใครต่อใครหยิบยกมาเป็นตัวอย่าง ด้วยความห่วงใย กังวล ไปตามทัศนะ ตามมุมมอง ของแต่ละรายหรือไม่? อย่างไร? คงต้องถือเป็น ตถาตา หรือถือว่า มันเป็นเช่นนั้นเอง หรือ มันเป็นพรรค์นั้นแหละ ไปตามสภาพ...

                     ---------------------------------------------------

            แต่ไม่ว่ามันจะเป็นไปในรูปไหน แบบไหน บรรดาผู้ที่ออกไปในแนวกลางๆ ทั้งหลาย ก็คงหนีไม่พ้นต้องเร่งสะสมพลังกาย พลังใจ และพลังทุกสิ่งทุกอย่างให้มากๆ เข้าไว้ เพราะภายใต้สภาวะใดๆ ที่ก่อให้เกิด วิกฤติ ในรูปแบบต่างๆ ก็มีแต่ พลังกลางๆ เท่านั้นที่พอจะช่วยบรรเทา เบาบาง คอยถ่วง คอยรั้ง ให้แต่ละสิ่งแต่ละอย่าง หวนคืนกลับสู่ความเป็นปกติได้อย่างจริงๆ จังๆ ยิ่งเมื่อสิ่งที่เคยเป็นศูนย์รวมพลังแห่งความเป็นปกติ เป็นศูนย์กลางแห่งธรรมะ หรือศีลธรรม ไม่อาจเข้ามาช่วยเยียวยา บรรเทาเบาบางหรือช่วยผ่อนคลายวิกฤติ ได้ในแบบก่อนๆ ก็เหลืออยู่แต่บรรดาผู้ซึ่งยึดมั่นอยู่ใน มัชฌิมาปฏิปทา ทั้งหลาย จะต้องหันมารวมพลัง ร่วมมือ-ร่วมใจ ร่วมกันแบกรับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ด้วยสติและปัญญา ด้วยคุณธรรม ขันติธรรม ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้...

                  -------------------------------------------------------

            ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้จาก Shakespeare... He that patiently life’s bears, no burden bears, but is a King, a King.- ผู้ที่มีความอดทนสู้แบกภาระแห่งชีวิตนั้น อันที่จริงหาใช่เพียงแค่ผู้แบกภาระไม่ หากแต่เป็น...พระราชา...โดยแท้”.

              ------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"