บทเรียนที่ไม่เคยจดจำ


เพิ่มเพื่อน    

                อือมม์ม์ม์...ชักเป็นรูป เป็นร่าง ก่อรูป ก่อร่าง ให้เห็นเป็นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ สำหรับบรรดา ม็อบ ทั้งหลายในช่วงนี้ และในอนาคตอันใกล้ ทั้งๆ ที่โดยบทเรียน ประสบการณ์ หรือโดย ประวัติศาสตร์ เอาเลยก็ว่าได้ มันน่าจะไม่มีใครคิดม็อบนั่น ม็อบนี่ กันอีกต่อไปแล้ว เพราะนอกจากจะเป็นที่ เชยซ์ซ์ซ์แสนเชยซ์ซ์ซ์ ยังมักจะ เหนื่อยเปล่า มาโดยตลอด...

                                   --------------------------------------------------

                แต่เห็นว่าเมื่อช่วงวันวานที่ผ่านมา...ม็อบนั่น กับ ม็อบนี่ ทำท่าว่าจะเฉี่ยวๆ หวิดจะชนๆ กันและกันขึ้นมามั่งแล้ว คือระหว่าง ม็อบ ครช. หรือกลุ่มก้อน องค์กร ที่คิดจะรวมตัวกันเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้เป็นไปตามที่ปรารถนาและต้องการ ของใครต่อใครก็ยังมิอาจสรุปได้ กับ ม็อบปกป้องฯ หรือม็อบที่รวมตัวกันเพื่อต่อต้าน คัดค้าน ผู้ที่คิดร้าย คิดอันตราย ต่อสถาบันชาติ-ศาสนาและพระมหากษัตริย์ ที่ดันไปเฉี่ยวกันไป-เฉี่ยวกันมา แถวรัฐสภา อันเป็นพื้นที่ที่ถูกนำมาใช้ในการแสดงออกแห่งความปรารถนาและต้องการ ของบรรดาม็อบๆ ทั้งหลาย...

                                 -------------------------------------------------------

                ก็เป็นอันว่า...ยังถือว่าเป็น โชคดี ที่ยังไม่ถึงกับเฉี่ยว กับชน ระหว่างกันและกัน อันอาจนำไปสู่ฉากเหตุการณ์ ที่สุดท้ายแล้ว...ย่อมหนีไม่พ้นต้องอาศัย พลังอำนาจ ชนิดใด-ชนิดหนึ่งมา สลายม็อบ กันจนได้ เพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บ ล้มตาย การหันมาไล่ทุบ ไล่กระทืบ หันมาฆ่าฟันกันเอง ของบรรดาผู้ที่เป็นปวงชนชาวไทยด้วยกันทั้งหลาย อันถือเป็นเหตุผล ข้ออ้าง ที่ยากจะปฏิเสธ แม้ว่าอาจเป็นเหตุผล ข้ออ้าง ที่สามารถ จัดฉาก หรือสามารถตกแต่ง ครีเอทีฟ และวางสตอรี่บอร์ด ให้ดำเนินไปตามแนวนั้นได้ไม่ยากซ์ซ์ซ์ เผลอๆ...อาจง่ายซะยิ่งกว่าการครีเอทีฟ หนังโฆษณา สินค้าใดๆ เอาเลยก็ว่าได้...

                                  -------------------------------------------------------

                ด้วยเหตุเพราะไม่ว่าการ ม็อบ ใดๆ ก็ตาม...ต่อให้มีผู้คนแห่แหน ออกมานอนกลิ้ง-นอนหงาย กันตามท้องถนนนับเป็นล้านๆ หรือกระทั่ง 5 ล้าน 6 ล้าน แบบยุค ม็อบลุงกำนัน ก็แล้วแต่ สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการบรรลุไปถึงเป้าหมายความปรารถนาและความต้องการของบรรดาม็อบในแต่ละม็อบนั้น มันย่อมต้องขึ้นอยู่กับว่า...สามารถก่อให้เกิด พลังอำนาจขั้นเด็ดขาด หรือ พลังอำนาจในขั้นตอนสุดท้าย หรือถ้านำเอาทฤษฎีทางการเมือง รุ่น พระเจ้าเหายังใส่กางเกงหูรูด อย่างทฤษฎี เทคนิครัฐประหาร ของ คูร์สิโอ มาลาปาเต้ โน่นเลย อาจต้องใช้คำว่า พลังอำนาจในการทุบทำลายกองบัญชาการของฝ่ายตรงข้าม เพื่อไม่ให้มีโอกาสปฏิเสธเป้าหมายและสิ่งที่ตัวเองต้องการได้อีกเลย...

                                   ---------------------------------------------------

                พลังอำนาจชนิดที่ว่านี่แหละ...ที่บรรดา ม็อบ ต่างๆ ทั้งหลาย แทบไม่ได้มีอยู่ภายในมือตัวเองเอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะสามารถระดมผู้คนออกมาได้เป็นล้านๆ เป็นแสนๆ หมื่นๆ หรือแค่ไม่กี่พัน กี่ร้อย ก็ยิ่งลำบาก ยากเย็น ยิ่งขึ้นไปใหญ่ ด้วยเหตุนี้ สำหรับ ฝ่ายตรงข้าม ของบรรดาม็อบๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะดีหรือเลว ถูกหรือผิด ชอบธรรม-ไม่ชอบธรรม เพียงใดก็ตาม ย่อมมีสิทธิ์สุมหัว รวมตัว ก่อตั้ง กองบัญชาการ เพื่อหาทางต่อต้าน เล่นงาน อันจะนำไปสู่การ สลายม็อบ ได้ด้วยกรรมวิธีใด วิธีหนึ่ง ไปโดยตลอด โดยอาศัยกลไกและเครื่องมือต่างๆ ที่เอื้ออำนวยกับตัวเอง ไม่ว่าในแง่กฎหมาย หรือในแง่ความถูกต้อง ชอบธรรม ตามความหมาย หรือตามมาตรฐานของตัวเอง ก็แล้วแต่...

                                 -------------------------------------------------------

                ดังนั้น...ถึงแม้จะออกกันมาแล้วเป็นล้านๆ เหน็ดเหนื่อย เมื่อยล้า กับการนอนกลิ้ง-นอนหงายอยู่กลางถนนนับเป็นปีๆ แต่สุดท้าย...อดีตนักการเมืองระดับเขี้ยวลากดิน ที่หันมาสวมบทนักเคลื่อนไหวมวลชน อย่าง ลุงกำนัน ก็ยังไม่อาจเล่นงานนักการเมืองหน้าใหม่ ที่พาสชั้นขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ภายในช่วงเวลาแค่ไม่กี่สิบวันเท่านั้นเอง อย่างคุณน้อง ปู-ยิ่งลักษณ์ ได้เลย ถึงจะเกณฑ์มวลชนตามไปถล่มกองบัญชาการแต่ละกองบัญชาการของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าที่บ้าน หรือที่หน่วยราชการชนิดไหนต่อชนิดไหนก็แล้วแต่ ก็มีแต่ เหนื่อยกับเหนื่อย หรือมีแต่ เสียแรงอก ไปด้วยกันทั้งสิ้น...

                                   -----------------------------------------------------

                ภายใต้สภาพเช่นนี้...ก็เลยหนีไม่พ้นต้องขึ้นอยู่กับผู้ซึ่งยึดกุม พลังอำนาจขั้นเด็ดขาด หรือ พลังอำนาจในขั้นตอนสุดท้าย ว่าสุดท้ายแล้ว จะตัดสินใจหันไปทุบทำลายกองบัญชาการของฝ่ายไหนต่อฝ่ายไหนในท้ายที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่าง...ก็เลยเป็นอันต้องสรุปออกมาอย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในทุกวันนี้นี่เอง คือออกมาแบบ...เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ฮึ้มฮึม ฮึ้มหึ่ม ชนิด 4 ปี 5 ปี หรือ 6 ปีเข้าไปแล้ว อันถือเป็น บทเรียน และ ประสบการณ์ หรือเป็น ประวัติศาสตร์ ที่ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า มาโดยตลอด ไม่ว่าจะ 14 ตุลาฯ 6 ตุลาฯ พฤษภาทมิฬ หรือจะเป็นฉากเหตุการณ์ใดๆ ก็แล้วแต่ แม้แต่ฉากเหตุการณ์ในต่างประเทศ อังกฤษ อเมริกา ฝรั่งเศส ฯลฯ ก็หนีไม่พ้นไปจากแนวคิด ทฤษฎี ตามแบบฉบับ เทคนิครัฐประหาร ของ มาลาปาเต้ เขานั่นแหละ...

                                 -----------------------------------------------------

                คือยังไงๆ...ย่อมหนีไม่พ้นที่จะต้องอาศัย พลังอำนาจขั้นเด็ดขาด หรือ พลังอำนาจในขั้นตอนสุดท้าย เป็นตัวสร้างบทสรุปไปด้วยกันทั้งสิ้น โดยที่บทสรุปนั้นๆ...สุดท้ายแล้ว มันอาจไม่ได้เป็นไปตาม เป้าหมาย หรือตามความปรารถนาและต้องการของบรรดา ม็อบ ใดๆ ได้แบบเบ็ดเสร็จ เด็ดขาด หรืออาจต้องปรับเปลี่ยน แปรสภาพ ปรับสภาพ ไปตามฉากเหตุการณ์ที่สามารถเปลี่ยนกันในระดับนาทีต่อนาที หรือวินาทีต่อวินาที เอาเลยก็ไม่แน่ รวมทั้งเปลี่ยนไปตาม กฎแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่ขึ้นอยู่กับว่า...ใคร??? ที่มี กำ อาวุธ เอาไว้ในมือ หรือมี อาวุธ อยู่ในมือมากกว่า และด้วยความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนี่เอง ที่ทำให้ใครก็ตามที่อุตส่าห์ดิ้นรน กระเสือกกระสน ลงไปนอนกลิ้ง-นอนหงาย อยู่บนท้องถนน ไม่ว่าชายหรือหญิง ไม่ว่าคนแก่ คนชรา หนุ่มๆ-สาวๆ ไปจนถึงบรรดาหนูเล็กๆ เด็กๆ ทั้งหลาย ล้วนอาจต้องกลายเป็น เหยื่อ หรือเป็น สิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ ไปด้วยกันทั้งสิ้น!!!

                               --------------------------------------------------------

                ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Adlai Stevenson... “I am too old to cry, but it hurts me too much to laugh.- ข้าพเจ้าแก่เกินไปที่จะร้องไห้ แต่ก็เจ็บช้ำเกินกว่าที่จะหัวร่อ...”

                                --------------------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"